Chapter 11: แผนการ
[ยิง: โจมตีถึงตาย ก่อความเสียหาย 100 แต้มต่อเป้าหมาย (อาวุธปืน (ปืนเบา) (พื้นฐาน) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต...]
บันทึกการต่อสู้เด้งขึ้นมาตรงหน้าฉินหรานขณะที่เขาจับตามองร่างไร้หัวร่วงลงพื้น เขารีบพุ่งตัวไปหาอีกคนที่ยังเหลืออยู่
ตอนที่เขาเคลื่อนตัวไป เขาก็เหลือบมองที่หน้าต่างสกิล
[โจมตีสำเร็จ 3 ครั้ง ได้รับสกิล: อาวุธปืน (ปืนเบา) (พื้นฐาน)]
[ชื่อ: อาวุธปืน (ปืนเบา) (พื้นฐาน)]
[ค่าสถานะที่เกี่ยวข้อง: พลังโจมตี, พลังป้องกัน, พลังจิต ]
[ชนิดสกิล: โจมตี]
[คุณสมบัติ: คุณเชี่ยวชาญการใช้ปืนพก, ปืนกลมือ, ไรเฟิล, ไรเฟิลจู่โจม, ไรเฟิลลอบสังหาร เพิ่มความเสียหาย 10%]
[เงื่อนไขการใช้งาน: กำลังกาย]
[เงื่อนไขการเรียนรู้: พลังโจมตี F, พลังป้องกัน F, พลังจิต F]
[หมายเหตุ: คุณได้รับทักษะการใช้ปืน แต่คุณยังไม่ใช่นักแม่นปืนนะ!]
เหมือนกับตอนที่ได้สกิลใช้กริชก่อนหน้านี้ ฉินหรานจู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้ปืน ไม่เพียงแค่ได้รับข้อมูลและความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับปืน แต่ยังรู้ถึงวิธีที่จะทำให้ปืนในมือของเขาก่อความเสียหายสูงสุดได้
เหมือนที่เขาระเบิดหัวของหูเค่อไป
พลังที่ได้จากสกิลยังคงทำให้เขาแปลกใจทุกครั้งแม้ว่าจะมีประสบการณ์ได้รับสกิลมามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว ความรู้ที่ไม่รู้มาจากไหนถูกส่งเข้าสู่สมองเขาและยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายของเขา และฉินหรานรู้สึกเหมือนว่าเขาได้รู้จักเกมนี้ดีขึ้นมาทีละนิดในทุกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกประทับใจในดันเจี้ยนมือใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่แน่ว่าเมื่อเขาจบดันเจี้ยนนี้ได้และเข้าสู่เกมจริง ๆ การได้รับสกิลอาจจะแตกต่างไปจากนี้มากก็ได้ มันอาจจะมีเงื่อนไขมากกว่าการกระทำที่สัมฤทธิ์ผล 3 ครั้ง
มันอาจจะตั้งเงื่อนไขให้เขาต้องลงมือสำเร็จสามสิบครั้ง หรือมากกว่านั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าระดับความยากของเกมจะเพิ่มมากขึ้น และเหมือนกับความสมจริงของมัน ที่รอเขาอยู่ก็คงจะเป็นระดับของความยากที่เพิ่มขึ้น ระดับความอันตรายที่เพิ่มขึ้น ก็
ถ้าทำได้ ฉินหรานย่อมต้องอยากลองหาสกลิเพิ่มมากเท่าที่จะทำได้ขณะที่ยังอยู่ในดันเจี้ยนมือใหม่นี้
และตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่เหมาะสมให้เขาทำอย่างนั้น
เขาเข้าไปหาโจรบาดเจ็บที่เหลืออยู่ มองลงไปที่มัน
“อย่าฆ่าฉันเลยนะ! ได้โปรด!... ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันแค่ทำตามที่เจ้านายสั่ง! ได้โปรด!” โจราดเจ็บเริ่มร้องขอชีวิต ฉินหรานดูน่ากลัวมากสำหรับมัน
พอมันถูกปลดอาวุธและศักดิ์ศรีไปแล้วมันก็เหมือนเสือถูกถอนเขี้ยว มันกลายเป็นตัวไร้ค่ายิ่งกว่าชาวเมืองธรรมดา ๆ ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยน้ำมูกน้ำตา ฉินหรานย่นคิ้ว
แล้วเขาก็ต่อยเข้าที่หน้าของโจรด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เขาเหวี่ยงหมัดครั้งที่สอง
และครั้งที่สาม
เมื่อต่อยครั้งที่สาม การแจ้งเตือนของระบบก็เด้งขึ้นมา
[ชก: ก่อความเสียหาย 1 แต้มต่อเป้าหมาย]
[ชก: ก่อความเสียหาย 2 แต้มต่อเป้าหมาย]
[ชก: ก่อความเสียหาย 1 แต้มต่อเป้าหมาย]
...
