บทที่ 7 การสืบทอดทักษะ
“วิ่ง! เจ้าเด็กนั้นมีอาวุธวิเศษ”
“อ๊า.......”
“อาวุธวิเศษชนิดใดกันถึงได้ร้ายแรงเช่นนี้”
เหล่าทหารที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้เห็นพลังอันน่าสะพรึงของปืนพกเดสเซิร์ทอีเกิลจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปทุกทิศทาง
ฉินจวินเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “ต้าจี๋ โยนพวกมันทั้งหมดมานี่”
“เจ้าค่ะ”
ต้าจี๋ฉีกยิ้มอย่างร่าเริง หลังพูดจบนางก็ลอยเหาะไปฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจถูกเนรเทศ ฉินจวินหยุดยิงก่อนที่ในไม่ช้าต้าจี๋จะเหวี่ยงทหารคนแรกลอยมาในอากาศ เขายกมือขึ้นและยิงออกไปสามนัด ทำให้ทหารคนนั้นตายทันทีตั้งแต่ตัวยังไม่ลงถึงพื้น
ทักษะการยิงยังย่ำแย่
ฉินจวินแอบคิดอย่างเจ็บใจ หากเขาเก่งเหมือนนักแม่นปืนที่ยอดเยี่ยมคงจะยิงถูกด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว
โชคดีที่มีพลังความแค้นอยู่มาก การยิงเป็นร้อยๆนัดจึงไม่ใช่ปัญหา
ด้วยเหตุนี้ทหารที่ถูกต้าจี๋โยนลอยมาแต่ละคนจึงถูกฉินจวินใช้เป็นโอกาสในการฝึกฝนเป็นนักแม่นปืนของเขา ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจทหารทั้งหมดก็ถูกสังหารภายใต้กระสุนจากพลังที่แท้จริงของปืนพกเดสเซิร์ทอีเกิล แต่น่าเสียดายที่เขายังขาดคะแนนประสบการณ์เพื่อเลื่อนระดับอยู่เล็กน้อย
โดยรวมแล้ว คะแนนประสบการณ์ที่จำเป็นในการทะลวงผ่านอาณาจักรกลั่นลมปราณและอาณาจักรก่อสร้างรากฐานนั้นจะไม่มาก แต่คะแนนประสบการณ์ที่จำเป็นในการจะทะลวงผ่านอาณาจักรแก่นทองคำต้องมีจำนวนมหาศาลแน่นอน
แต่ฉินจวินยังคงพอใจกับสิ่งนี้อยู่
ฉางห่าวและฉางเฉียนเฉียนตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงทหารเหล่านี้จะไม่แข็งแกร่งมากแต่พวกเขาก็ยังคงเป็นผู้บ่มเพาะในระดับอาณาจักรกลั่นลมปราณที่มีกันเป็นกองกำลังขนาดย่อมๆที่แม้แต่พวกเขาสองคนรวมกันก็ไม่มีทางขับไล่ทหารทั้งหมดนี้ได้แต่พอเป็นฉินจวินกับต้าจี๋ พวกทหารเหล่านี้กลับดูอ่อนแอไปเลย
พวกเขารู้ว่าต้าจี๋นั้นแข็งแกร่งและอาวุธวิเศษที่อยู่ในมือของฉินจวินนั้นก็ต้องเป็นอาวุธระดับสูงอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”
ฉินจวินหันกลับมาพร้อมกับหมุนควงปืนพกเดสเซิร์ทอีเกิลที่อยู่ในมือเล่นก่อนฉีกยิ้มให้ฉางห่าวกับทั้งสอง ตัวปืนสีเงินของมันสะท้อนแสงเย็นภายใต้แสงจันทร์ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นแรงด้วยความกลัว
