บทที่ 11 : วิกฤติกำลังมา
บทที่ 11 : วิกฤติกำลังมา
“ตระกูลเย่ว์งั้นรึ, ตอนนี้พวกเขายังต้องกระเสือกกระสนเพื่อป้องกันตัวเองกันอยู่เลย”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้นำตระกูลหวังและผู้นำตระกูลเจียงก็จ้องมองมาที่ผู้นำตระกูลชูอย่างสงสัย
เมื่อเห็นสิ่งนี้, หัวหน้าตระกูลชูก็แสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยามทั้งสองคน
พวกเขาช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยจริงๆ….เเม่เเต่สถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเขายังไม่รู้เรื่องเลย
"งั้นข้าจะบอกตามตรงเลยล่ะกัน…..ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันใกล้สวรรคตแล้ว!"
เมื่อได้ยินดังนั้นทั้งสองก็ตกตะลึงอย่างมาก….แต่เมื่อครุ่นคิดเล็กน้อย, พวกเขาก็ตระหนักได้กว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะได้ขึ้นสู่บัลลังก์ เขาก็ชรามากแล้ว
นอกจากนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็ย่ามใจมากเกินไป….จนทำให้การฝึกตนของเขารุดหน้าช้ามาก
จนถึงปัจจุบัน เขายังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถก้าวไปสู่อาณาจักรปราการสวรรค์ได้เลย
เท่าที่สังเกตุดู, อายุขัยของใครหลายคนในอาณาจักรทะเลศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ประมาณสี่ร้อยปีเท่านั้น และเขาเองก็มีอายุมากกว่าสามร้อยปีในตอนที่เขาขึ้นสู่บัลลังก์
ตอนนี้เขาต้องกินยาเพื่อยืดอายุ….แต่อย่างไรเสียมันก็ใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้มันเกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างไรกัน?
เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของคนทั้งสอง….หัวหน้าตระกูลชูก็เริ่มอธิบายต่อไป
“ทุกวันนี้ในเมืองหลวง, การแข่งขันระหว่างเหล่าองค์ชายนับวันยิ่งรุนแรงมากขึ้น”
“น้องสาวของหัวหน้าตระกูลเย่ว์เองก็มีบุตรชายอยู่คนหนึ่ง….ซึ่งเขาเองก็ย่อมมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังและแน่นอนว่าตระกูลเย่ว์ย่อมให้การสนับสนุนเขาเป็นแน่!”
“เเต่น่าเสียดาย, แม้ว่าเจ้าชายผู้นี้จะได้รับความโปรดปราน….แต่พัฒนาการของเขายังน้อยเกินไป ช้ากว่าเหล่าเจ้าชายคนอื่นๆอยู่มากโข!”
“แม้ว่าตระกูลเย่ว์จะแข็งแกร่ง แต่เขาเองก็อยู่ใจกลางราชวงศ์เเละใจกลางเมืองหลวง”
“ความแข็งแกร่งของเขาถือว่าอยู่ในระดับธรรมดาสามัญ, อีกทั้งยามนี้ตระกูลเย่ว์ยังกำลังถูกจับตามองโดยเหล่ากองกำลังมากมาย…..ตระกูลจึงจำเป็นต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว!”
“อีกอย่าง, นิกายดาบสังหารวารีนั้นเป็นกองกำลังที่เป็นกลาง….ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นที่ต้องการของหลายฝ่าย”
“หากตระกูลเย่ทำให้พวกเขาขุ่นเคืองจนพวกเขาไปเข้าร่วมกับศัตรู…..มันก็นับได้ว่าเป็นการสูญเสียที่ไม่คุ้มเลย!”
“นอกจากนี้, การที่ตระกูลเย่ว์ให้เย่ว์รู่ชวงมาแต่งงานเข้าตระกูลเย่….มันก็แสดงให้เห็นเเล้วว่าพวกเขาไม่ได้สนใจตระกูลเย่จริงๆ มันเป็นเพียงวิธีการตอบแทนบุญคุณเท่านั้น!”