[โจมตีสำเร็จครบ 3 ครั้ง ได้รับสกิล: การต่อสู้มือเปล่า (พื้นฐาน)]
[ชื่อ: การต่อสู้มือเปล่า (พื้นฐาน)]
[ค่าสถานะที่เกี่ยวข้อง: พลังโจมตี, ความคล่องแคล่ว, พลังป้องกัน]
[ชนิดสกิล: โจมตี]
[คุณสมบัติ: คุณเชี่ยวชาญการชกต่อยและเตะ เพิ่มความเสียหาย 10%]
[เงื่อนไขการใช้งาน: กำลังกาย]
[เงื่อนไขการเรียนรู้: พลังโจมตี F, ความคล่องแคล่ว F, พลังป้องกัน F]
[หมายเหตุ: ตอนนี้คุณไปทำพาร์ทไทม์เป็นนักสู้ข้างถนนได้แล้วแหละ!]
เมื่อข้อมูลถูกส่งเข้าสมองของเขา ความรู้สึกอันคุ้นเคยก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอีกครั้ง เขากำหมัดแน่น รับรู้ถึงพลังที่แผ่พุ่งออกมาจากร่างกาย
จากนั้นเขาลองชกแรง ๆ อัดแก้มของโจร
[ชก: ก่อความเสียหาย 20 แต้มต่อเป้าหมาย (การต่อสู้มือเปล่า (พื้นฐาน)) เป้าหมายหมดสติ...]
หลังจากเห็นอีกฝ่ายหมดสติไป ฉินหรานก็ยืนขึ้น รู้สึกพอใจ
เป็นอีกครั้งที่เขาได้สัมผัสพลังของสกิล แต่มันยังไม่เพียงพอสำหรับเขา เขาวางแผนเก็บเกี้ยวสกิลอีกสักสองสามอย่างด้วยการใช้ประโยชน์จากโจนผู้นี้
แน่นอนว่าเขาไม่รีบ
เขามองไปที่คู่หูของเขาที่กำลังเดินตรงมาหา
"นายจะไม่ปล่อยมันไปง่าย ๆ ใช่ไหม? คนที่เข้าร่วมกลุ่มกับอีแร้งได้ไม่ใช่คนดีหรอกนะ ไม่มีตัวดีเลยสักคน! แค่ชกมันไม่พอหรอกนะ ความยุติธรรมยังไม่ได้สะสางเลย" คอลลีนพูดขึ้นเมื่อมาถึงข้างตัวฉินหราน เธอเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น
หลังจากอยู่รอดในเมืองนี้มาได้สี่เดือน คอลลีนเหมือนได้เห็นนรกและรู้ว่ามีปิศาจที่ไร้ซึ่งความเมตตาออกอาละวาดไปทั่ว
อีแร้งและคนของมันคือปิศาจที่ว่า
"ไม่ ผมไม่ปล่อยมันไปหรอก!" ฉินหรานส่ายหน้าให้คอลลีนสบายใจ
เขาเองเป็นคนใจดีและมีความเห็นอกเห็นใจแต่เขาไม่ได้คิดจะมอบความเห็นอกเห็นใจนั้นให้แก่ศัตรูของตัวเอง ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือในเกม
"ถ้างั้นแล้ว?" คอลลีนมองฉินหรานด้วยสีหน้าสงสัย
"คุณช่วยผมเก็บของที่ลูทได้หน่อยได้ไหม มันน่าจะมีเยอะพอสมควรเพราะว่าเราจัดการพวกมันได้ทั้งหมด" ฉินหรานยิ้มให้คอลลีน แต่เธอยังไม่ยอมขยับ เขายักไหล่ เขารู้ว่าถ้าเขาไม่มีเหตุผลดี ๆ ให้เธอ คนหัวแข็งอย่างเธอคงไม่ยอมทำตามแน่ ๆ แต่เขาก็ไม่ได้มีความตั้งใจจะเปิดเผยความลับ
เขาชี้ไปที่รอบ ๆ ตัวแล้วพูด "ผมจะบอกคุณทั้งหมดเมื่อเราเก็บทุกอย่างมาแล้ว คุณคงไม่ต้องการสูญเสียของที่ควรจะได้ให้กับพวกขโมยใช่ไหม?"
