บทที่ 5: ปรมาจารย์ผู้สร้าง
บทที่ 5: ปรมาจารย์ผู้สร้าง
หวังยู่หลุนมองดูซูฟ่านอย่างหมดคำจะพูด
“พี่ซู ข้ารู้สึกว่าด้วยความสามารถของท่าน ท่านจะขึ้นสู่โลกเซียนได้อย่างแน่นอนในท้ายที่สุด และท่านจะกลายเป็นปรมาจารย์คนที่ 39 ของนิกายเทียนฉัวของเรา”
“ในเวลานั้น ข้าก็จะขอเป็นศิษย์ของท่านและติดตามท่านไปสู่โลกเซียนด้วยกัน”
หวังยู่หลุนกล่าวด้วยท่าทีปรารถนา ในเขตเฟยหยู โลกจะอนุญาตให้ผู้ฝึกตนสองคนที่มีระดับการฝึกตนไม่ต่ำกว่าขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณขึ้นสู่โลกเซียนได้เมื่อพวกเขาผ่านความทุกข์ยากจากสวรรค์
ในขณะนี้ ซูฟ่านที่กำลังย่างเนื้ออยู่ก็เหลือบมองไปที่หวังยู่หลุน
“เจ้าโหยหาโลกเซียนเพราะยังไม่รู้จักมันดี โลกเซียนเป็นโลกที่โหดร้ายยิ่งกว่านี้อีก”
“มันอาจเป็นนรกสำหรับผู้ฝึกตนด้วยซ้ำ” ซูฟ่านกล่าวโดยนึกถึงนวนิยายที่เขาเคยอ่านมาในชีวิตที่แล้ว
“จะเป็นไปได้ยังไง? มันเป็นสถานที่ที่ในฝันสำหรับผู้ฝึกตนทุกคนนะ”
“ทุกคนที่มีแค่เจ้าคนเดียวน่ะสิ” ซูฟ่านกล่าว
แม้ว่าเขาจะขึ้นสู่โลกเซียน แต่เขาก็ยังคงเป็นปลาเค็ม
ซูฟ่านหยิบจานสองใบขึ้นมา และปลายนิ้วของเขาก็สร้างใบมีดลมแรงดันสูงเพื่อตัดแบ่งเนื้อย่างออกเป็นสองส่วน
นิ้วของเขารวดเร็วจนกลายเป็นภาพติดตา และเนื้อย่างในจานก็ถูกตัดแบ่งเป็นหลายชิ้นในทันที
เมื่อเห็นฉากนี้ ม่านตาของหวังยู่หลุนก็หดตัวลงเล็กน้อย และแววตาของเขาก็ฉายแววตกใจ
เขามั่นใจว่าแม้ว่าเขาจะก้าวไปสู่ขอบเขตฝึกปราณขั้นสูงสุดได้ แต่เขาก็จะยังไม่สามารถใช้วิชาได้อย่างประณีตเหมือนกับซูฟ่าน
“เอานี่ กินเนื้อซะ.. เนื้อต้นขาของสัตว์อสูรระดับ 6 นั่นจะช่วยบำรุงร่างกายของเจ้าได้” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หวังยู่หลุนหยิบเนื้อย่างขึ้นมา และทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “พี่ซู ข้าขอคำนับท่านในฐานะอาจารย์ของข้าได้ไหม?”
“เจ้าอยากจะคำนับข้าในฐานะอาจารย์ของเจ้า? สมองของเจ้ากระทบกระเทือนมาหรอ?”
“เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้ามีโอกาสที่จะเข้าไปในโถงระดับ A และได้รับการสอนเป็นการส่วนตัวจากผู้ฝึกตนขอบเขตสกัดสูญหรอ?” ซูฟ่านมองไปที่ หวังยู่หลุนด้วยความประหลาดใจ
“พี่ซู ท่านรู้ไหม? ข้าเกิดในตระกูลผู้ฝึกตนขนาดเล็ก และแม้ว่าระดับการฝึกตนสูงสุดในครอบครัวของข้าจะเป็นขอบเขตแก่นแท้ทองคำ แต่บรรพบุรุษของข้าก็เคยมีผู้ฝึกตนขอบเขตแปลงเทวา”
หวังยู่หลุนกล่าวโดยมองไปที่ซูฟ่าน
ในขณะนี้ ซูฟ่านเริ่มสนใจขึ้นมาโดยทันที
“แล้วเจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“แม้ว่าในที่สุดครอบครัวของข้าจะถดถอยลง แต่บันทึกการเดินทางที่ท่านบรรพบุรุษทิ้งไว้ก็ทำให้เราสามารถมองเห็นทั้งจักรวาลได้”
“เขตเฟยหยูของเรานั้นเป็นเพียงเขตขนาดกลางกลางพันโลกระดับกลาง”
“และโลกเซียนก็คือโลกอันยิ่งใหญ่ที่ใหญ่กว่า”
“พี่ซู ท่านพูดถูก โลกเซียนนั้นเป็นโลกที่โหดร้ายยิ่งกว่านี้จริงๆ”
หวังยู่หลุนยืดตัวขึ้นและพูดต่อ “นิกายเทียนฉัวของเราตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างยากจนของอยู่แถบขอบของเขตเฟยหยู”
“แต่ในทวีปตอนกลาง มันก็เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ฝึกตน”
“ในทวีปตอนกลาง มีนิกายที่มีผู้ฝึกตนขอบเขตมหายานไม่ต่ำกว่าร้อยนิกาย”
“นิกายอันดับหนึ่งของที่นั่น นิกายเทียนหยู เป็นนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตเฟยหยูทั้งหมด”
ตามที่หวังยู่หลุนอธิบาย ซูฟ่านเริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กคนนี้อยากจะพูดอะไรกันแน่? ดูเหมือนว่าเขาจะพูดมานานแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าประเด็น ถึงอย่างนั้น ซูฟ่านก็ไม่รังเกียจที่จะฟังความรู้รอบโลกนี้
“ในทวีปตอนกลาง ผู้ฝึกตนได้ศึกษาทักษะและวิชาการฝึกตนกันอย่างละเอียด พวกเขาหลอมรวมและสร้างวิชาขึ้นใหม่”
“ที่นั่น ผู้ที่เชี่ยวชาญในการสร้างวิชาถูกเรียกว่าปรมาจารย์ผู้สร้าง และสถานะของพวกเขานั้นก็สูงกว่านักปรุงยาและนักสร้างสิ่งประดิษฐ์เป็นไหนๆ”
“บรรพบุรุษของข้าได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ในบันทึก และเขาก็ได้เห็นมาเป็นการส่วนตัวแล้วถึงอัจฉริยะด้านการฝึกตนเหล่านั้นกับปรมาจารย์ผู้สร้างที่ต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับก่อเกิดรากฐาน”
ในขณะนี้ หวังยู่หลุนก็มองไปที่ซูฟ่านอย่างตั้งใจ มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับการจ้องมองนี้
“และพี่ซู ท่านเองก็มีความสามารถของปรมาจารย์ผู้สร้าง”
“แผ่นหยกสองชิ้นที่ท่านมอบให้ข้าเป็นเครื่องพิสูจณ์แล้ว ข้าแน่ใจว่าพวกมันจะต้องเป็นผลงานของท่านเองแน่นอน มันไม่มีทางที่นิกายของเราจะมีวิชาโจมตีที่ทรงพลังเช่นนี้สำหรับขอบเขตฝึกปราณ”
“ดังนั้นแล้ว ข้าจึงอยากจะให้พี่ซูมาเป็นอาจารย์ของข้า”
หวังยู่หลุนยืนขึ้นเพื่อทำพิธีและเตรียมโค้งคำนับขอเป็นศิษย์
ในขณะนี้ เงาดำคล้ายงูได้พันรอบเท้าของหวังยู่หลุน และมัดเขาเข้ากับเกี๊ยวข้าวในทันที
“เจ้าอยากจะให้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า? ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันจริงๆ เจ้าอายุเกิน 18 แล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเป็นศิษย์ของข้า” ซูฟ่านพูดอย่างเฉยเมยขณะที่เขามองไปที่หวังยู่หลุน
“อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าข้ามีพรสวรรค์ของปรมาจารย์ผู้สร้าง ตอนนี้เจ้าก็ได้รู้แล้ว”
ในขณะนี้ ซูฟ่านก็เหยียดนิ้วชี้ของเขาออก และส่วนปลายก็เปล่งประกายด้วยแสงสีม่วงที่น่าหลงใหล มันชี้ไปที่หน้าผากของหวังยู่หลุน
ในขณะนี้ หวังยู่หลุนก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป เขากังวลว่าเขาจะถูกฆ่าเพื่อรักษาความลับนี้
“พี่ซู ท่านคือคนที่ข้าไว้วางใจมากที่สุด ข้าจะไม่เปิดเผยความลับของท่านในฐานะปรมาจารย์ผู้สร้างแน่”
“ดังนั้นแล้วอย่าฆ่าข้าเพื่อปิดปากข้าเลยนะ!” หวังยู่หลุนตะโกนอย่างเร่งรีบ
“ฆ่าเจ้า? ข้าจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? อีกอย่าง ข้าเป็นเพียงศิษย์ชั้นนอกผู้ต่ำต้อย ข้าจะไปฆ่าใครได้?”
