ตอนที่ 110 กฎที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ
ออสบอร์นออกจากคฤหาสน์ในเวลาเกือบบ่าย แอนน์เตรียมข้าวเที่ยงให้เขาตามคำสั่งของพาเวล พ่อมดจึงจำเป็นต้องทานข้าวเที่ยงก่อนค่อยออกไปดูพวกนอติลุสที่อาคารหลักของสถานศึกษา ระหว่างทางพ่อมดเฒ่าพบกับแอนทอนลูกศิษย์ของอาร์คบิชอปนีโอที่กำลังยืนอยู่หน้าหลุมศพของอาจารย์แม็กนัส ออสบอร์นพอจะรู้เรื่องราวมิตรภาพระหว่างนีโอกับแม็กนัสมาบ้าง สิ่งที่แม็กนัสทำนั้นกล้าหาญมาก เขาเลยไม่ต้องคิดอะไรมากตอนที่แอนทอนมาขอพื้นที่ส่วนหนึ่งในสถานศึกษาเพื่อฝังศพของอาจารย์ผู้เฒ่า
ครอบครัวของกรีมัวร์กำลังฟื้นตัวจากการถูกขังและทรมาน ดูเหมือนว่าเด็กๆจะมีความสุขเป็นพิเศษหากดูจากรอยยิ้มบนใบหน้าที่แทบไม่เคยปรากฎออกมาเลยหลังจากแยกกับครอบครัว อดีตบารอนเฒ่าแห่งเบราน์ไวค์ดูแก่ชรากว่าที่ออสบอร์นคิดเอาไว้ ชีวิตของเขาหลังจากถูกถอดยศคงจะไม่สุขสบายมากนัก หลังจากนี้ออสบอร์นตั้งใจจะอุปถัมภ์ครอบครัวของกรีมัวร์ต่อไป ไม่ว่าอาการป่วยของหญิงชราจะสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ก็ตาม
“ท่านออสบอร์น”
แอนทอนเดินเข้ามาหาผู้มีพระคุณของเขา ร่างของพ่อมดเฒ่านั้นดูสง่าและสูงสุข มันถูกขับเน้นถึงพลังอำนาจของผู้ยิ่งใหญ่เมื่อมีแอนน์และมันดังกัสเดินตามอยู่ด้านหลัง
“อาจารย์แม็กนัสเป็นคนที่น่านับถือมาก ความกล้าหาญของเขาจะถูกจดจำตลอดไป เช่นเดียวกับอาจารย์ของเจ้า อาร์คบิชอปนีโอจะถูกฝังอย่างสมเกียรติตามที่ข้าเรียกร้องไปถึงเบร์โตริโอ”
“ขอบคุณท่านอีกครั้งขอรับ”
แอนทอนคุกเข่าลง ออสบอร์นประคองเขาขึ้นมา
“ฉันอาจต้องเดินทางออกจากที่นี่ในวันพรุ่งนี้ พวกเธอจะติดตามฉันกลับไปหรืออยู่ในเมืองพรินต์ก็ได้ หากตัดสินใจอยู่ที่นี่เธอจะเป็นผู้ช่วยให้กับคาร์ลไวเคานต์แห่งพรินต์คนใหม่ เขาอาจไม่ปรากฎตัวในเร็วๆนี้เธอจำเป็นต้องจัดการทุกอย่างเองคนเดียว”
ออสบอร์นค่อนข้างไว้ใจแอนทอนมาก คนๆหนึ่งที่ยอมสละชีวิตปกป้องเด็กชายที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตนเองเลยแม้แต่น้อยตลอดการเดินทางอันยาวนานล้วนเป็นผู้ที่น่านับถือ
“ผมขอคิดดูก่อน ครอบครัวของท่านกรีมัวร์เองก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ”
แอนทอนถือว่าครอบครัวของเด็กชายสองคนนั้นเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุดในตอนนี้
