บทที่ 9: ข้าววิญญาณสุกงอม
บทที่ 9: ข้าววิญญาณสุกงอม
ซูฟ่านที่กำลังเก็บเกี่ยวทุ่งข้าววิญญาณมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เขาควบคุมเคียวด้วยพลังวิญญาณของเขา และใช้เวลาไม่นานในการเก็บเกี่ยวข้าววิญญาณขนาด 25 ไร่หรือมากกว่านั้นจนเสร็จ
ซูฟ่านวางมัดข้าววิญญาณในพื้นที่ว่าง จากนั้นก็ใช้วิชาแสงอรุณโดยตรงเพื่อทำให้แน่ใจว่าข้าววิญญาณนั้นจะได้รับแสงแดดเพียงพอ
จากนั้นเมื่อสีข้าวเสร็จ ในที่สุดซูฟ่านก็มองดูกองเมล็ดข้าวมากกว่า 1,200 กิโลกรัมที่ส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ
“นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อ้า มันใช้เวลาตั้งหนึ่งปีกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ และผลผลิตต่อไร่เองก็มีน้อยมาก แต่ถึงงั้น แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
ขณะเดียวกัน ซูฟ่านก็ยกกระสอบข้าววิญญาณน้ำหนัก 10 กิโลกรัมไปวางไว้ในห้องครัว
“แม้ว่ามันจะเป็นของซื้อของขาย แต่มันก็ยังเป็นของกินด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นคืนนี้ฉันจะทำข้าวหมูตุ๋น รสชาติมันจะต้องอร่อยแน่เลย~~” ซูฟ่านยิ้มในขณะแบกกระสอบข้าวเข้าบ้าน เขาเคยลิ้มรสของมันมาก่อนแล้วเมื่อปีที่แล้ว และในตอนนั้น เขาก็ไม่สามารถทำ
ในขณะนี้ เสียงระฆังแจ้งเตือนอันไพเราะก็ดังขึ้นภายในการรับรู้ของเขา
“ไอ้จมูกสุนัขเอ้ย!” ซูฟ่านขมวดคิ้วเล็กน้อย เด็กคนนั้นมาที่นี่ได้ตรงเวลาตลอดเลย
“พี่ซู ดูสิ่งที่ข้านำมาด้วยสิ”
หวังยู่หลุนมาพร้อมกับซากหมูสาลี่ขอบเขตฝึกปราณขั้นสอง
“พี่ซู ท่านไม่ได้พูดเมื่อครั้งที่แล้วหรอว่าเนื้อที่ดีที่สุดสำหรับการกินกับข้าววิญญาณคือเนื้อสัตว์อสูร?”
“ข้าซื้อมันมาจากโถงฝึกสัตว์อสูรโดยเฉพาะเลยนะ”
เมื่อมองไปที่หมูสาลี่ในมือของหวังยู่หลุน รอยยิ้มของซูฟ่านก็ปรากฏขึ้น และเขาก็พูดออกมาอย่างสุภาพ
“ในเมื่อเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว หากข้าไม่รับไว้ก็คงจะเป็นการเสียมารยาท”
ซูฟ่านยิ้มและรับหมูสาลี่มาจากมือของหวังยู่หลุน เขาควบคุมมันด้วยพลังวิญญาณ ฆ่าหมู รีดเลือดออกและตัดเนื้อ
การเคลื่อนไหวอันราบรื่นนี้ทำให้หวังยู่หลุนตกตะลึง
สองชั่วโมงต่อมา ทั้งสองก็ทานข้าวหมูตุ๋นกันอย่างมีความสุข
“พี่ซู ท่านพูดถูกจริงๆ หมูตุ๋นกับข้าวศักดิ์สิทธิ์เป็นคู่ขาที่ลงตัวจริงๆ” หวังยู่หลุนกล่าวด้วยใบหน้ามีความสุข
“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดถึงข้าววิญญาณของข้า”
“ฮ่าฮ่า แค่ติดตามพี่ซู ข้าก็ได้กินอะไรดีๆ แล้ว” หวังยู่หลุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“แล้วการทดสอบของโถงระดับ A เป็นยังไงบ้าง?” ซูฟ่านถามอย่างสงสัย ครั้งล่าสุดที่หวังยู่หลุนมาที่นี่ ซูฟ่านก็ได้สอนทักษะบางอย่างให้กับเขาไป และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้เข้าไปรับการทดสอบต่อโดยทันที
“ข้าฆ่าสัตว์อสูรขอบเขตฝึกปราณขั้นเจ็ดตัวที่สามลงได้แล้ว และยังเหลืออีกเจ็ดตัว การทดสอบถึงจะสำเร็จ” หวังยู่หลุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาดูไม่ได้ทุกข์ร้อนเลย
“อย่าประมาทล่ะ ฉันรู้มาว่าการทดสอบของโถงระดับ A นั้นยากมาก”
“ข้าได้ยินมาว่าสัตว์อสูรขอบเขตฝึกปราณขั้นเจ็ดบางตัวนั้นมีพลังเทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตฝึกปราณขั้นแปดด้วยซ้ำ” ซูฟ่านกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อย เนื่องจากการทดสอบนี้เสี่ยงต่อการเสียชีวิต
“เจ้าไม่คิดจะรอจนกว่าการฝึกตนของเจ้าจะก้าวหน้าไปมากกว่านี้หน่อยหรอ? หรือไม่ อย่างน้อยๆ เจ้าก็ควรหาสิ่งประดิษฐ์ที่ทรงพลังมาช่วยหน่อยดีไหม?”
