ตอนที่ 30 ธุรกิจสุดปัง (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 25/03/2567)
“หาเงิน หาเงิน หาเงิน” ชายคนหนึ่งร้องเพลงหาเงินออกมาระหว่างที่เขากำลังดันรถเข็นสีชมพูไปด้วย หลังจากเสร็จธุระกับการหาชุดใหม่ เป้าหมายของวันนี้ก็คือกลับไปยังตลาดกลางเพื่อขายสินค้าอีกครั้ง
[“จะว่าไปทำไมระบบตรวจหาของล้ำค่าอัตโนมัติถึงไม่แจ้งเตือนอะไรเลยล่ะ มันใช้งานได้จริงรึเปล่า?”] ชายหนุ่มคิดขึ้นมาได้หลังจากนึกย้อนกลับไป
[“เป็นเพราะโฮสไม่ได้เปิดการใช้งาน ระบบจึงไม่แจ้งเตือน”] เสียงของระบบตอบกลับมา
[“…”] ชายหนุ่มเลยหมดคำจะพูดและเปิดระบบตรวจหาของล้ำค่าให้แจ้งเตือนตลอดเวลา
[“สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คงไม่พ้นหาเงินซื้อคัมภีร์บ่มเพาะจากร้านค้า”] ชายหนุ่มคิด
ในเมื่อตอนนี้ยังไม่สามารถซื้ออะไรจากร้านค้าสารพัดได้ เขาเลยตั้งเป้าหมายที่จะเก็บผลึกและสร้างชื่อเสียงให้ถึงเป้าในการซื้อคัมภีร์บำเพ็ญเซียนมาให้ได้ในเร็ววัน โดยชายหนุ่มมีแผนอยู่ในใจบ้างแล้ว แค่อาจต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นสักหน่อย
“ข้ามาตั้งแผงสามวัน นี่เงิน” ชายหนุ่มกล่าวกับคนเฝ้าประตูตลาดก่อนจะจ่ายเงินแล้วรับแผ่นป้ายกลับมาติดไว้ข้างรถเข็นสีชมพูพาสเทลคันเดิม
ตลาดยังคงมีผู้คนทั่วไป ผู้ฝึกตน พ่อค้า รวมถึงคนต่างเผ่าเดินกันเบียดเสียดไปหมด อาณาจักรแห่งนี้ไม่ได้คัดแยกผู้คนต่างเผ่าออกจากมนุษย์ทั่วไปมากนัก ขอแค่มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายคลึงกับมนุษย์ล้วนเข้าออกอาณาจักรได้ตามสะดวกถ้าจ่ายเงินและสามารถรักษากฎระเบียบของที่นี่ได้
“เฮ้อ คนเต็มไปหมด จะไปตั้งร้านตรงไหนได้กัน..” ชายหนุ่มถอนหายใจพลางเข็นรถไปด้วย แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่าหญิงสาวที่มาวุ่นวายเมื่อวานอาจจะพอช่วยหาลูกค้าให้ได้ เพราะเหมือนนางน่าจะมีความรู้เรื่องของล้ำค่า หรืออะไรสักอย่างที่พอจะช่วยได้ ต่อให้ช่วยไม่ได้ก็มาซื้อสินค้าของเขาอีกรอบก็ยังดี
“อยู่ไหนๆ เจอแล้ว!” ชายหนุ่มค้นหาหินที่หญิงสาวอ้างว่าใช้ในการสื่อสารได้อยู่นาน เขาเอาออกมาเล่น โยนมันทิ้งไว้ในรถเข็นแล้วลืมไปซะสนิท
“ใช้ยังไง? เจ้าได้ยินไหม ข้าเอง!” ลองตะโกนใส่ก็แล้ว ยังไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ จนผู้คนต่างพากันหันมามองเต็มไปหมด ต่อให้ชายหนุ่มจะไร้ความรู้สึกหรือหน้าหนาขนาดไหนก็อดรู้สึกขายหน้าไม่ได้ เพราะเขาได้ยินคนนินทาเขา!