เมื่อพูดจบ นิ้วของซูฟ่านก็แตะลงบนหน้าผากของหวังยู่หลุน
' อ้ะ~'
ปลายนิ้วของซูฟ่านแตะลงบนหน้าผากของหวังยู่หลุน แสงสีม่วงซึมเข้าสู่สมองของเขา และเริ่มปรับเปลี่ยนความทรงจำของเขา
ทันใดนั้น การแสดงออกของหวังยู่หลุนก็กลับมาเป็นปกติ และซูฟ่านก็ปลดพันธนาการบนร่างกายของเขาออก
“พี่ซู ข้าอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” หวังยู่หลุนกล่าว
“เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการจะเข้าไปในโถงระดับ A เลยอยากมาเรียนรู้ทักษะพิเศษบางอย่างจากข้า” ซูฟ่านพูดอย่างสบายๆ จากนั้นเขาก็เริ่มกินเนื้อย่างบนจาน
“ใช่แล้ว ข้าหวังว่าพี่ซูจะช่วยข้าได้”
ขณะที่หวังยู่หลุนพูดสิ่งนี้ เขาก็ยืนขึ้นและโค้งคำนับซูฟ่าน
คนโบราณมักจะโค้งคำนับหรือคุกเข่าอยู่เสมอเลยหรอ?
“เอาล่ะ เอาล่ะ มันเป็นเพียงทักษะเล็กๆ น้อยๆ ข้าช่วยเจ้าได้อยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ซูฟ่านกล่าวอย่างไม่คิดอะไร
เขาได้แก้ไขความทรงจำของหวังยู่หลุนที่เกี่ยวข้องกับปรมาจารย์ผู้สร้างแล้ว เมื่อใดก็ตามที่มีคนพูดถึงปรมาจารย์ผู้สร้าง เขาจะเพิกเฉยต่อมันโดยอัตโนมัติ
แสงแห่งจิตวิญญาณบนหน้าผากของหวังยู่หลุนถูกสร้างขึ้นโดยซูฟ่านโดยใช้วิชานิมิตและศาสตร์ลวงตา
แม้ว่าปรมาจารย์ผู้สร้างจะฟังดูน่าทึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น ซูฟ่านก็จะต้องไปที่ทวีปกลางและแสดงความสามารถของเขาในฐานะปรมาจารย์ผู้สร้างเพื่อเข้าร่วมกับนิกายที่แข็งแกร่งที่สุด
ดังนั้นหลังจากคิดถึงเรื่องนี้ ด้วยระยะทางไกลจนนับไม่ถ้วนและการทดลองและความยากลำบากมากมายตลอดทาง ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจยอมแพ้
ท้ายที่สุดแล้ว การเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีความสำคัญใดๆ ก็ดูจะง่ายกว่าเยอะ เพราะการมีชีวิตอยู่จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น
“ก่อนอื่น มากินเนื้อย่างกันเถอะ เราจะพูดถึงทักษะนั่นกันในภายหลัง”
“ได้เลย”
หลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้น หวังยู่หลุนก็จากไปอย่างมีความสุขพร้อมกับความอิ่มท้องและมีแผ่นหยกอยู่ในมือ
เป็นเวลาดึกแล้ว
เมื่อกลับมาที่ห้องของเขา ซูฟ่านก็ดึงตำราที่บันทึกความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลกออกมาและเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาในวันนี้
“โลกนี้ดูซับซ้อนกว่าที่ฉันคิดไว้ นิกายเทียนฉัวซึ่งว่ากันว่าทรงพลังดูเหมือนจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากนักจริงๆ”
“ปรมาจารย์ผู้สร้าง.. นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อนี้ แต่มันก็ดูสมเหตุสมผลดี”
“วิชาในโลกแห่งการฝึกฝนไม่เพียงแต่ปรากฏออกมาจากอากาศเปล่าเท่านั้น”
' เอ่อ~~ อ้า~~'
ซูฟ่านเมาเล็กน้อย
“วันนี้ฉันจะไม่ฝึกก็แล้วกัน มาผ่อนคลายกันสักพักเถอะ ท้ายที่สุดแล้ว การฝึกฝนอย่างจริงจังก็คงไม่เกิดประโยชน์มากอยู่ดี”
...