ออสบอร์นเดินนำแอนทอนจนมาถึงอาคารหลักของสถานศึกษา พลังเวทมนต์ที่ดูคุ้นเคยดีกำลังสั่นไหวเป็นระลอกคลื่นบางเบา ในฐานะคนที่เคยกำราบโลหิตพระเจ้ามาก่อนออสบอร์นเดาได้ทันทีว่าพิธีกรรมของพวกวอร์ล็อคได้เริ่มขึ้นแล้ว ครอบครัวของกรีมัวร์ยืนอยู่ด้านหน้าอาคารด้วยสีหน้าเป็นกังวล
อังเดรมองเห็นออสบอร์นเดินมาทางนี้พร้อมกับแอนทอนก่อนใคร เด็กชายที่ปกติกล้าหาญและมักจะแสดงความเป็นผู้ใหญ่ออกมาเสมอต่างจากน้องชาย ตอนนี้กลับเดินไปทางด้านหลังของมารดาและแอบมองมาที่พ่อมดเฒ่าเงียบๆ ในขณะออสตินเดินหลบไปก่อนแล้ว
“กรีมัวร์ยังไม่ดีขึ้นสินะ”
ออสบอร์นทักทายชายชราเพาล์ก่อน บุตรชายคนเล็กของเพาล์และกรีมัวร์ก็ยืนอยู่ด้วย เขาควรชื่อเด็นนิส ตามที่ออสบอร์นรู้มาเด็นนิสเป็นช่างไม้และอาศัยอยู่กับบิดาและครอบครัวที่แยกออกมาจากพี่ชาย
“ผมพยายามขอเข้าไปหากรีมัวร์หลายครั้ง แต่พวกเขาไม่อนุญาต”
เพาล์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ต่างจากเด็นนิสที่ไม่ได้มีความผูกพันธ์กับมารดามากนัก ครั้งล่าสุดที่เขาได้พบกับนางคือเกือบยี่สิบปีที่แล้ว
“ตามผมมาสิ”
ออสบอร์นจูงมืออดีตบารอนแห่งเบราน์ไวค์เอาไว้ก่อนจะเดินนำพวกเขาเข้ามาภายในตัวอาคาร กระแสพลังเวทมนตร์บนชั้นสามกำลังอ่อนลง ตามที่เขาคาดการณ์พิธีกรรมคงใกล้จบแล้ว
“ท่านออสบอร์น”
พาเวลที่ยืนรอคำสั่งจากมุขมนตรีทั้งห้าคนกำลังเดินไปมาอย่างกังวลอยู่ด้านหน้าห้องประกอบพิธีกรรมเขาก้มคำนับพ่อมดเฒ่าเล็กน้อยและรีบอธิบายสภานการณ์ตอนนี้ให้กับออสบอร์นได้รับทราบ ออสบอร์นเห็นร่างของบรอนทีสที่ลอยอยู่นอกหน้าต่างไกลๆ ดูเหมือนว่าราชายักษ์จะสามารถย่อหรือขยายขนาดร่างกายได้ในระดับหนึ่ง ส่วนโซยาควรอยู่ในห้องกับพวกวอร์ล็อค
สถานการณ์ไม่ได้รุนแรงมากนัก ขวดน้ำมนต์ระดับศักดิ์สิทธิ์เทียมสามารถช่วยเหลือรกรีมัวร์ได้อย่างมาก เขารู้ว่าสิ่งนี้คือน้ำใจจากเอเลนอร์ผู้ว่าการสำนักงานสังฆการีแห่งเฮอราบอส เบร์โตริโอไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหากดูจากนโยบายโหดร้ายที่เขาประกาศออกมาก่อนหน้านี้
เมื่อพาเวลเล่าจบก็พอดีกับที่พลังเวทมนตร์ภายในห้องสงบลง เสียงฝีเท้าด้านหลังประตูดังขั้นอย่างฉับพรัน ประตูไม้ที่เปิดออกมาจนเกือบสุดทำให้ออสบอร์นสามารถเห็นภายในได้อย่างชัดเจน กรีมัวร์นอนอยู่บนเตียงกลางห้อง โดยมีมุขมนตรีและโซยารายล้อม คนที่ออกมาเปิดประตูคือเบียทริกซ์
“ท่านพ่อมด กรีมัวร์อาการดีขึ้นแล้ว นางอาจเรียกคืนสติปัญญากลับมาได้บางส่วนและสามารถพูกคุยได้ระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้นางจำเป็นต้องพักผ่อน”