“ข้ารู้ว่าพี่ซูหวังดีต่อข้า แต่ยิ่งข้าเข้าไปในโถงระดับ A ได้เร็วมากเท่าไร ข้าก็จะยิ่งได้รับผลประโยชน์ได้มากขึ้นเท่านั้น”
“การเข้าสู่โถงระดับ A จะทำให้ข้ามีโอกาสเข้าสู่เขตแดนอัสนีลับแล ซึ่งเป็นโอกาสอันดีในการชำระล้างไขกระดูก ฝึกฝนจิตวิญญาณและปลุกพรสวรรค์ของข้าให้สูงขึ้นไปอีกขั้น และหากข้าโชคดี ข้าก็อาจจะได้รับร่างวิญญาณด้วยซ้ำ”
“นอกจากนี้ ยิ่งขอบเขตของเราอยู่ต่ำมากเท่าไหร่ ผลกระทบที่จะได้รับก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น”
“ด้วยเหตุนี้เอง ขอบเขตฝึกปราณขั้นสี่ในตอนนี้จึงถือว่าเป็นช่วงที่กำลังดี”
ซูฟ่านมองไปที่ดวงตาที่มุ่งมั่นของหวังยู่หลุนและถอนหายใจ
“ใครหวังดีต่อเจ้ากัน ข้าเตือนเจ้าเพราะข้ารู้ต่างหากว่าเจ้าจะไม่สามารถผ่านการทดสอบได้” ซูฟ่านหัวเราะและดุอีกฝ่าย
“ฮ่าฮ่า เพราะงั้นข้าถึงมาหาพี่ซูเพื่อฝึกพิเศษไม่ใช่หรอ?” หวังยู่หลุนหัวเราะตอบกลับด้วย
“ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าในตอนนี้ หากเจ้าอยากจะผ่าน เจ้าก็จะต้องผ่านการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย” ซูฟ่านส่ายหัวแล้วกล่าว
เขาเห็นความสามารถในการต่อสู้ของหวังยู่หลุนแล้ว มันได้รับการพัฒนามาจนถึงขีดจำกัดแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมอีกในเวลานี้
“ข้ารู้ ดังนั้นข้าถึงต้องการจะดูว่าพี่ซูยังมีกลอุบายอื่นอยู่อีกหรือไม่ ข้าอยากจะขอประลองกับท่านเพื่อดูว่าความแข็งแกร่งของข้ายังอยู่ห่างจากท่านมากน้อยแค่ไหน”
ซูฟ่านมองไปที่หวังยู่หลุนราวกับกำลังมองไปที่คนโง่และคิดว่า “เขาอยากประลองกับฉันหรอ? ฉันมีเป็นล้านวิธีในการหยุดแกไม่ให้หายใจนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป!”
“เจ้าแน่ใจหรอว่าเจ้าจะสามารถได้รับอะไรกลับไปได้หลังจากได้ฝึกกับข้า?” ซูฟ่านถามอย่างสบายๆ แม้ว่าเขาจะไม่เคยต่อสู้กับสัตว์อสูรนอกนิกายมาก่อน แต่เขาก็มีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตัวเอง
การเอาชนะหวังยู่หลุนสิบคนพร้อมๆ กันนั้นยังคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
“อืม.. สิ่งที่ข้าหมายถึงคือ การฝึกที่ยุติธรรมโดยใช้วิชาโจมตีเท่านั้น”
“ดี! งั้นข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าขีดจำกัดของขอบเขตฝึกปราณขั้นสี่มันเป็นยังไง!”
ซูฟ่านพูดและชี้สองนิ้วขึ้นไปที่ระหว่างคิ้วของหวังยู่หลุน
ฟ้าและดินเปลี่ยนไป และจากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ปรากฏตัวขึ้นในเวทีการประลองที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งพันเมตร
ทั้งสองอยู่ห่างกัน 100 เมตร แต่เสียงของซูฟ่านก็ยังคงดังไปถึงหูของ หวังยู่หลุนอย่างชัดเจน
“ข้าจะใช้วิชามาตรฐานของนิกายเท่านั้น ส่วนเจ้าใช้วิธีใดก็ได้ที่เจ้าต้องการ”
“เอาล่ะพี่ซู ข้าจะไม่ออมแรง ดังนั้นให้ข้าได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของท่านเถอะ!”
