บทที่ 5 อัญเชิญสุนัขเสี้ยวเทียน
คะแนนประสบการณ์งั้นหรือ
คืออะไร
ฉางเฉียนเฉียนผู้มีจิตใจซื่อตรงธรรมดาถูกคำพูดแปลกๆของฉินจวินเบี่ยงเบนจนความกลัวของนางถึงกับคลายลงทันที
ความสงบนิ่งที่ฉินจวินและต้าจี๋แผ่ออกมาทำให้นางรู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก
“โฉมงาม คืนนี้ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองรสชาติอันแสนวิเศษ”
ขณะที่เสี่ยวโหวเดินย่างกายเข้าใกล้ต้าจี๋ ปากก็พ่นบางสิ่งที่ชวนสะอิดสะเอียนออกมาจนทำให้ฉางเฉียนเฉียนถึงกับหน้าแดงฉินจวินก็ถึงกับพูดไม่ออก ชายผู้นี้รนหาที่ตายจริงๆ
เขามองต้าจี๋ ที่ใบหน้าสวยสดงดงามของนางถูกปกคลุมไปด้วยความเยือกเย็น ก่อนนางจะเอ่ยออกมา
“(สูดหายใจเข้า) ปล่อยข้าจัดการเขาเอง”
“ดี”
พูดจบดวงตาของฉินจวิน ฉางเฉียนเฉียนและเสี่ยวโหวก็ไม่สามารถจับความเคลื่อนไหวของนางได้อีกเลย
ตูม!
เสี่ยวโหวลอยปลิวไปข้างหลังเหมือนกระสอบทรายกระเด็นออกไปหลายสิบเมตรก่อนจะฟาดเข้ากับต้นไม้ใหญ่ มุมปากของฉินจวินกระตุกส่วนฉางเฉียนเฉียนก็ถึงกับอ้าปากกว้างที่ได้เห็นภาพนั้น
ฉางห่าวที่ตกใจกับเสียงดังลืมตาขึ้น แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ทันได้เห็นร่างของเสี่ยวโหวลอยละลิ่วไปไกล
ต้าจี๋ไม่รอช้า นางลอยเหาะตามเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว จากนั้นไม่นานแผ่นดินก็สั่นสะเทือน บอกได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดมาก
“นังตัวเหม็น ข้าจะฆ่าเจ้า”
เสียงคำรามของเสี่ยวโหวดังสะท้อนออกมาจากป่าในตอนกลางคืนราวกับปีศาจร้าย
ทันใดนั้น แสงจากกระบี่ก็ลอยขึ้นเหนือป่าก่อนพุ่งตรงขึ้นไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงตาของฉินจวินเป็นประกายเมื่อได้เห็นฉากอันงดงามนั้น
เขาอยากจะทรงพลังเช่นนี้จริงๆ
ฉางเฉียนเฉียนที่หลบอยู่หลังฉินจวิน ตอนนี้ได้ตกอยู่กับความประหลาดใจไปแล้ว หญิงงามคนนั้นแข็งแกร่งกว่าที่คิดมาก แม้แต่ฉางห่าวที่ได้เห็นฉากนั้นก็อดไม่ได้จนตบหน้าตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ ความเจ็บปวดบนใบหน้าทำให้เขารู้ตัวว่าไม่ได้ฝันไป
ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจแบบนั้น และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องตายอย่างที่คิดแล้ว
แต่เมื่อได้นึกถึงสิ่งที่เขามองต้าจี๋ก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอีกครั้งเพราะกลัวจะทำให้นางขุ่นเคืองใจ
เพียงไม่กี่อึดใจการต่อสู้ก็หยุดลง ป่าที่อยู่อีกฝั่งของทะเลสาบคุกรุ่นไปด้วยฝุ่นควัน ต้าจี๋เหาะกลับมาพร้อมกับร่างของเสี่ยวโหวผู้มีกายกำยำแข็งแรงกว่านางหลายเท่าในมือ ก่อนนางจะค่อยๆโฉบตัวลงตรงหน้าของฉินจวินช้าๆราวกับเทพธิดาบนสวรรค์ ฉางห่าวและฉางเฉียนเฉียนได้แต่ยืนนิ่งอ้าปากพูดอะไรไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน
ตูม!