เบียทริกซ์เห็นครอบครัวของกรีมัวร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างออสบอร์นแล้ว นางตั้งใจบอกพวกเขาว่ากรีมัวร์จำเป็นต้องนอนพักและจะไม่สามารถพูดคุยอะไรได้ในตอนนี้
“นั่นก็ดีมากแล้ว ผมรอเธอมาทั้งชีวิต ผมยังรอได้อีกนิดหน่อย”
เพาล์กล่าวอย่างดีใจ ออสบอร์นเห็นน้ำตาใสๆเกาะจับตรงหางตาของชายชราเล็กน้อย
“พวกคุณเข้ามาก่อนสิ แต่อย่าพึ่งสื่อสารอะไรกับเธอในตอนนี้ วิญญาณของนางกำลังก่อตัว”
เบียทริกซ์เริ่มใจอ่อน
ครอบครัวของกรีมัวร์พร้อมกับออสบอร์นเดินเข้ามาด้านใน สำหรับพ่อมดเช่นเขาที่เคยสัมผัสพลังของกฎมาก่อน อำนาจที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณบางอย่างยังคงสามารถสัมผัสได้จากอากาศโดยรอบ เขาเดาว่ามันอาจเป็นผลมาจากน้ำมนต์ขวดนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าพลังของมันช่างน่าอัศจรรย์
เหล่าวอร์ล็อคทักทายออสบอร์นทีละคน พวกเขาเดินออกไปยังห้องรับรองที่อยู่ติดกันเพื่อปล่อยให้ครอบครัวของกรีมัวร์ได้ใช้เวลาส่วนตัวสักครู่ โซยาและบรอนทีสเองก็ตามไปด้วย
“อาการของนางเป็นอย่างไร?”
ออสบอร์นเปิดประเด็นทันที เขารู้ว่าพวกวอร์ล็อคอาจต้องเดินทางกลับหลังจากที่รักษากรีมัวร์แล้ว
“พลังแห่งกฎที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณอาจช่วยนางให้กลับมาเป็นปกติได้”
บรอนทีสยังยืนยันแผนเดิม คนอื่นๆไม่ได้โต้แย้งข้อคิดเห็นนี้ มันเป็นทางเดียวที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด
“นั่นค่อนข้างยากนิดหน่อย”
ออสบอร์นใช้พลังแห่งกฎไม่ได้แล้ว อายุขัยของเขาเหลือแค่ห้าสิบกว่าปี เขาแค่ดึงแดนปฐมแห่งแสงลงมาไม่กี่วินาทีมันก็คงระเหยหายไปหมด กฎที่เขาค้นพบจากแดนปฐมแห่งแสงเองก็มีไม่มากนักและมันก็ยังไม่ใช่กฎที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณด้วย ส่วนกฎผู้มาก่อนแสงนั้นควบคุมได้ยากมากตราบใดที่เขาไม่ใช่ระดับพระเจ้าแท้จริง สิ่งที่เกิดกับพระคาร์ดินัลอูกุสแตงนั้นเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ถ้าเขาใช้มันกับกรีมัวร์นางอาจกลายเป็นเด็กทารกหรือหายไปตลอดกาลท่ามกลางห้วงเวลาที่ไม่อาจคาดเดา และนั่นคงจะร้ายแรงกว่าสถานการณ์ในตอนนี้มากนัก
ว่าแต่อูกุสแตงอยู่ไหน? ครั้งล่าสุดที่เขาพบพระคาร์ดินัลองค์นี้คือมอบหมายให้โอเพอทิสคอยควบคุมเขาเอาไว้เมื่อคืนก่อน
“เราแอบคาดหวังเล็กน้อยเมื่อพูดถึงการใช้พลังแห่งกฎ กฎของท่านช่างทรงพลังถึงขนาดกำราบอูกุสแตงลงได้ แต่ดูจากสีหน้าของท่านตอนนี้ท่านคงไม่เชี่ยวชาญกฎของวิญญาณเป็นแน่”
นอติลุสสันนิษฐาน
“เป็นเช่นนั้น มีคนอื่นอีกไหม?”