“ตอนนี้ตระกูลเย่ว์กำลังประสบปัญหา….พวกเขาจึงไม่มีเวลามาสนใจตระกูลเย่อีกต่อไป”
“อีกอย่าง, ถึงเเม้ว่าเย่ว์รู่ชวงจะได้ชื่อว่าเป็นนักบุญ…..เเเเต่ความเป็นจริงในตอนนี้ นางเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ที่ถูกตระกูลทอดทิ้งเท่านั้น!”
"ดังนั้น, ยามที่เราต้องลงมือจัดการตระกูลเย่…..พวกเราไม่จำเป็นต้องสนใจท่าทีตระกูลเย่ว์แต่อย่างใด!"
เมื่อได้ยินดังนี้, ผู้นำตระกูลหวังและตระกูลเจียงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างไรก็ตาม, พวกเขายังคงมีความลังเลอยู่ในใจ
ท้ายที่สุดแล้วตระกูลเย่คือตระกูลที่รอดชีวิตมาจากศึกชิงบัลลังก์ครั้งก่อนและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน….ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจจะมีไพ่ตายใดๆซ่อนอยู่อีกมาก!
เมื่อเห็นทั้งสองยังคงกังวลใจ, หัวหน้าตระกูลชูก็เริ่มรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
เขาไม่ได้คาดหวังว่าผู้นำตระะกูลทั้งสองจะขี้ขลาดและระมัดระวังถึงขนาดนี้
ทั้งๆเมื่อสองปีก่อน ยามเมื่อพวกเขาแก่งแย่งทรัพยากรของตระกูลเย่ว….พวกเขาแตกต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง!
เมื่อเห็นเช่นนี้, เขาจึงจำต้องงัดไพ่ตายออกมา!
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป, นิกายดาบสังหารวารีจะส่งผู้อาวุโสลำดับที่ 2 มาเป็นผู้นำในภารกิจนี้…..รับรองว่าจะไม่มีใครในตระกูลเย่ยที่สามารถหลีกหนีไปได้!”
“เมื่อถึงเวลานั้น หากพวกเจ้าทำได้ดี พวกเจ้าอาจจะได้คำชื่นชมหรืออาจจะถึงขั้นได้คบหาเป็นมิตรสหายกับผู้ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำไป!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของผู้นำตระกูลทั้งสองก็สว่างวาบทันที
ผู้อาวุโสคนลำดับที่ 2 ของนิกายดาบสังหารวารีเป็นผู้ฝึกตนในอาณาจักรปราการสวรรค์….ผู้ซึ่งสร้างชื่อให้ตัวเองในราชวงศ์ต้าเซี่ยเมื่อร้อยปีก่อน!
หากพวกเขาสามารถสารสัมพันธ์กับผู้อาวุโสคนนี้ได้….มันย่อมเป็นประโยชน์ต่อความก้าวหน้าของตระกูลพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้น, พวกเขาเองต่างก็มีความแค้นต่อตระกูลเย่มานานแล้ว
ในยามนี้มีตระกูลชูเป็นผู้นำภารกิจ…..ทำไมพวกเขาจะไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ล่ะ?
…….
ในขณะที่ทั้งสองกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น
ทันใดนั้นผู้อาวุโสตระกูลชูก็รู้สึกว่าแหวนมิติของเขาได้สั่นไหวไปมาถึงสองสามครั้ง
ไม่ต้องคิดมาก….เขาได้นำแท่งหยกสื่อสารเเท่งหนึ่งออกมาเเละมันก็ส่งเสียงเเจ้งเตือนทันที
“ตระกูลเย่ได้พบเหมืองศิลาวิญญาณที่มีความยาวถึงสามพันลี้!”