นางโยนร่างของเสี่ยวโหวซึ่งเต็มไปด้วยเลือดเหมือนหมาตายลงบนพื้นหญ้า ภาพที่ได้เห็นมันทำให้ฉางห่าวและทั้งสองรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
นี่นะหรือเซียนระดับอาณาจักรแก่นทองคำที่ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรเฉียนเยว่
“เจ้า... เจ้า... เจ้าเป็นใครกันแน่” เสี่ยวโหวถามขณะที่มีเลือดกลบปาก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้
เส้นลมปราณทั่วร่างกายของเขาแตกสลาย ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น
ตอนนี้ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและอับอายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาคิดผิดไปจริงๆ
“เสี่ยวโหว ขอบคุณที่มา”
ฉินจวินกล่าวกับเสี่ยวโหวอย่างซาบซึ้ง แต่เสี่ยวโหวที่ได้ยินอย่างนั้นกลับโกรธมากจนแทบกระอักเลือด
มารดาเจ้าสิ
น่าซาบซึ้งใจอะไรตรงไหน
ทุบตีข้าขนาดนั้นยังมีหน้ามารู้สึกขอบคุณอีกงั้นหรือ
“นายท่าน เราจะจัดการกับเขาอย่างไรดี” ต้าจี๋ถามด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์
พอได้ยินเช่นนั้นเสี่ยวโหวและคนทั้งสองก็เบิกตากว้างทันที พวกเขาประหลาดใจกับสิ่งที่เพิ่งได้เอ่ยออกมาจากปากของแม่นางผู้นี้ ผู้มีพละกำลังที่ยากหยั่งถึงมากขนาดนั้น แต่กลับเรียกฉินจวินว่านายท่าน
พวกเขายังคงอึ้งอ้าปากค้าง สิ่งแรกที่พวกเขาคิดไม่ใช่ความแข็งแกร่งของฉินจวิน แต่ภูมิหลังของเขาต้องน่ากลัวเพียงใดถึงสามารถรับหญิงงามที่อยู่เหนือระดับอาณาจักรแก่นทองคำเป็นผู้คุ้มกันของเขาได้
ต้องไม่ใช่ผู้ที่มาจากอาณาจักรเฉียนเยว่แน่นอน
“ให้ข้าจัดการเอง” ฉินจวินกล่าวอย่างตื่นเต้น ผู้บ่มเพาะระดับอาณาจักรแก่นทองคำที่แข็งแกร่ง คงมีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาจะได้รับคะแนนประสบการณ์มากเท่าไร
ทาสคนนี้กำลังจะโบยบินไปยังสวรรค์
บนพื้น ดวงตาของเสี่ยวโหวสั่นไหวด้วยความหวังเพราะโอกาสสุดท้ายของเขามาถึงแล้ว ทันทีที่เขาเห็นฉินจวินเขาก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าฉินจวินนั้นอ่อนแอ เป็นเพียงผู้บ่มเพาะในชั้นที่สี่ของอาณาจักรกลั่นลมปราณเท่านั้น หากเป็นเช่นนี้ เขาก็จะได้โอกาสในการโจมตีโดยใช้แรงที่เหลือเฮือกสุดท้ายจับฉินจวินขณะที่เขาเข้าใกล้
จากนั้น ใช้ฉินจวินเป็นตัวประกันและหลบหนีจากความตายออกไปกระทั่งบีบบังคับโฉมงามให้เชื่อฟังอย่างว่าง่าย
เมื่อคิดได้อย่างนั้น เขาก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
ปัง!
