บทที่ 10: การเรียนรู้การปรุงยา
บทที่ 10: การเรียนรู้การปรุงยา
ซูฟ่านโบกมือลาหวังยู่หลุนด้วยรอยยิ้ม โดยมีถุงหินวิญญาณขนาดเล็กอยู่ในมือของเขา
“เจ้าเด็กเหลือขอนี่รวยทรัพย์สมบัติจริงๆ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งต่างๆ ที่ฉันสอนเขาไปมาจากการอ่านการ์ตูนในชาติก่อน”
“เอาเถอะ สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้คือสิ่งที่ฉันได้รับ” ซูฟ่านกำลังเล่นกับถุงหินวิญญาณใบเล็กในมือของเขา และกลับไปที่ลานบ้านของเขา
ยอดเขาวิญญาณเหนือคือสถานที่แห่งเดียวในนิกายชั้นนอกที่จะสามารถพบศิษย์ของนิกายชั้นในได้ นอกจากนี้ มันก็ยังเป็นที่ที่เหล่าศิษย์ชั้นนอกมักจะมาทำการซื้อขายกันอยู่บ่อยๆ
ที่นี่มีอาคารเก้าชั้นที่ดำเนินการโดยนิกาย สิ่งจำเป็นทั้งหมดสำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตฝึกปราณจะถูกขายอยู่ในสามชั้นแรก
ในห้องรับรองบนชั้นสอง ชายวัยกลางคนกำลังตรวจสอบข้าววิญญาณที่ซูฟ่านนำมาขายอย่างระมัดระวัง
“ดีมาก ดีมาก”
ชายวัยกลางคนกล่าวชื่นชมข้าววิญญาณที่เป็นประกายและใสประดุจคริสตัลในมือของเขา
“น้องซู เจ้านี่ยอดมากจริงๆ เจ้าไม่เคยเห็นศิษย์นิกายชั้นนอกคนไหนเลยที่จะสามารถปลูกข้าวคุณภาพสูงนี้ได้”
“นอกเหนือจากผู้ฝึกตนที่ปลูกพืชวิญญาณมาทั้งชีวิตแล้ว มันก็คงจะไม่มีใครมีความสามารถมากไปกว่าเจ้าแล้ว”
“ข้าววิญญาณ 1,230 กิโลกรัมนี้ ข้าจะรับซื้อพวกมันทั้งหมดด้วยเงิน 600 หินวิญญาณ เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง?” ชายวัยกลางคนกล่าวขณะยังคงตรวจสอบข้าววิญญาณในมือของเขา
ข้าววิญญาณชั้นยอดดังกล่าวเป็นอาหารมื้อหลักสำหรับครอบครัวเศรษฐี และมันก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับผู้ฝึกตน
นอกจากนี้ ข้าววิญญาณคุณภาพสูงเช่นนี้ก็ยังหาได้ยากมากในท้องตลาด เฉพาะผู้ฝึกตนที่เชี่ยวชาญด้านการปลูกพืชวิญญาณเท่านั้น พวกเขาถึงจะสามารถผลิตมันขึ้นมาได้
“ราคานี้ฟังดูยุติธรรมดี” ความแปลกใจแวบผ่านดวงตาของซูฟ่าน เขาคิดเอาไว้แล้วว่ามันจะต้องได้ราคาดี แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะมากถึงขนาดนี้
“ในกรณีนี้ ข้าก็จะเพิ่มหินวิญญาณให้เจ้าอีก 20 ก้อน และหวังว่าน้องซูจะยังคงกลับมาใช้บริการหอการค้าเว่ยเฟิงของเราอีกในอนาคต”
ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างอบอุ่น ในฐานะผู้จัดการหอการค้า สถานะของเขาก็เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนขอบเขตแก่นแท้ทองคำ
“ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของท่าน คราวหน้าถ้าข้าววิญญาณของข้าโตเต็มที่เมื่อไหร่ ข้าก็จะเอามันมาขายให้กับหอการค้าอันทรงเกียรติของท่านอย่างแน่นอน” ซู่ฟานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเจ้าต้องการปลูกข้าววิญญาณในปริมาณมาก เจ้าก็สามารถติดต่อข้าได้” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้จัดการก็กล่าวว่า “โดยทั่วไปแล้ว ในนิกายชั้นนอก เราก็สามารถปลูกพืชวิญญาณได้เฉพาะบนเนินเขาของตัวเองเท่านั้น แต่หากเจ้าต้องการ ข้าก็สามารถช่วยเจ้าได้”
“เอาล่ะ แล้วข้าจะติดต่อท่านหากต้องการความช่วยเหลือใดๆ”
ซูฟ่านพยักหน้าขอบคุณอีกฝ่าย
ผลตอบแทนและกำไรจากการปลูกข้าววิญญาณนั้นได้ช้าและต่ำเกินไป ฉันควรเดินบนเส้นทางของนักปรุงยาและนักสร้างสิ่งประดิษฐ์จริงๆ ด้วยสินะ
หลังจากทำธุรกรรมเสร็จสิ้น ซูฟ่านก็ใช้หินวิญญาณ 500 ก้อนที่ชั้น 1 เพื่อซื้อเตาปรุงยาที่สามารถเปลี่ยนเพลิงวิญญาณได้โดยอัตโนมัติ
ระหว่างทางกลับ ซูฟ่านก็มองดูเตาปรุงยาขนาดจิ๋วในมือของเขาอย่างตื่นเต้น
“ขอบคุณพระเจ้าสำหรับหินวิญญาณ 500 ก้อนของยู่หลุน ไม่อย่างนั้น ฉันก็คงจะซื้อได้เพียงเตาปรุงยาขั้นพื้นฐานเท่านั้น ซึ่งนั่นก็จะฉุดรั้งการพัฒนาของฉันเป็นอย่างมาก”
...
วันรุ่งขึ้น ซูฟ่านมุ่งหน้าไปยังยอดเขาไท่เยว่อย่างกระตือรือร้น
“ถ้าฉันตั้งใจเรียนแบบนี้ในชาติที่แล้ว ครอบครัวของฉันก็คงจะมีความสุขมากแน่นอน”
“แต่รอฉันก่อนเถอะ เมื่อฉันกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ฉันก็จะกลับไปอย่างแน่นอน!”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของซูฟ่านก็ดูมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น
ยอดเขาไท่เยว่, ศาลายาวิญญาณ
“ค่าเล่าเรียนคือ 500 หินวิญญาณ บวกกับ 100 คะแนนการมีส่วนร่วม”
“นี่เป็นเพียงค่าเล่าเรียนสำหรับหนึ่งปี แต่หลักสูตรนี้ใช้เวลา 2 ปี”
“เจ้าสามารถผ่อนชำระค่าเล่าเรียนได้ในแต่ละสิ้นเดือน”
“และในเมื่อเจ้ากลายเป็นนักเรียนของที่นี่แล้ว เจ้าก็สามารถเข้าร่วมกับโถงยาได้แล้ว”
ศิษย์ในโถงยาพาซูฟ่านเดินไปรอบๆ และอธิบายกฎของที่นี่
สถานที่แห่งนี้เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 25 ไร่ มันเหมือนกับโรงเรียนในชาติที่แล้วของเขา
ที่ทางเข้าโรงเรียน ศิษย์ที่นำทางกล่าวกับซูฟ่านว่า “ข้าได้บอกเจ้าไปหมดแล้วเกี่ยวกับกฎทั่วไปที่เจ้าต้องใส่ใจ ข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาได้ในเร็วๆ นี้นะ”
ซูฟ่านรีบตอบกลับด้วยการโค้งคำนับ
“ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีของท่าน พี่ชาย”
เมื่อพูดคุยกันเสร็จแล้ว ซูฟ่านก็มุ่งหน้าไปยังห้องเรียนโดยตรง
โรงเรียนครอบคลุมพื้นที่กว่าร้อยตารางเมตร โดยมีห้องทั้งหมด 10 ห้อง และมีเตาปรุงยาในแต่ละห้อง
เมื่อซูฟ่านเข้ามาในห้องเรียน เขาก็ได้รับการต้อนรับจากผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าสวยและรูปร่างงดงาม
สาวงาม!