หวังยู่หลุนเปิดใช้งานวิชาขี่ลมขนนกและพุ่งเข้าหาซูฟ่าน
หอกเพลิงพัดโหมกระหน่ำถูกระดมยิงใส่ซูฟ่านจากมุมที่แตกต่างกัน มันปิดผนึกพื้นที่โดยรอบอย่างสมบูรณ์
“การโจมตีเหล่านี้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าเชี่ยวชาญการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของศัตรูมากขึ้น”
ซูฟ่านยิ้มและก้าวถอยหลังไปทางซ้ายเล็กน้อย เขาหลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาได้
“ยังไม่จบแค่นี้หรอก!”
หวังยู่หลุนปรากฏตัวขึ้นด้านหลังซูฟ่านโดยมีหมัดสีทองเล็งไปที่หัวของซูฟ่าน
“พี่ซู ท่านประเมินข้าต่ำไป”
ขณะที่หวังยู่หลุนคิดว่าเขากำลังจะชนะ ร่างของซูฟ่านก็ค่อยๆ หายไป โดยทิ้งกับดักน้ำแข็งเอาไว้ดักจับหวังยู่หลุน
อากาศที่หนาวเย็นจัดทำให้หวังยู่หลุนกลายเป็นน้ำแข็งทันที และวิชาบอลไฟที่ธรรมดาที่สุดก็โจมตีเขาอย่างเต็มกำลัง จากนั้นการต่อสู้ก็สิ้นสุดลง
ย้อนกลับไปในโลกแห่งความเป็นจริง หวังยู่หลุนมองไปที่ซูฟ่านด้วยความตกใจ เขารู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งค้นพบโลกใบใหม่
“พี่ซู นี่คืออะไรกัน?” หวังยู่หลุนไม่ได้สนใจความเจ็บปวดที่เขาต้องเผชิญก่อนหน้านี้และถามอย่างกระตือรือร้น
“ มันก็เป็นแค่วิชาแสงและเงาง่ายๆ บวกกับกับดักน้ำแข็งและวิชาบอลไฟ
“ง่ายๆ แบบนั้นเลยหรอ?”
“วิธีการเช่นนี้สามารถหลอกคนที่ไม่ยอมคิดนอกกรอบเช่นเจ้าได้อย่างง่ายดาย และมันก็ได้ผลทุกครั้ง” ซูฟ่านยักไหล่และตอบด้วยรอยยิ้ม
“พี่ซู ท่านช่วยสอนข้าทีจะได้ไหม?” ในขณะนี้ ดวงตาของหวังยู่หลุนก็จับจ้องไปที่ซูฟ่าน
“เเน่นอน. 1,000 หินวิญญาณสำหรับหลักสูตรเริ่มต้น 10,000 หินวิญญาณสำหรับหลักสูตรระดับกลาง และ 100,000 หินวิญญาณสำหรับหลักสูตรตลอดชีวิต”
“ตราบใดที่เจ้ามีหินวิญญาณ ข้าก็สามารถสอนเจ้าได้ทุกเมื่อที่เจ้าต้องการ” ซูฟ่านหรี่ตาลงและพูด เขาจะไม่ยอมทำงานหนักโดยฟรีๆ และมิตรภาพเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถเติมเต็มท้องของเขาได้
“หินวิญญาณ 1,000 ก้อน!”
“พี่ซู ท่านช่วยลดให้มันถูกกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอ? ข้ามีหินวิญญาณอยู่แค่ 600 ก้อนเท่านั้น และนั่นคือสิ่งที่พ่อมอบให้ข้าเป็นของขวัญสำหรับการทำการทดสอบผ่าน” หวังยู่หลุนพูดด้วยใบหน้าเศร้า
ให้ตายเถอะ! ไอ้เด็กนี่มีหินวิญญาณ 600 ก้อนเลยหรอ!
เขามาจากครอบครัวที่มีฐานะอย่างแน่นอน!
“เอาล่ะ งั้นเจ้าสามารถผ่อนชำระก็ได้ แต่เจ้าต้องจ่ายหินวิญญาณ 500 ก้อนมาก่อน”
ซูฟ่านยื่นมือออกไป หากเขาได้รับหินวิญญาณมา 500 ก้อน แผนการพัฒนาของเขาก็จะรวดเร็วขึ้นมาก”
“พี่ซู ท่านช่วยลดให้ข้าหน่อยได้ไหม? เอาเป็นข้าจ่ายหินวิญญาณ 300 ก้อนให้ท่านก่อนดีไหม?” หวังยู่หลุนต่อรองราคา
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาพูดจบ ประกายแสงก็พุ่งออกมาจากมือของซูฟ่านและทางออกก็ปรากฏขึ้นล่างประตูภูเขา
“ระวังหน่อยเจ้าหนู โอกาสดีๆ ไม่ได้มีบ่อยๆ” ซูฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา มันไม่มีที่ว่างสำหรับการต่อราคาในการทำธุรกิจของเขา