อยู่ๆเสี่ยวโหวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเจาะทะลุเข้าที่หน้าผากของตัวเองก่อนมีเลือดไหลลงมาปกคลุมการมองเห็นของเขา ภาพสุดท้าย เขาอ้าปากกว้างด้วยท่าทางที่ไม่อยากเชื่อในสายตาตัวเอง
ก่อนตาย เขามีเพียงความสงสัยเดียวคือ สิ่งนั้นที่อยู่ในมือของฉินจวินมันคืออาวุธวิเศษชนิดใดกัน ที่เขาเรียกมันว่าเดสเซิร์ทอีเกิล…
“ติ๊ง! สังหารชายผู้แข็งแกร่งในชั้นที่เก้าของอาณาจักรแก่นทองคำ รับหนึ่งหมื่นคะแนนประสบการณ์”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการทะลวงไปสู่ชั้นที่ห้าของอาณาจักรกลั่นลมปราณ”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการทะลวงไปสู่ชั้นที่หกของอาณาจักรกลั่นลมปราณ”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการทะลวงไปสู่ชั้นที่เจ็ดของอาณาจักรกลั่นลมปราณ”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่สามารถทะลวงผ่านไปยังชั้นที่สี่ของอาณาจักรก่อสร้างรากฐาน”
“ติ๊ง! เนื่องจากโฮสต์ได้ทะลวงผ่านถึงอีกระดับอาณาจักร รางวัลของโฮสต์คือโอกาสในการอัญเชิญเทพและปีศาจ”
เจ๋ง!
ฉินจวินรู้สึกถึงพลังที่แท้จริงในร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมร้อยเท่าจนแทบอยากจะตะโกนออกมาดังๆไม่ไหว
ทาสผู้นี้กำลังจะทะยานขึ้นสู่สวรรค์
ฉางห่าวและฉางเฉียนเฉียนจ้องมองไปที่ฉินจวินอย่างประหลาดใจ พวกเขารู้สึกว่าฉินจวินดูเหมือนจะเป็นคนละคนหลังได้สังหารเสี่ยวโหว กลิ่นอายอันทรงพลังที่เขาแผ่ออกมาทำให้พวกเขาถึงกับสั่นด้วยความหวาดกลัว
ความแข็งแกร่งระดับอาณาจักรก่อสร้างรากฐาน
เขากลายเป็นผู้บ่มเพาะระดับอาณาจักรก่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง
ฉางห่าวได้แต่คำรามในใจ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉา
ในฐานะอัจฉริยะแห่งนิกายซวนหลิงเขายังเป็นเพียงผู้บ่มเพาะชั้นที่เก้าของอาณาจักรกลั่นลมปราณเท่านั้น ทุกระดับชั้นที่ก้าวผ่านเขาต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอย่างหนัก ซึ่งกว่าจะทะลวงถึงอาณาจักรก่อสร้างรากฐานคงใช้พลังงานบ่มเพาะไปไม่น้อย
“ก่อนอื่นระบบ ค่าประสบการณ์ถูกกำหนดไว้อย่างไรบ้าง” ฉินจวินอดไม่ได้ที่จะถามในใจ เขาเคยสังหารทหารองค์รักษ์และได้คะแนนประสบการณ์ตั้งมากมาย ในความเห็นของเขา เสี่ยวโหวควรจะได้คะแนนประสบการณ์เป็นหมื่นหรือไม่ก็สักแสน
“ระบบจะนับจากความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ใช่ชื่อเสียง แน่นอนว่ายิ่งโฮสต์และอีกฝ่ายมีอารมณ์ความแค้นต่อกันรุนแรงมากเท่าไหร่ พลังก็จะยิ่งถูกกระตุ้น เช่นองค์ชายห้าฉินอวี๋”