ออสอบร์นไม่ยอมแพ้ เขาใช้ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะใช้ไม่ได้เหมือนกัน
“มีบรรพชนวอร์ล็อค อาจารย์ของมอร์เทรียส เคยมีบันทึกว่าท่านใช้เข็มที่ควบแน่นจากพลังของท่านเย็บวิญญาณที่ฉีกขาดของบรรพชนวอร์ล็อคท่านหนึ่งเข้าด้วยกัน มันอาจเป็นพลังที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ กฎของท่านควรเดินไปในเส้นทางนี้ด้วย”
โคโรนานึกถึงตำราเก่าๆในหอจดหมายเหตุขึ้นมา
“ตำนานกล่าวว่าท่านยังคงมีชีวิตอยู่ด้วยวิธีการบางอย่าง แต่เราไม่แน่ใจว่าท่านเป็นครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์หรือไม่”
อัสซีเจียนไม่เห็นด้วย เรื่องที่มอร์เทรียสเป็นศิษย์โดยตรงของบรรพชนนั้นทุกคนทราบดี แต่วิธีการที่ทำให้บรรพชนท่านนั้นมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้นั้นค่อนข้างพิเศษ มันไม่ใช่การอยู่ยงคงกระพันในขั้นครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์ที่จะขยายอายุขัยของสิ่งมีชีวิตให้ยืนยาวขึ้น เพราะครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์ของทุกเผ่าพันธุ์ไม่มีใครมีอายุขัยยาวนานขนาดนี้ แม้แต่พวกเอลฟ์เองก็ตาม
“ที่สำคัญคือพวกเขาไม่ช่วยแน่ เราพึ่งแสดงตัวว่าเป็นพวกเดียวกับพ่อมดสีเงินนะ”
เบียทริกซ์พูดถึงความจริงที่ทุกคนไม่กล้าเอ่ยออกมา ครั้งนี้เมื่อพวกเขากลับไปถึงอาณาจักรวอร์ล็อค การไต่สวนอันเข้มข้นจะถูกใช้กับมุขมนตรีทั้งห้าคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“นั่นสินะ ดังนั้นท่านพ่อมด เรื่องของอัคมาร์ท่านได้ตัดสินใจหรือยัง?”
นอติลุสหันไปถามออสบอร์น เมื่อคืนนี้พวกเขาคุยกันถึงอัคมาร์ตลอดทั้งคืน นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ออสบอร์นมีเวลาในการตรวจสอบระบบในตอนเช้านี้เท่านั้น
“อัคมาร์ให้เป็นหน้าที่ของผมเอง พวกท่านคอยส่งข้อมูลให้ก็พอ”
ก่อนหน้านั้นออสบอร์นได้เชื่อมต่อหินเชื่อมวิญญาณของตนเองกับมุขมนตรีคนอื่นๆแล้ว
สีหน้าของพวกนอติลุสนั้นดูโล่งอกไปตามๆกัน พวกเขาสามารถกลับไปอาณาจักรวอร์ล็อคได้อย่างสบายใจแล้ว ที่เหลือในตอนนี้คือการถ่วงเวลาการไต่สวนของเนียสแฟร์และของพวกเขาออกไปจนกว่าออสบอร์นจะจัดการกับอัคมาร์ได้
“เช่นนั้นก็เหลือเพียงเรื่องของกรีมัวร์แล้ว เมื่อข้าลองทวนดูให้ดีแล้ว ครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้กฎของวิญญาณได้อาจมีอยู่อีกคนหนึ่ง”
จู่ๆอัสซีเจียนก็นึกขึ้นได้
ทุกคนหันไปมองทางอัสซีเจียนพร้อมกัน ประธานหอดูดาวกระแอมไอหนึ่งรอบก่อนจะกล่าวต่อ ทุกคนกำลังรอให้เขาพูดออกมา