“ดูนั่นสิ สงสัยจะฝึกวิชาจนธาตุไฟเข้าแทรก” ชาวบ้าน 1 คุยกับชาวบ้าน 2
“ลูกอย่าไปมอง! เดี๋ยวจะติดเชื้อนะ” แม่คนหนึ่งกล่าวดุลูกที่หันมาทางเขา
“เฮ้อ ดูเหมือนชายคนนั้นจะทำงานอย่างหนักจนเลอะเลือนเสียแล้ว น่าสงสารเสียจริง” หญิงกลางคนที่นั่งขายผักอยู่ถอยหายใจออกมาเมื่อมองมาทางเขา
ทุกคนต่างพูดออกมาเสียงไม่ได้ดังอะไร แต่ด้วยระดับพลังของเขาที่สูงขึ้นมา ประสาทสัมผัสต่างๆย่อมดีกว่าคนธรรมดา เสียงเบาแค่นี้ตัวของเขาย่อมได้ยินอย่างชัดเจน
“...” ชายหนุ่มรีบเดินเข็นรถไปจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด หลังเดินมาเกือบหนึ่งลี้ก็พบเข้ากับช่องว่างระหว่างร้านขายของทั่วไปที่มีชายชราท่าทางคล้ายจะเป็นลมได้ตลอดเวลา และร้านขายอาวุธของชายหน้าเถื่อนเหมือนโจรป่า
ไม่รอช้าชายหนุ่มรีบเอารถเข็นไปจอดแทรกกลางทันที นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้ตั้งร้านขายของในตลาด เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ใช้เคล็ดวิชาขายตรงพร่ำเพรื่ออีกต่อไป ทำแบบนั้นจะทำให้สินค้าดีๆเสียมูลค่าหมด ที่เขารู้เรื่องนี้ก็เพราะได้พูดคุยกับเจ้าของโรงเตี๊ยมพลบค่ำ และชายคนนั้นก็ได้กล่าวเตือนเขาขึ้นมาหลังจากที่ได้ซื้อสินค้าไป
ชายหนุ่มก็นำกลับมาคิดและค่อนข้างเห็นด้วย ในตอนแรกเขายังไม่ค่อยจะรู้เรื่องราวนักเลยกระทำไปโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน
ครึ่งหลัง
ครืดดด ครืดดดดด
“เสียงอะไร?” ชายหนุ่มกล่าวออกมาเบาๆพลางค้นหาที่มาของเสียง จนพ้นเข้ากับหินแบนๆที่ทำให้คนมองว่าเขาเป็นบ้าก่อนหน้านี้
“เย่ซี! ในที่สุดเจ้าก็ตอบรับการสื่อสารจากข้าสักที” เมื่อชายหนุ่มเอื้อมมือไปยกมันขึ้นมาก็มีเสียงของหญิงสาวดังขึ้น น้ำเสียงไม่ได้คมชัดเท่าไหร่ แถมยังมีบางช่วงแตกๆด้วย
“เจ้าเป็นใครน่ะ?” ด้วยความที่ระบบถ่ายทอดเสียงออกมาได้แปร่งๆไปหน่อย ทำให้ชายหนุ่มหลงลืมไปว่าเขาได้รับหินก้อนนี้มาจากหยางเสียก่อนจะแยกกันเมื่อวาน
“ข้าเอง หยางเสีย! เราเจอกันเมื่อวานไง” หญิงสาวตอบกลับมาทำให้ชายหนุ่มนึกออกทันที
“เจ้าอยู่ไหน ข้าติดต่อไปตั้งหลายทีไม่เห็นรับการสื่อสาร แล้วก็นะ....” หญิงสาวพูดออกมาไม่หยุด
“อ๋อ ข้าจำได้แล้ว ข้าจะติดต่อเจ้าไปพอดี มาเจอกันที่ตลาดเดิมนะ ลองเดินๆเรียบทางด้านขวามาเกือบในสุด ข้าตั้งร้านอยู่ตรงนั้น” ชายหนุ่มรีบกล่าวแล้วโยนหินสื่อสารเข้าไปในแหวนมิติทันที เขาขี้เกียจจะฟังหญิงสาวบ่นผ่านหินก้อนนี้ เพราะเดี๋ยวอีกสักพักนางก็คงมาหาเขาเอง
หลังจากนั่งรออยู่สองก้านธูป ชายหนุ่มก็เห็นหญิงสาววิ่งมาทางเขาพร้อมโบกมือไปมาให้เขาสังเกตเห็น