“เจ้าช่วยพาเรากลับนิกายซวนหลิงได้หรือไม่” ฉางเฉียนเฉียนแสร้งทำเป็นน่ารักและถามขึ้นอย่างน่าสงสารเพราะนางหมดหวังจริงๆ
ตอนที่นางออกมาฝึกฝนหาประสบการณ์นอกนิกาย นางคิดว่าจะมีช่วงเวลาที่ดีภายใต้การคุ้มครองของฉางห่าว แต่โดยไม่คาดคิด ไม่ถึงสามวันหลังจากออกจากนิกายนางก็ถูกเสี่ยวโหวจับตัวไป ถ้าไม่ใช่เพราะศัตรูบุกเข้ามาทีเผลอจนไม่ทันระวังตัว นางคงไม่ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของเสี่ยวโหว
นางและฉางห่าวหาโอกาสหลบหนี แต่สองวันต่อมาหลังหลบหนีไปได้ไม่ไกล เสี่ยวโหวที่หลงใหลในความงามของนางก็ยังคงไล่ตามไม่หยุดหย่อน นอกจากนี้นางยังข้อเท้าแพลงในช่วงเวลาดังกล่าวอีกด้วย
ตอนนี้ นางจึงไม่สามารถพึ่งพาฉางห่าวเพียงคนเดียวได้หากต้องกลับไปที่นิกาย เพราะฉางห่าวก็ได้รับบาดเจ็บจากเสี่ยวโหวเช่นกัน ถึงตอนนี้ความแข็งแกร่งของนางจะอยู่ในชั้นที่ห้าของอาณาจักรกลั่นลมปราณ แต่มันก็ยังเป็นเรื่องอันตรายหากพวกเขาต้องเดินทางผ่านพื้นที่รกร้างและเมืองแล้วเมืองเล่า ภายใต้ความงามอย่างฉางเฉียนเฉียนมันยิ่งง่ายต่อการเป็นที่สนใจและต้องการระหว่างทาง
ตอนนี้ มีเพียงฉินจวินและต้าจี๋เป็นที่พึ่งเดียวของนางเท่านั้น
ฉางห่าวเม้มริมฝีปากด้วยความโกรธ เขาทำได้เพียงนิ่งเฉยไม่แสดงท่าทีใดๆเพราะรู้ดีที่สุดถึงอาการบาดเจ็บของตัวเอง แม้เขาจะทำเหมือนสบายดีแต่อวัยวะภายในโดยเฉพาะม้ามของเขายังได้รับบาดเจ็บและต้องใช้เวลาพักฟื้นอยู่นาน
“เจ้าฝันอยู่หรือไง” ฉินจวินมองฉางเฉียนเฉียนอย่างกับคนงี่เง่า ทำไมข้าต้องไปส่งเจ้าด้วย
ฉันไม่ใช่พี่ใหญ่ยางอะไหล่ของเธอนะ
“หลังเจ้าพาข้ากลับถึงนิกาย ท่านพ่อข้าจะต้องตอบแทนเจ้าอย่างงาม” ฉางเฉียนเฉียนอ้อนวอนด้วยความกังวลจนน้ำตาแทบไหลออกมา
พูดอย่างกับว่าพ่อเจ้าเจ๋งนัก
ฉินจวินกลอกตาและกำลังจะปฏิเสธอย่างไม่ใยดีก่อนที่ระบบจะดังขึ้น “ติ๊ง! ปลดล็อคภารกิจเสริม พาฉางเฉียนเฉียนกลับนิกายซวนหลิง รางวัลภารกิจห้าพันคะแนนประสบการณ์”
ห้าพันคะแนนประสบการณ์
เขาต้องสังหารผู้บ่มเพาะระดับอาณาจักรกลั่นลมปราณอีกกี่คนถึงจะได้คะแนนขนาดนี้
ฉินจวินตาลุกวาวพร้อมเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว เขาตบหน้าอกของตนเองก่อนเอ่ยขึ้นอย่างผู้มีเหตุผล
“ไม่มีปัญหา ทุกคนมีหน้าที่ปกป้องผู้อ่อนแอ”
ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของฉางเฉียนเฉียนก็เบิกกว้างด้วยความดีใจทันที น้ำตาที่ห้อยอยู่บนขนตายาวรับกับปากน้อยๆที่เผยขึ้นนิดหน่อยทำให้นางดูน่ารักน่าเอ็นดูขึ้นในทันที