“คุณแม่อธิการเฟโอโดราแห่งภราดรแห่งคำสรรเสริญ”
“เป็นไปได้ พลังเวทย์ของนางที่ใช้หลายครั้งเป็นแนวทางที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณ”
โคโรนากำลังทวนข้อมูลในจดหมายเหตุที่เขาเคยอ่านเกี่ยวกับนาง
“ขอข้อมูลเกี่ยวกับคุณแม่อธิการคนนี้ด้วย ผมอาจต้องเดินทางไปพบนาง”
ออสอบร์นเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของวอร์ล็อคกับมหานครแดนเหนือดี พวกเขาไม่มีทางทำภารกิจนี้ได้สำเร็จแน่ ดังนั้นออสอบร์นจำเป็นต้องออกหน้าในเรื่องนี้
กลุ่มของมุขมนตรีวอร์ล็อคนัดแนะการติดต่อกับออสบอร์นอีกพักหนึ่งก่อนที่พวกจะเดินทางออกนอกอาณาจักรลับเวทมนตร์เพื่อกลับไปยังอาณาจักรวอร์ล็อค
พ่อมดเฒ่ามอบหมายการดูแลกรีมัวร์ให้กับโซยา ส่วนบรอนทีสนั้นมีหน้าที่สำคัญคือการคุ้มกันดินแดนแห่งนี้ อีกไม่นานมันจะมีบุคลากรของศาสนจักรเข้ามายุ่งวุ่นวายแน่นอน หลังจากที่ตัวตนของคาร์ล อัสติเนียนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นไวเคานต์แห่งพรินต์ นั่นหมายความว่าอาณาจักรลับเวทมนตร์อาจต้องสร้างกฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมบุคคลเหล่านี้ แม้ว่าเขาตั้งใจที่จะไม่เปิดพื้นที่ด้านในให้ผู้คนอาศัยก็ตาม มันจะเป็นเพียงดินแดนรกร้างที่มีตำแหน่งขุนนางลอยๆเท่านั้น
เมื่อออสบอร์นกลับมาถึงคฤหาสน์ของคณบดี ดวงอาทิตย์ก็เกือบลับขอบฟ้าไปแล้ว มุขมนตรีทั้งห้าตัดสินใจมอบพาเวลให้อยู่ในความดูแลของออสบอร์น เมื่อดูจากสถานการณ์ของหอการค้าวอร์ล็อคตอนนี้พาเวลเองก็ไม่ขัดข้องเช่นเดียวกัน
คฤหาสน์ขนาดห้าร้อยตารางเมตรตอนนี้ถูกจุดเทียนไขมันสัตว์เอาไว้ทุกจุด แสงสีส้มเรืองรองส่องสว่างอยู่ภายใต้ดวงจันทร์ที่ใหญ่มโหฬาร มันเป็นดวงจันทร์ที่ดวงใหญ่และกลมโตเป็นที่สุด ออสบอร์นมองภาพนี้จากระเบียงบนชั้นสองด้วยสีหน้าไม่ปกติอย่างยิ่ง
“ดวงจันทร์เต็มดวง ใช่คืนนี้หรือ?”
พ่อมดเฒ่าแอบคำนวณปฏิทินของโลกใบนี้อยู่ในใจ มันควรเป็นคืนเดือนมืดในวันนี้
“หรือว่าเราจะคำนวณผิด ช่างเถอะไปนอนดีกว่า”
ตอนนี้ออสบอร์นคิดเพียงอย่างเดียวว่าเขาจะรีบกลับไปป่าต้องห้ามติดตั้งวงแวหนเคลื่อนย้ายอันที่สองที่นั่น และระยะทางระหว่างเฮอราบอสกับป่าต้องห้ามจะใกล้กันเพียงแค่อึดใจเดียว
ร่างในชุดคลุมสีขาวเดินกลับเข้าไปในห้อง แอนน์นำอ่างน้ำและผ้าขนหนูนุ่มเตรียมรอเข้าไว้แล้ว มันดังกัสเฝ้ายามอยู่ชั้นหนึ่ง ส่วนโอเพอทีสก็คอยดูพระคาร์ดินัลองค์นั้นเอาไว้ ออสบอร์นได้เวลาพักผ่อนและฝึกสมาธิตามทักษะระดับตำนานเสียที