บทที่ 065 – สองแผนร้าย(6)
บทที่ 065 – สองแผนร้าย(6)
“ช่ายยยยยย⎯⎯ถูกต้องแล้ว⎯⎯ฝ่าบาทททท ดันทาเลี่ยน⎯⎯”
บาร์บาทอสจมอยู่ในห้วงความคิด? ทำไมหมอนั่นถึงมาข้าหาเวลานี้?
เธอพยายามคิดหลายต่อหลายความเป็นไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น เธอชอบที่จะทำตามสัญชาตญาณการหยั่งรู้ของตนเองมากกว่าจะใช้ตรรกะซับซ้อนเพื่อการตัดสินใจ หลังจากคิดแล้วก็ได้พบข้อสรุปว่า ไม่ว่าจะมุมใด การใช้เหตุผลของดันทาเลี่ยนนั้นน่าสนใจเสมอ
เธอจึงพูดขึ้น
“บอกให้เขามาที่นี่ เดี๋ยวนี้! ไม่สิ ข้าจะไปรับเขาด้วยตัวเอง”
“ตามมม⎯⎯ที่ฝ่าบาทปรารถนาาาาาาา⎯⎯.”
ผีโปร่งใสตอบรับทั้งที่ยังลากเสียงยาว เจ้าผีนั้นจมหายไปในพื้นดิน ปกติแล้วเธอจะถอนใจกับการที่ลูกน้องของเธอนั้นมุดไปมุดมาผ่านดินแทนที่จะเข้ามาทางเดินที่สร้างไว้ให้เป็นอย่างดี แต่บาร์บาทอสกัดนิ้วอย่างทนรอไม่ไหว
‘เป็นไปได้ หรือเป็นไปได้ว่า……เขาจะรู้ถึงสิ่งที่ข้าทำ?’
ไขสันหลังของบาร์บาทอสสะดุ้งเหมือนถูกหนามแทง มันไม่มีทาง แม้เธอจะรู้ว่า ไม่มีทางที่เขาจะล่วงรู้ได้ ความคิดที่ว่าเขาอาจจะรู้ถึงสิ่งที่เธอทำกลับทำให้เธอตื่นเต้นขึ้น
หัวใจเธอเต้นระรัวจนแทบจะหายใจไม่ทัน แต่มันก็เร็วไปที่จะสรุปอย่างนั้น มันเป็นปกติของคนที่เปี่ยมด้วยความหวังจะผิดหวัง ดังนั้นจึงควรจะรู้จักการเลิกตั้งความหวังด้วย
แต่ถึงกระนั้น
‘แม้โอกาสจะมีเพียงน้อยนิดที่เขารู้ ข้าก็จะพึงพอใจเป็นอย่างที่สุดเลย เจ้าหนู’
มุมปากของบาร์บาทอสยกยิ้มขึ้น ลิ้นสีแดงของเธอมอบความชุ่มชื่นให้ริมฝีปากตน
ไม่นานนัก ดันทาเลี่ยนก็ได้เข้ามาทางประตูหลักในชุดผ้าคลุมดำ ต้องขอบคุณอุปกรณ์เทเลเพอร์ทที่สร้างไว้เพื่อแขกของปราสาทจอมมารบาร์บาทอส เขาจึงมาถึงได้รวดเร็ว พอดันทาเลี่ยนเห็นเธอเข้า ก็โบกมืออย่างสบายๆ การกระทำของเขานั้นเหมือนกับได้มาเจอกับเพื่อนเก่า
“ไม่เจอกันนานเลย บาร์บาทอส”
ตอนนั้นเองที่เธอหลงลืมไปเลยว่าจะพูดอะไร หรือจะบอกว่า เธอไม่ทันตั้งตัวก็ได้
เธอไม่คาดหวังว่า เขาจะพูดตรงไปตรงมาแบบนั้น จริงอยู่ที่ทั้งดันทาเลี่ยนและบาร์บาทอสนั้นตัดสินใจไม่พูดเป็นทางการต่อกัน แต่พวกเขาก็ยังเป็นระดับ 8 กับระดับ 71 หากเทียบชนชั้นในทางสังคมมนุษย์ก็เหมือนกับจักรพรรดินีกับอัศวินบ้านนอก ใครจะสามารถเลิกพูดอย่างสุภาพได้ง่ายๆเพียงเพราะอีกฝ่ายบอกกันล่ะ?
นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เธอไม่ได้รับการทักทายเช่นนี้?
รอยยิ้มเต็มใบหน้าปรากฏขึ้น
“ไอ้นี่มันช่างหยาบชะมัด นี่แกเผลอเอาความอ่อนน้อมไปทาขนมปังกินซะแล้วเรอะ? ถ้าแกจะมาเยี่ยมบ้านของสุภาพสตรีอย่างน้อยก็หัดเตรียมไปป์ให้พร้อมสูบซะบ้าง”
“โอ้ แหมที่รัก ข้าที่ช่างหยาบกระด้างเหลือเกิน แต่ท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ? ข้านั้นตื่นเต้นที่ได้เห็นหญิงสาวผู้งดงามจนลืมแม้แต่ความสุภาพ แต่อย่างที่เข้าใจกันว่า เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าความงดงามแล้ว การเสแสร้งและความสุภาพอันไร้สาระก็สลายไปในทันที”
“คั่ก คั่กคั่ก”
เธอนั้นไม่ชอบการป้อยอ แต่หากเป็นการป้อยอเพื่อหยอกล้อเธอชอบมาก
การล้อเล่นนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงสิ่งอันน่าเบื่อที่เรียกว่า ชีวิต แม้จะชีวิตนั้นจะแสนเปราะบางจนน่าสะอิดสะเอียน แต่หากเหยาะเครื่องปรุงลงไปสักหน่อยก็อร่อยถูกปากได้
“แกนี่ คารมคมคายดีจริงๆ ข้ารู้แล้วล่ะว่า พรสวรรค์ของแกคือ การซัดหน้านังกะหรี่ไพมอน แต่ถึงอย่างนั้นข้ากับมัน คนละชั้นกันเว่ย”
“โอ้ ? นี่ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ข้าไม่ใช่พวกอ่อนหัดที่จะมองข้ามพฤติกรรมหยาบคายง่ายๆเพียงเพราะลิ้นสองแฉกของแกหรอกน่า การเผยเรือนร่างอันงดงามอย่างแท้จริงให้แกได้เห็นมันเป็นสิ่งที่สมควรต่อจากยกย่องอยู่แล้ว”
คิดไว้แล้วมาต้องเป็นแบบนี้
ดันทาเลี่ยนแสดงความเห็นพร้อมกับหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มันเป็นขวดเหล้า ตาของบาร์บาทอสเบิกกว้าง แบรนด์บนขวดนั้น มันเป็นแบรนด์ที่เธอเคยเห็นมาเมื่อนานมากแล้ว อยู่ๆบาร์บาทอสก็พูดตะกุกตะกักขึ้นมาทันที
“ยะ-อย่าบอกข้านะ ว่า ไอ้เจ้านั่น?”
ดันทาเลี่ยนยิ้มชั่วร้ายออกมากว้างๆ
“นรกน้ำเดือด เป็นที่รู้จักกันดีในโลกปีศาจว่า เป็นไวน์ชั้นสูง ในบรรดาไวน์ชั้นดีทั้งหลาย นี่คือ ไวน์ที่อยู่เหนือไวน์ทั้งปวงทำขึ้นแค่ปีละครั้งในดินแดนของเอิร์ลลาวา จากปี 505 ตามปฏิทินภูมิภาคบาเล่อ(Baler) แหมช่างบังเอิญเหลือเกิน ปีนี้ก็ครบรอบพันปีพอดีเลย”
“ไม่มีทาง!”
บาร์บาทอสร้องออกมา
“นั่นมันไวน์ชั้นสูงที่แม้แต่ ตาแก่บาอัล(Rank 1 Baal)ยังดิ้นรนหามาเพื่อให้ได้ครอบครอง!”
“อะแฮ่ม ข้าใช้เส้นสายนิดหน่อยได้มา”
“บ้าไปแล้ว นี่มันบ้าเกินไปแล้ว! มันใช่ของจริงใช่ไหม!? ไม่ มันไม่ใช่ของจริง หรือใช่ของจริงวะ!?”
เธอไม่สามารถอดใจรอได้อีกต่อไป ก้นของเธอยกขึ้นจากที่นั่งบัลลังค์หิน เธอนั้นนิยามตนเป็นผู้ที่รักเหล้ามากที่สุดในหมู่จอมมารด้วยกัน และจอมมารตนอื่นก็รู้ความจริงข้อนี้ ดังนั้นไวน์ขวดนี้จึงเป็นเหมือนจอกศักดิ์สิทธิ์สำหรับเธอ
บาร์บาทอสนั้นโยนความสูงส่งและเกียรติภูมิไปกองไว้ก่อน แล้วกระโดดเข้าตะครุบอย่างรวดเร็ว
“ให้ข้าดูหน่อยยย!”