ส่วนต้าจี๋กับฉางห่าวกลับมองไปที่ฉินจวินด้วยความประหลาดใจที่อยู่ๆก็เปลี่ยนคำพูดขึ้นมากระทันหัน
น้ำเสียงของประโยคก่อนหน้าที่ได้ยินยังดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอยู่เลย แต่ทำไมประโยคหลังถึงทำให้เขาเปลี่ยนท่าทีไปได้ขนาดนั้นละ
“จริงหรือ” ฉางเฉียนเฉียนถามอย่างเหนียมอายนางกลัวฉินจวินจะแค่เล่นตลก
“จริง” ฉินจวินพยักหน้าอย่างจริงจังแต่ในขณะเดียวกันก็ถามในใจตัวเอง “ทำไมถึงปลดล็อคภารกิจเสริม”
“ความปรารถนาของอีกฝ่ายที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณรุนแรงจนภารกิจเสริมถูกเปิด”
“และเนื่องจากนี่เป็นภารกิจด่านแรกที่ถูกผู้อื่นเรียกใช้ ดังนั้น เมื่อโฮสต์ทำภารกิจเสร็จสิ้น โหมดสืบทอดทักษะก็จะเปิดใช้งาน”
โหมดสืบทอดทักษะอย่างนั้นหรือ
ฉินจวินถูกกระตุ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทันทีก่อนที่ระบบจะอธิบายให้ฟังอย่างใจเย็น “ทักษะที่เรียกว่าเป็นบทสรุปของแบบฝึกวิชายุทธและพลังเหนือธรรมชาติ โฮสต์สามารถสุ่มเลือกทักษะของเทพและปีศาจที่ต้องการสืบทอด โดยไม่จำกัดขอบเขต เมื่อได้ฝึกฝนแล้ว ทักษะนั้นจะเข้าสู่จิตสำนึกของโฮสต์โดยตรง โฮสต์เพียงใช้เวลาในการบ่มเพาะเล็กน้อยเพื่อแสดงทักษะเหล่านั้นได้อย่างอิสระ”
“แน่นอน หากสุ่มได้ทักษะที่ทรงพลังมากไปในระดับความแข็งแกร่งของโฮสต์ที่ต่ำเกิน พลังทำลายล้างที่แสดงออกมาอาจไม่เพียงพอและเป็นที่น่าพอใจ”
ฉินจวินตะลึง เขารู้สึกมีความหวังริบหรี่ขึ้นมาในใจ
แม้เขาจะทะลวงถึงชั้นที่สี่ของอาณาจักรก่อสร้างรากฐานแล้ว แต่เขากลับรู้เคล็ดวิชากำลังภายในเพียงน้อยนิดมาก รู้เพียงเคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับอาณาจักรกลั่นลมปราณจากโลกเก่าเท่านั้น กล่าวคือ หากเขาไม่มีทักษะในการสร้างพื้นฐาน เขาก็จะไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้
ยังโชคดีที่เขามีระบบตำนาน
จัดการกับพวกสัตว์ประหลาดและอัปเกรด
“นายท่าน คืนนี้พักผ่อนที่นี่ก่อนเถอะ” ต้าจี๋กล่าว เนื่องจากต้องร่วมกับฉางห่าวและฉางเฉียนเฉียนเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดาร ตอนนี้จึงไม่สามารถพาฉินจวินไปไหนตามที่เขาต้องการได้
“ใช่ ไปพักผ่อนที่ริมทะเลสาบกันเถอะ” ฉางเฉียนเฉียนเอ่ยขึ้นพร้อมพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว นางจับข้อเท้าของตนเองและมันก็เจ็บปวดมากหากจะฝืนเดินต่อไป นี่จึงเป็นการดีหากได้พักผ่อนสักคืน