“ข้ามาแล้ว! เจ้านี่จริงๆเลยนะ” หญิงสาวกล่าวออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มหันมามอง
“ทางนี้ๆ มาเร็วเข้า” ชายหนุ่มกล่าวตัดบทไป
“ว่าแต่เจ้ามีอะไร ถึงได้ติดต่อหาข้าล่ะ” เมื่อเจอหน้าแล้วชายหนุ่มจึงกล่าวถาม
“ก็ข้าจะซื้อสินค้าน่ะสิ ร้านเจ้ามันประหลาด ซื้อได้แค่วันละชิ้นต่อหนึ่งอย่าง จะไปพอได้ยังไงกัน!” หญิงสาวบ่นขึ้นมาทันที เจ้าของร้านประเภทไหนกันไม่อยากขายของเยอะๆ
“เจ้าพอจะช่วยอะไรข้าได้หรือไม่?” ชายหนุ่มกล่าวถามหญิงสาวตรงหน้า
“อะไรล่ะ ถ้าช่วยได้ข้าก็จะช่วย” หญิงสาวตอบกลับมา
“ข้าอยากขายสินค้าให้ได้เยอะๆ แต่เจ้าก็เห็นว่าผู้คนล้วนมองข้ามร้านของข้าเพราะราคาของมัน โดยไม่แม้แต่จะซื้อสักชิ้น” ชายหนุ่มเล่าถึงสิ่งที่เขาต้องการให้หญิงสาวช่วยออกมา
“ข้าไม่ให้เจ้าช่วยโดยไร้ผลตอบแทนหรอก หลังจากนี้ถ้าเจ้ามีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยก็สามารถบอกกล่าวมาได้เลย” ชายหนุ่มให้คำสัญญากับหญิงสาวไป
“ไม่มีปัญหา ข้าพอมีวิธีอยู่บ้าง” หญิงสาวกล่าวรับคำ ซึ่งในตอนนี้นางก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะช่วยอะไรได้นัก แต่หารู้ไม่ว่าในอนาคตชีวิตของนางจะเปลี่ยนแปลงเป็นพลิกฟ้า โดดเด่นเหนือใครจากการได้ช่วยเหลือและรู้จักชายหนุ่มในครั้งนี้นี่เอง
“เจ้ารอนี่นะ เดี๋ยวข้ามา” ว่าแล้วนางก็รีบวิ่งจากไป
[“นางจะทำอะไรกันแน่นะ”] ชายหนุ่มอดคิดในใจไม่ได้
ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม ชายหนุ่มก็เห็นหญิงสาวเดินกลับมาพร้อมกับกลุ่มคนขนาดใหญ่
“แม่นางพูดจริงใช่ไหมที่บอกว่ามีของวิเศษช่วยบำรุงเลือด ขับของเสีย พิษร้ายออกจากร่างกายในราคาแค่ไม่กี่สิบผลึก? รีบพาข้าไปเชยชมเถิด ข้าจะได้หาซื้อไปให้นายท่านอย่างเร่งด่วน” ชายสูงวัยแต่ดูกระฉับกระเฉงผู้หนึ่งกล่าวถามหญิงสาวที่เดิมนำทางอยู่
นายท่านของเขาถูกคนวางยาพิษใกล้จะตายอยู่รอมร่อ ทั้งตระกูลต่างเสาะหาของวิเศษมารักษามากมาย ผู้วิเศษทั้งหลายก็เคยเชิญมา แต่ไม่มีวี่แววว่านายท่านจะหายเลยสักนิด
“ถั่ววิเศษที่กินแล้วช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายอย่างมากชั่วขณะหนึ่ง ถ้าข้าได้มันมากินข้าก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงประสบการณ์ชั่วขณะนั้นได้” ชายหัวล้านกล้ามเต็มตัวเดินตามมาพลางบ่นพึมพำไปด้วย หมัดทั้งสองข้างของเขามีถุงมือที่ทำจากวัสดุที่ดูแข็งแกร่งสวมใส่เอาไว้
“นี่ๆ เจ้าของร้านนั้นหน้าตาดีจริงๆเหรอ? เจ้าไม่ได้หลอกพวกข้าใช่ไหมหยางเสีย” หญิงสาวในชุดนักพรตสีขาวบนอกมีสัญลักษณ์ดาบบนดอกบัวติดเอาไว้เอ่ยถามขึ้นมา ซึ่งหญิงสาวนางอื่นที่ตามมาด้วยก็อยากจะทราบเช่นกัน