“แน่นอนครับ นี่ครับ”
ดันทาเลี่ยนโยนขวดให้ เขาโยนมันลอยสูงเหมือนลูกบอล บาร์บาทอสตกตะลึงกับการที่เขากล้าทำอย่างนั้น
นี่เขากล้าโยนไวน์คุณภาพชั้นเลิศที่สุดในโลกต่อหน้าคนรักไวน์ได้อย่างไรกัน!? มันเหมือนกับเอางานชิ้นเอกระดับศตวรรษมาโยกควงเล่นต่อหน้าศิลปิน การทำแบบนั้นยังถือว่า มารยาทดีกว่าที่หมอนี่ทำด้วยซ้ำ
เธอกรีดร้องออกมา
“อ๊าาาาา อ๊ากกกก! ไอ้บ้าห่าเอ้ยยยย!”
บาร์บาทอสนั้นใช้เวทย์มนตร์โดยไม่ตั้งใจเพื่อจับขวดไวน์จากอากาศตรงหน้า เวทย์มนตร์ดำสามระดับนั้นใช้ออกมาทันทีโดยไร้คำร่าย
<คว้าจับล่องหน> (Invisible Grasp),<ลมหายใจแห่งความเมตตา>(Breath of Mercy), และ <ก้าวย่างของผี> (Ghost Steps) เวทย์ทั้งสามนั้นเป็นเวทย์ระดับสูงที่ต้องมีระดับอย่างต่ำ คือ ห้าวงเวทย์
บาร์บาทอสนั้นเหยียบพื้นแล้วกระโดดขึ้นสูงกว่า 10 เมตร เธอได้สร้างหมอกเวทย์มนตร์ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ทำให้ความเร็วของขวดไวน์นั้นช้าลง จากนั้นเธอก็จับขวดไวน์ด้วย <คว้าจับล่องหน>
หากมีนักเวทย์มนุษย์มาเป็นพยานการใช้เวทย์สำเร็จโดยฉับพลันทันใด กรามพวกเขาคงอ้ากว้างชนพื้น และคงจะช็อคด้วยหลายๆเหตุผล
เริ่มจากความจริงที่ว่า เธอไม่ได้ใช้งานเวทย์แค่2 หากแต่เป็นถึง 3 เวทย์ในเวลาเดียวกัน
อย่างที่สอง เธอร่ายทั้งสามเวทย์โดยละคำร่าย และส่งผลในทันที
และอย่างสุดท้าย เธอใช้มหาเวทย์นั้นเพื่อคว้าไวน์หนึ่งขวด
บาร์บาทอสไม่แคร์ว่า พวกนักเวทย์มนุษย์จะมองยังไง เธอโฟกัสความสนใจทั้งหมดไปที่ไวน์ บาเล่อปี 505 ที่อยู่ในอากาศ
เวทย์มนตร์ที่เธอฝึกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก มาตลอด 2,000 ปี นั้นนำมาใช้ ณ เวลานี้ เพื่อใช้กับไวน์ขนาด 45 เซนติเมตร
นี่เป็นผลลัพธ์จากการทำงานหนักของเธอตลอดไม่ใช่หรือ?
ไวน์ขนาดนั้นจอดลงสู่มือของบาร์บาทอส แล้วตัวเธอก็ลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย
“เยสสสสสสสสสสสสสสสสสส!”
บาร์บาทอสยกชูขวดขึ้นด้วยมือของเธอ เธอตะโกนออกมาเหมือนนักบาสเก็ตบอลที่เพิ่งรีบาวในช่วงวินาทีสุดท้ายของการแข่งขันได้ทัน ตอนนี้เธอแทบจะเป็นราชันย์แห่งสนามก็ไม่ปาน
“เอ็งเห็นไหมมม!? ไอ้ห่า! นี่คือ สุดยอดระดับ 8 บาร์บาทอสโว้ย!”
“……ข้าไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่รู้สึกเหมือนได้มาเป็นพยานบางสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก ในตอนนี้”
“ดันทาเลี่ยน ไอ้ลูกกะหรี่เอ๊ย! เอ็งไม่มีสิทธิแม้แต่จะชิมขวดนี้แม้แต่จิบเดียว!”