คำนี้ผุดขึ้นในใจของซูฟ่านโดยไม่รู้ตัว
“สวัสดี หนุ่มน้อย เจ้าเป็นศิษย์ใหม่ของที่นี่ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว ข้ามีนามว่าซูฟ่าน ไม่ทราบว่าข้าควรเรียกผู้อาวุโสเช่นไรดี?” ซูฟ่านตอบด้วยรอยยิ้ม
“ข้ามีนามว่าซาหยาน ข้าเป็นผู้ช่วยอาจารย์ของที่นี่ ถ้าอาจารย์ไม่อยู่ ข้าก็มักจะรับหน้าที่สอนแทน” ซาหยานตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์
“ศิษย์น้องซูฟ่าน มีอะไรที่เจ้าสงสัยรึเปล่า?” ซาหยานถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่เลย ข้าแค่กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงให้ตามบทเรียน ณ ปัจจุบันทัน” ซูฟ่านเกาหัวและถาม
“นั่นไม่ใช่ปัญหา ในช่วงแรกๆ ล้วนเป็นบทเรียนพื้นฐาน และข้าก็มีบันทึกหยกอยู่ที่นี่”
“ในอนาคต เจ้าก็สามารถใช้มันเพื่อทบทวนบทเรียนเอาทีหลังได้”
“เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว ข้าจะเริ่มการสอนแล้ว เจ้าเองก็ไปหาที่นั่งและตั้งใจฟังให้ดีล่ะ” ซาหยาน ดวงตาของเธอโค้งงอเป็นรูปจันทร์เสี้ยวที่น่าหลงใหล
ซูฟ่านรู้สึกประทับใจกับรูปลักษณ์ของเธอมาก ในชีวิตที่แล้ว เขาก็เป็นเพียงเด็กเนิร์ดธรรมดา เขาไม่เคยมีโอกาสได้โต้ตอบกับสาวงามเช่นนี้เลย
ถ้ามันมีหลักสูตรแบบตัวต่อตัว ฉันก็จะไม่ลังเลเลย!
ซูฟ่านเดินไปหาที่นั่งและนั่งลงบนเสื่อ เขาสบตากับเหล่าศิษย์ที่อยู่รอบๆนักเรียนมีทั้งหมดสิบคนรวมทั้งซูฟ่านเองด้วย
“ในตอนนี้ เรามาพูดถึงความสำคัญของการปรุงยาเบื้องต้นกันก่อน ความสมบูรณ์แบบของการปรุงยาจะเป็นตัวกำหนดคุณภาพของยาในขั้นสุดท้าย”
“ในตอนนี้ ข้าจะอธิบายหลักการที่พื้นฐานที่สุดสำหรับการแปรรูปยาวิญญาณให้ ขั้นตอนแรก สกัดแก่นแท้…”
หลักสูตรการปรุงยาเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ และซูฟ่านก็เริ่มมุ่งเน้นไปที่เนื้อหาการสอน
ในช่วงบ่าย ซูฟ่านใช้เวลายามบ่ายอันแสนสุขตามลำพังกับอาจารย์คนสวยของเขา
เมื่อเขากลับมายังยอดเขาเล็กๆ ของเขา ซูฟ่านก็เริ่มทบทวนความรู้ที่ได้มาโดยทันที
หนึ่งเดือนต่อมา
ในห้องปรุงยาที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนเนินเขา ซูฟ่านได้เริ่มการปรุงยาเป็นครั้งแรก
“มันไม่ง่ายเลย แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากเรียนมานานกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดฉันก็สามารถเริ่มฝึกปรุงยาได้แล้ว”
ซูฟ่านหยิบหินวิญญาณออกมาอย่างไม่เต็มใจและโยนมันลงในกองไฟใต้เตาปรุงยา ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็ปะทุขึ้นใต้เตาหลอมยา
'วิชาควบคุมไฟ'
'วิชาควบคุมวิญญาณ'
เมื่อเปิดฝาเตาปรุงยา ซูฟ่านก็โยนส่วนผสมของยาวิญญาณที่เขาเตรียมไว้ลงไปโดยทันที
หญ้าวิญญาณวารี ผลกินแดด เห็ดหลินจือ น้ำค้างร้อยสมุนไพร….
ซูฟ่านควบคุมอุณหภูมิในขณะที่เพิ่มส่วนผสมลงไป
เมื่อใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปแล้ว ซูฟ่านก็เริ่มใช้วิชาขึ้นรูปยาที่เขาได้เรียนรู้มาโดยทันที
ภายในเตาปรุงยาที่ลุกเป็นไฟ ส่วนผสมของยาวิญญาณที่กลายเป็นของเหลวได้แบ่งออกเป็นหยดก้อนเล็กๆ สิบหยด และเริ่มกลั่นตัวมันเองโดยใช้ความร้อนของเตาหลอม
และในขณะที่ซูฟ่านกำลังถอนหายใจและคิดว่าการปรุงยาไม่ได้ยากขนาดนั้น
บู้มมม!
“อัจฉริยะอย่างฉันจะทำเตาปรุงยาระเบิดได้ยังไง!!”