ฉินหรานรีบเก็บของที่ลูทได้ คอลลีนเองก็ด้วย
หลังจากการต่อสู้ ความเชื่อใจในตัวฉินหรานของคอลลีนก็เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง เธอลดความระมัดระวังตัวลงเวลาอยู่กับเขา เธอเห็นด้วยว่าพวกเขาไม่ควรปล่อยให้ของที่ลูทได้ถูกขโมยไปโดยโจรกาก ๆ คนไหน ถึงจะมีการยิงกันเกิดขึ้น แต่ก็มีคนบางพวกที่ไม่เกรงกลัวและคนที่อยากจะฉวยโอกาสแวะเข้ามาดู และคนพวกนี้ก็มีไม่น้อยเลยด้วย
เมื่อคนพวกนี้มาถึงก็จะเป็นปัญหาแล้ว
ถ้าพวกนี้ได้ปืนและเสื้อกันกระสุนไปจากศพเหล่านี้ คนพวกนั้นกลายมาเป็นสิ่งคุกคามต่อพวกเขาทั้งคู่แทนคอลลีนไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
หลังจากใช้เวลาประมาณห้านาทีในการเก็บทุกอย่างที่สามารถทั้งคู่ก็มารวมตัวกันอีกครั้ง พวกเขาเก็บ [เสื้อกันกระสุน T1] ได้หลายตัวและ [M1905] อีกหลายกระบอก คอลลีนสวมเสื้อกันกระสุนเข้ากับตัว เธอมองฉินหรานด้วยสีหน้าสงสัยอีกครั้ง
เธอพบว่าโจรทั้งหมดตาย ทุกคนถูกฆ่าด้วยการลงมือแค่ครั้งเดียว มันทำให้เธอคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกกบฏ
"ไม่ ขนาดพวกกลุ่มกบฏเองยังไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ มีแค่พวกทหารระดับสูงเท่านั้นที่ทำได้แบบนี้!" เธอคิดกับตัวเองเงียบ ๆ
อย่างไรก็ตาม แกนนำของกลุ่มกบฏดูไม่เข้ากับที่ฉินหรานแนะนำตัวเองเอาไว้ คอลลีนไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมเรื่องนี้ หลังจากผ่านความยากลำบากทั้งหมดมาเธอก็โตกว่าอายุมากและเธอรู้ว่าทุกคนล้วนมีความลับ ฉินหรานก็คงเหมือนกัน ขนาดเธอเองยังมีความลับที่เก็บไว้กับตัว ดังนั้นเธอจะเคารพความเป็นส่วนตัวของเขา ฉินหรานเองก็ใจดีและเป็นมิตรกับเธอ เธอรู้ว่าถ้าเธออยู่กับเขา โอกาสที่จะมีชีวิตรอดก็เพิ่มขึ้นมาก และเธออาจจะผ่านสงครามบ้า ๆ นี่ไปได้อย่างปลอดภัยก็ได้
แม้มันจะมีราคาที่ต้องจ่าย เธอก็ยินดี
มันเป็นความจริงและเป็นสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด
ฉินหรานพบว่าคอลลีนต่างไปจากเดิมแต่ก็บอกไม่ได้ว่าตรงไหน เขาไม่ทันสังเกตเห็นสายตาที่คอลลีนมองมาทางเขา หรือสีหน้าประหลาดบนใบหน้าเปื้อนฝุ่นเปื้อนดินของเธอ
"ตอนนี้จะบอกได้หรือยัง?"