บาร์บาทอสหันขวับกลับมาจ้องหน้าดันทาเลี่ยน แม้จะพยายามมองจ้อง แต่จากภาพนอกก็เห็นเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสามปี ที่แผ่ออร่าเข้มข้นออกมา อย่างน่ากังขา
“โอ้ ข้าหมดคำจะพูด! ข้าไม่อยากเชื่อ ไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย! เจ้าไวน์ที่ผ่านการบ่มมานานถึงพันปี!
ผลงานชิ้นเองที่จะเสร็จสมบูรณ์ได้ก็ผ่านมาหลายต่อหลายรุ่น จากการกลั่นสกัดด้วยเวทย์มนตร์ในโรงกลั่นที่สุดพิเศษบนโลกนี้มานานถึง 15 วัน เวทย์มนตร์พิเศษจำเพาะที่มีไว้เพื่อถนอมรักษาคุณภาพแอลกฮอล์!
นี่แกกล้าดียังไงวะถึง มาโยนสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ ที่ไม่มีทางหาซื้อได้ทั่วไป และเป็นของขวัญชิ้นเดียวที่แม้แต่อาร์คดยุคแห่งนรกน้ำเดือดยังไม่กล้าที่จะมอบมันให้กับหญิงสูงศักดิ์ผู้งดงามด้วยซ้ำ!
แกกล้าโยนมันเหมือนขยะได้ไงวะ ไอ้ห่าเอ้ย!?
แกนี่มันเลวทรามยิ่งกว่าคราบดินในซอกเล็บอีกาซะอีก!”
“เอ่อมม เท่าที่ข้ารู้แน่ๆแล้ว คือ ท่านนี่มันพวกติดแอลกอฮอล์ระยะสุดท้ายแล้วล่ะ”
“ผู้เชี่ยวชาญแอลกอฮอล์โว้ย ไม่ใช่ ไอ้ขี้เมาพวกนั้น เจ้างั่ง!”
บาร์บาทอสนั้นเขย่าขวดไวน์ด้วยมือที่สั่นเทา เธอคงสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบด้วยฝ่ามือของเธอ
‘โหว๋’
เธอบอกได้ในทันที นับตั้งแต่เธอเป็นจอมเวทย์มนตร์ดำผู้ยิ่งใหญ่ ขวดนี้ไม่ใช่ขวดแก้วธรรมดาเช่นกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันเป็นขวดคุณภาพดี ที่ใช้การรักษาอุณหภูมิแบบกึ่งถาวร แล้วเคลือบให้ชุ่มโชกด้วยเวทย์มนตร์ป้องกันอย่างดี ความสงสัยว่า ขวดในมือนั้นเป็นของจริงหรือไม่ ได้เปลี่ยนเป็นความหวังที่จะได้ลิ้มลองของจริงแล้ว
“กะ-แก……ถ้านี่ไม่ใช่ของจริงล่ะก็, เตรียมใจรับการลงโทษที่หลอกลวงข้าได้เลย , ข้าจะl…….”
“ข้าจะให้ท่านได้จิบแรกไป”
“อึก”
บาร์บาทอสกลืนน้ำลายโดยไม่ทันรู้ตัว
“แต่จิบแรกนั่น……ระ-รสเยี่ยมที่สุด?”
“นั่นแหละสาเหตุที่ข้ามอบให้ท่าน”
ดันทาเลี่ยนแสยะยิ้มชั่วร้าย
“เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ?”
“แกมัน ไอ้……ไอ้ลูกกะหรี่ แต่เป็นลูกกะหรี่ที่ดี”
“นั่นฟังดูเหมือนท่านกำลังชมข้าอยู่เลย ถ้าอย่างนั้นข้าจะขอรับคำชมเชยนั่นไว้ด้วยความเคารพ”
บาร์บาทอสขยับตัว
ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่จบลงแค่นั้น การที่คิดว่าจะได้จิบแรกของ บาเลอไวน์ ปี505 นั้นทำให้เธอลน
“มะ-มันต้องเวลาแบบนี้แหละ! แก้วไวน์! ข้าเอาแก้วไวน์ไปไว้ไหน!?”