เมื่อข่าวนี้ออกมา, ดวงตาของผู้นำตระกูลทั้งสามก็รุกวาวทันที
เหมืองศิลาวิญญาณ, หากพวกเขาสามารถได้มันมาอยู่ในครอบครอง…..ตะกูลของพวกเขาจะต้องพุ่งทะยานขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เเละด้วยสิ่งนี้, ผู้นำตระกูลหวังและตระกูลเจียงต่างก็พูดโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
“พี่ชูมั่นใจได้….พวกเราจะไม่ลังเลตอนที่จัดการตระกูลเย่อย่างแน่นอน”
“ว่าเเต่….นิกายดาบสังหารวารีจะไม่ต้องการเหมืองศิลาวิญญาณอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ดวงตาของผู้นำตระกูลชูก็กะพริบน้อย…..จากนั้นเขาก็ฉีกยิ้มแล้วพูดว่า
"วางใจได้เลย, นิกายดาบสังหารวารีไม่สนใจเหมืองศิลาวิญญาณอย่างแน่นอน….เเละหลังจากจัดการตระกูลเย่ได้, เราจะแบ่งมันตามการมีส่วนร่วมของแต่ละตระกูล…พวกเจ้าเห็นด้วยใหม?"
"เยี่ยมมาก!" ผู้นำตระกูลทั้งสองแสดงออกถึงความพึงพอใจในทันที
เเละหลังจากหารือกันต่ออีกเล็กน้อย…..ทั้ง 3 ฝ่ายก็แยกย้ายกันไปในที่สุด
ยามมองดูแผ่นหลังของผู้นำตระกูลทั้งสองที่จากไป…..รอยยิ้มที่ผู้นำตระกูลชูพยายามกลั้นไว้ก็ฉายชัดออกมา
สายตาของเขากลายเป็นเย็นเยียบเเละรอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏบนริมฝีปากของเขา
“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าสมควรที่จะได้ครอบครองเหมืองศิลาวิญญาณงั้นรึ?”
เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสตระกูลชูผู้นี้มีความทะเยอทะยานและไม่ได้ตั้งใจที่จะแบ่งปันผลประโยชน์กับผู้ใด
ยิ่งไปกว่านั้น, เขายังมุ่งมั่นที่จะทำให้ตระกูลชูกลายเป็นกละกูลอันดับหนึ่งในมณฆลเมฆาอัศนี….เเล้วเเบบนี้เขาจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร?
“เหมืองศิลาวิญญาณ, ข้าสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างสัมพันธ์กับผู้อาวุโสลำดับที่ 2 และช่วยให้ตระกูลชูมั่นคงในฐานะตระกูลอันดับหนึ่งในมณฆลเมฆาอัศนีได้!”
นอกจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าการพึ่งพาตระกูลชู เพียงอย่างเดียวในการกลืนกินตระกูลเย่, หวัง และ เจียง นั้นเป็นเรื่องยที่เป็นไปไม่ได้
แต่หากมีผู้ฝึกตนอาณาจักรปราการสวรรค์มาช่วย…..นั่นย่อมไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
หลังจากกลั่นกรองทุกอย่างแล้ว เขาก็ออกจากห้องโถงและมาที่ลานบ้านของตระกูลชู
จากนั้น เขาก็โค้งคำนับด้วยความเคารพและกล่าวว่า
"ข้าน้อยชูเหรินซิน จากตระกูลชู…..ขอเข้าพบผู้อาวุโสลำดับที่ 2!"
"เข้ามา!"
……
วันต่อมา
ปกติเเล้วอุณหภูมิในเดือนมิถุนายนมักจะร้อนเป็นพิเศษ และแม้แต่ผู้ฝึกตนก็ยังรู้สึกรำคาญ
เเละมณฆลเมฆาอัศนีในยามนี้ดูเหมือนจะรกร้างกว่าปกติ มีตลาดขนาดใหญ่และสมาคมการค้าหลายแห่งที่ปิดตัวลงกะทันหัน (ได้ข่าววงในมาว่าคนจะตีกัน)
เหล่าผู้สังเกตการณ์ทั้งหลายต่างรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ…พวกเขาจึงรีบกลับบ้านเเละปิดประตูอย่างแน่นหนา
พวกคนทั้งหมดในมณฆลเมฆาอัศนี รับรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
แน่นอนว่าไม่นานหลังจากนั้น เสียงคำรามก็ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งมณฑลจากคฤหาสน์ของตระกูลเย่
บูม~~!
“ชูเหรินซิน พวกเจ้าสามตระกูลหลักทำเเบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“นี่พวกเจ้าต้องการที่จะทำสงครามกับตระกูลเย่อย่างเต็มรูปแบบใช่รึไม่?”
…………..