แม้ว่าในใจเธอจะคิดอะไรหลายอย่างแต่คอลลีนก็ไม่สามารถพูดออกมาตรง ๆ ได้ ดังนั้นเธอจึงปล่อยให้ความอายเข้ามาแทนที่และเปลี่ยนเรื่อง
"อีแร้งมีฐานที่มั่นใช่ไหม?" ฉินหรานลดเสียงลงเล็กน้อยเมื่อตอบ แม้ว่ารอบด้านจะดูเหมือนไม่มีใคร ฉินหรานก็ยังคงลากโจรที่หมดสติไปแอบในที่มิดชิด ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า
"ใช่ มีที่หนึ่ง มันอยู่ที่บรอดเวย์ที่หก ข้างในห้างสรรพสินค้า หลังจากพวกกบฏกวาดของออกจากที่นั่นจนหมด อีแร้งก็เข้ายึดและตั้งฐานของมันที่นั่น" คอลลีนพยักหน้าตอบ
"และไม่มีใครในพวกมันรู้ว่าผมเป็นใครใช่ไหม?" ฉินหรานถามต่อ
คอลลีนพยักหน้าอีกครั้ง เธอเบนสายตากลับมาที่ฉินหราน มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ
"นายวางแผนจะแอบเข้าไปที่นั่นเหรอ?" คอลลีนถามอย่างไม่อยากเชื่อ เสียงของเธอสูงกว่าปกติ เธอพูดต่อก่อนที่ฉินหรานจะทันได้ตอบ "อีแร้งไม่เคยปล่อยให้คนแปลกหน้าเข้าไปวนเวียนแถว ๆ ฐานที่มั่นของมันเลยนะ ใครที่อยากเข้าไปข้างในต้องเป็นคนของมันแนะนำเข้าไป หรือไม่งั้นก็เตรียมถูกยิงเป็นก้อนเนื้อเละ ๆ นายกำลังคิดจะใช้ไอ้เวรนี่เพื่อแอบเข้าไปข้างในใช่ไหม? อย่าฝันเฟื่องเลย ตกลงไหม? ฉันพนันด้วยชื่อของย่าเลยว่าแค่นายเข้าไปใกล้ ๆ ไอ้เวรนี่ก็จะหักหลังนายและนายจะเป็นคนที่สองที่ถูกมัดประจานและเผาทั้งเป็น!" คอลลีนคำรามพลางชี้นิ้วไปที่โจรที่นอนหมดสติอยู่
"ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า!" ฉินหรานตอบยิ้ม ๆ
"ดีแล้ว พวกเรากำลังได้เปรียบอีแร้งอยู่ พวกเราเพิ่งชนะการต่อสู้ครั้งนี้ ชนะอีกแค่ไม่กี่ครั้งมันก็เป็นแค่ราชาที่ไม่มีอัศวินปกป้องแล้ว!" คอลลีนพูดอย่างโล่งใจ เธอไม่อยากให้ฉินหรานทำอะไรโง่ ๆ พวกเขาเพิ่งปัดเป่าอันตรายตรงหน้าไปและลูทของดีได้หลายชิ้น
"ผมจะเข้าไปด้วยตัวเอง!" ฉินหรานพูด
ความรู้สึกกดดันพุ่งขึ้นมาแทนความโล่งใจของคอลลีนเมื่อได้ยินคำพูดของฉินหราน