“ทุกท่านเลิกถามได้แล้ว ข้ารับรองว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการ ถ้าสินค้าซื้อแล้วไม่ได้ผลมาทวงเงินคืนกับข้าได้เลย!” หยางเสียกล่าวออกมาพลางตบอกที่นูนออกมาจนมันสั่นขึ้นลง
ใช่แล้ว! เหล่านี้คือคนที่นางรู้จักผ่านการเดินทางร่วมกับอาจารย์ของนาง ไม่ว่าจะเป็นคนของคฤหาสน์อัสนีสีคราม หลวงจีนหมัดคลั่ง เหล่าสาวงามแห่งหุบเขาดาบบัวบาน ทั้งสามกลุ่มอำนาจนี้จัดว่าเป็นขุมพลังอันแข็งแกร่งไม่แพ้ตระกูลระดับสูงของเขตเมืองหลวงเลยทีเดียว
คฤหาสน์อัสนีสีครามเคยเชิญอาจารย์ของนางมาตรวจอาการพิษที่ผู้นำคฤหาสน์กำลังพบเจอ เผื่อว่าจะมีของวิเศษอันใดช่วยได้บ้าง แต่ก็จนปัญญาเพราะพิษนี้น่าจะมาจากเผ่าอสูร นางนึกขึ้นได้จึงรีบติดต่อไปว่านางเจอของวิเศษที่ช่วยชีวิตของผู้นำคฤหาสน์ได้แล้ว! ทางนั้นเลยส่งผู้อาวุโสสูงสุดที่คอยรับใช้ผู้นำคฤหาสน์มาโดยตลอดและผู้ติดตามมาจำนวนหนึ่ง
หลวงจีนหมัดคลั่ง กลุ่มคนที่คลั่งไคล้ในการบ่มเพาะร่างกาย ทุกการต่อสู้ล้วนไร้ซึ่งอาวุธมีคม พวกเขาบำเพ็ญเคล็ดแห่งลูกผู้ชาย ใช้หมัด เท้า เข่า ศอก ในการต่อสู้ แสดงหาหนทางในการทำให้ร่างกายแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ต่อให้เป็นแค่ประสบการณ์ชั่วคราวพวกเขาก็ยินดี นางจึงได้บอกกล่าวถึงถั่วเหลืองวิเศษ ที่แค่กินก็ช่วยให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากได้ชั่วคราว ทำให้กลุ่มหลวงจีนหัวล้านตัวใหญ่โตที่สวมชุดคลุมสีส้มอิฐ เดินทางตามนางมาจำนวนหนึ่ง
ส่วนกลุ่มสุดท้าย หุบเขาดาบบัวบาน สถานที่แห่งนี้รับแต่ผู้ฝึกตนเพศหญิงเข้าร่วมเท่านั้น เพลงดาบของหุบเขาแห่งนี้มองไปทั่วอาณาจักรนับได้ว่าไม่เป็นที่หนึ่งก็ไม่เป็นที่สองแน่นอน แถมเจ้าสำนักของหุบเขาแห่งนี้ยังมีข่าวลืมว่าเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับห้า ราชาปราณแล้ว แม้แต่จักรพรรดิของอาณาจักรยังต้องเกรงใจนางอยู่สามส่วน นอกจากนั้นก็มีข่าวลือว่านางงดงามอย่างมาก เสียดายที่แทบไม่มีผู้ใดได้พบเห็น
เวลานี้ มีถึงสามกลุ่มอำนาจใหญ่เดินทางมาที่ร้านค้าของเย่ซี! หยางเสียรู้ดีว่า ด้วยคนเกือบร้อยที่ตามมา ทุกคนต้องซื้อสินค้าติดมือกลับไปแน่ และร้านรถเข็นนี้จะกลายเป็น ธุรกิจ สุด ปัง มากที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ สุดท้ายในฐานะคนนำโชคลาภก้อนโตมาให้ พวกเขาทั้งสามกลุ่มต้องตอบแทนนางอย่างแน่นอน!!
ได้ทั้งหนี้บุญคุณจากสามกลุ่มอำนาจ
ได้ทั้งช่วยชายหนุ่มท่าทางลึกลับแต่มีสินค้าสุดวิเศษ
นางมีแต่ได้กับได้!