ฉินจวินไม่คัดค้านใดๆเขาเพียงรู้สึกเสียใจและไม่พอใจนิดหน่อยที่อยู่ๆก็มีผู้ติดตามเพิ่มมาถึงสองคน
พอคิดเรื่องนี้แล้วฉินจวินก็เดินตรงไปยังทะเลสาบ หลังจากทะลวงผ่านอาณาจักรก่อสร้างรากฐาน สิ่งสกปรกในร่างกายของเขาก็ถูกบีบออกผ่านรูขุมขนจนทำให้เนื้อตัวเหนียวเหนอะหนะและอึดอัดเอามากๆ
พอเห็นฉินจวินเดินลงไปในทะเลสาบ ต้าจี๋ก็เผยยิ้มพรายพร้อมดึงชุดขึ้นมาคาดป้องกันที่รอบเอวของนางด้านข้างริมทะเลสาบเตรียมเดินลงไปหาเขาที่กำลังจะล้างเนื้อล้างตัว
“แม่นาง คืนนี้ข้าขอนอนกับเจ้านะ”
ฉางเฉียนเฉียนเอนตัวไปถามโดยใช้สายตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร หากคืนนี้นางหนีไปกับฉางห่าวนางคงไม่กล้าหลับพักผ่อนอย่างเต็มตาเพราะกลัวเจตนาที่ชั่วร้ายจากเขา โชคยังดีที่ตอนนี้เขาไม่มีความเจ้าเล่ห์หลงเหลืออยู่
แต่ในมุมมองของฉางห่าว ฉางเฉียนเฉียนจะต้องแต่งงานกับเขาไม่ช้าก็เร็ว หากรีบเร่งกระทำการอันใดไปชั่วขณะอาจทำให้แผนสำคัญพังไปเสียเปล่า
เพราะเป้าหมายของเขาคือนิกายซวนหลิงทั้งหมด
ฉางห่าวเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่อย่างเงียบๆเพื่อเข้าณานบ่มเพาะร่างกายทำการพักฟื้น
หลังอาบน้ำเสร็จ ฉินจวินก็ลากเอาชุดเก่าที่เปียกโชกของเขาขึ้นฝั่งอย่างสดชื่นก่อนนำชุดทหารไปเปลี่ยนในป่า
พอเปลี่ยนเป็นชุดทหารองครักษ์แล้วฉินจวินก็ดูเหมือนได้เกิดใหม่ ดูหล่อเหลาผมเผ้าที่กำลังเปียกชื้นยิ่งเพิ่มเสน่ห์อันชั่วร้ายให้กับใบหน้าที่คมคายอย่างยิ่งจนฉางเฉียนเฉียนที่ได้เห็นขณะเขาเดินมาก็ถึงกับค้างไปชั่วขณะ
ไม่คิดว่าชายผู้นี้จะผิวพรรณดีเช่นนี้
อย่างน้อยเมื่อเทียบกับฉางห่าว เขาก็ดูไม่เลว
ถึงเขาจะทะลวงผ่านอาณาจักรก่อสร้างรากฐานแล้ว แต่อารมณ์ของเขาก็ยังถือว่าดีกว่าฉางห่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตาที่ดูคมคายภายใต้คิ้วดาบนั้น ยิ่งได้มองมันยิ่งทำให้ใบหน้าของฉางเฉียนเฉียนถึงกับแดงกำไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำที่แข็งแกร่งก่อนหน้านี้ของเขาด้วย ไม่เช่นนั้น ไม่ว่ารูปร่างหน้าตาของเขาจะดีแค่ไหน เขาคงไม่สามารถดึงดูดฉางเฉียนเฉียนได้
“ต้าจี๋ ข้ากลัว”
ฉินจวินโน้มตัวไปข้างหน้าหาต้าจี๋พร้อมคำพูดออดอ้อนแสร้งทำเป็นกลัว ส่วนฉางเฉียนเฉียนที่ได้ยินและเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับก่นด่าในใจให้กับคนไร้ยางอายอย่างเขา ไม่น่าไปรู้สึกเป็นปลื้มเลย…