“คำเตือนพิเศษ โฮสต์เท่านั้นที่จะสามารถได้รับคะแนนประสบการณ์จากการฆ่าฝ่ายตรงข้ามที่เป็นศัตรู หากโฮสต์ทำร้ายผู้บริสุทธิ์จะไม่ได้รับคะแนนประสบการณ์”
คำอธิบายบางอย่างทำให้ฉินจวินตกตะลึง แต่ในขณะเดียวกันมันก็สร้างความประทับใจที่ดีต่อเขา อย่างน้อยที่สุด จากการตั้งค่าคะแนนประสบการณ์ จะเห็นได้ว่าระบบยังคงใจดีอยู่บ้าง
ดูเหมือนว่าถ้าเจ้าต้องการฆ่าใครสักคนในอนาคตข้างหน้า เจ้าต้องมีความเกลียดชังคนคนนั้นเสียก่อน
ฉินจวินอยู่ในอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เขาเพิกเฉยต่อสายตาแปลกๆของฉางเฉียนเฉียนกับฉางห่าว ก่อนจะกล่าวต่อในใจว่า
“เรียก เรียก เรียกราชาวานรออกมาให้ข้าดีกว่า ในโลกนี้คงไม่มีคู่ต่อสู้ใดสามารถต่อกรกับทาสผู้นี้ได้แล้ว”
“นายท่าน การทะลวงผ่านอาณาจักรใหญ่ได้ในพริบตา มันไม่ง่ายเลยนะ” ต้าจี๋มองไปที่ฉินจวินอย่างลึกซึ้งและเตือนเขาด้วยความหวังดี เนื่องจากความภักดีของนางยังคงอยู่ที่เก้าสิบนางจึงไม่มีความคิดชั่วร้ายในใจ
ฉางห่าวกับฉางเฉียนเฉียนยังเป็นผู้บ่มเพาะระดับต่ำจึงไม่สามารถรับรู้ถึงระดับที่แท้จริงของฉินจวินได้มากนัก พวกเขาจึงคิดว่าฉินจวินจงใจแสร้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยาเพื่อหลอกลวงให้ศัตรูตายใจ
“ติ๊ง! เริ่มสุ่มเลือกเทพและปีศาจ”
“ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่สุ่มได้ สุนัขเสี้ยวเทียน*”
“สุนัขเสี้ยวเทียนจากไซอิ๋ว”
“เผ่าพันธุ์: เท็งงุ”
“ระดับการบ่มเพาะ: ชั้นที่เก้าของอาณาจักรปรับแต่งความว่างเปล่า”
“พลังวรยุทธ: เท็งงุกลืนพระจันทร์ การติดตามด้วยจมูกศักดิ์สิทธิ์ วิธีการบังคับราชาสุนัข”
“พลังโดยกำเนิด: ร่างกายที่แท้จริงของเท็งงุ”
“ความภักดี: 100 (เต็ม 100)”
สุนัขเสี้ยวเทียนงั้นหรือ
ทันใดนั้นใบหน้าของฉินจวินก็แปลกไป มันคือสุนัขเสี้ยวเทียนจากไซอิ๋ว
“ระบบ สุนัขเสี้ยวเทียนดีกว่าต้าจี๋ยังไง”
ฉินจวินไม่อยากจะเชื่อ ที่สุดแล้วมันก็ยังเป็นสัตว์ร้ายของเทพแห่งสงครามในศาลสวรรค์และยังเคยต่อสู้กับราชาวานรในไซอิ๋ว
“คำใบ้ของระบบ หลังจากที่สุนัขเสี้ยวเทียนใช้พลังโดยกำเนิดของมันแล้ว ความแข็งแกร่งจะรุนแรงไปถึงอาณาจักรอมตะสวรรค์ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่มีขีดจำกัดในการเติบโตซึ่งโฮสต์สามารถปลูกฝังมันต่อไปได้”
อาณาจักรอมตะสวรรค์หรือ
ดวงตาของฉินจวินเป็นประกายทันทีที่ได้ยินหลังรับรู้ว่ามันแข็งแกร่งกว่าผู้ที่อยู่ในระดับอาณาจักรปรับแต่งความว่างเปล่า
มีใครดูอยู่มั้ย