เธอกวาดมือไปรอบข้าง พอเธอทำเช่นนั้น พวกกองขยะทั้งหลายก็บินออกไปทางประตูหน้า ไอเทมทั้งหลายที่อยู่ในห้องเก็บของก็ถูกเรียกออกมาด้วยเวทย์มนตร์อัญเชิญของบาร์บาร์ทอส ห้องจอมมารที่กว้างใหญ่นั้นเต็มไปด้วยขยะ แต่ก็ไม่นานนักบาร์บาทอสก็หาแก้วไวน์คริสตัลเจอ
เธอกลืนน้ำลายลงไป
“……จะ-จะดื่มละนะ?”
“ครับ เชิญเลยครับ ตามสบายเลย”
ดันทาเลี่ยนเริ่มเหนื่อยหน่ายกับความแปลกของคนขี้เมา เขาจึงตอบกลับพร้อมถอนใจ โดยปรกติแล้วบาร์บาทอสนั้นจะโต้ตอบต่อท่าทีที่หยาบคายแบบนั้น แต่ตอนนี้ไม่มีทางที่เธอจะมีเวลามาคิดเรื่องพรรค์นั้น
ความจริงแล้วคำพูดที่พูดว่า ‘จะดื่มละนะ’ นั้นไม่ได้พูดกับดันทาเลี่ยน เธอพูดกับตัวเองต่างหาก
“อะ-โอเค บาเลอร์ไวน์ ปี 505 ……จงเผยกลิ่นอันเซ็กซี่เย้ายวนของเจ้าออกมาเถิด”
“ข้าไม่คิดว่า กลิ่นไวน์จะเซ็กซี่เย้ายวนได้ ข้าว่าสมองท่าน…….”
“หุบปาก!”
บาร์บาทอสนั้นเริ่มร่ายเวทย์ มันเป็นเวทย์ที่เอาไว้เปิดจุกคอร์กให้ออกมาจากขวดไวน์โดยไม่ได้ใช้อุปกรณ์ใดเลย ไม่สำคัญว่า จุกคอร์กที่มีนั้นจะดีแค่ไหน แต่มันก็จะมีบางส่วนของคอร์กนั้นที่หล่นไปในไวน์เมื่อดึงมันออกมา จุกคอร์กพวกนั้นจึงไปเจือปนกับรสชาติของไวน์ทำให้คุณภาพต่ำลงด้วย
เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันอันน่าสะเทือนใจนั่น บาร์บาทอสจึงได้พัฒนาเวทย์ <ถอนจุกคอร์ก>(Cork Removal) ออกมาเมื่อ 1,103 ปีที่แล้ว บาร์บาทอสนั้นมั่นใจว่าทุกสิ่งที่เธอทำสำเร็จมาตลอดชีวิตนั้น ความยิ่งใหญ่ใดที่เธอได้รับมาแล้ว ทั้งหมดมันก็มีแค่เวทย์มนตร์ระดับสองวงนี่ เท่านั้นที่จะสามารถใช้งานในการดึงจุกคอร์กจากขวดนี้ เธอมั่นใจอย่างนั้น
บาร์บาทอสผู้ใช้เวทย์มนตร์เหนือกว่าระดับห้าวงโดยไม่ต้องร่าย และยังใช้ได้ถึสามชั้นเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา ในตอนนี้เธอได้ใช้เวทย์ถอนจุกคอร์ก ที่เป็นแค่เพียงระดับสองวง อย่างระมัดระวัง เชื่องช้าที่สุด และเปี่ยมไปด้วยความจดจ่อมากที่สุด เมื่อเธอเริ่มร่ายจุกคอร์กก็ค่อยๆดันตัวขึ้นมาดัง ‘ป๊อป’
กลิ่นของไวน์ที่บ่มมานับพันปีได้ลอยขึ้นแตะจมูกบาร์บาทอส
“…….”
เธอนั้นซาบซึ้งเป็นอย่างมาก จิตใจของเธอลอยล่องออกไปเกือบห้าร้อยเมตรในอากาศ เธอแน่ใจแล้ว ว่านี่ นี่มัน ของจริงเลย โดยไร้ข้อสงสัย ไร้ข้อกังขา
นี่คือ <ไวน์เบเลอ ปี 505 จากดินแดนลาวา ที่ชื่อ นรกน้ำเดือด> ของจริง ชัดเจนและยิ่งกว่า
⎯⎯ความลึกล้ำและพิศมัย หากแต่มันยังแตกต่างอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่าความดีงามใดๆทั้งปวง
แม้บาร์บาทอสจะยังไม่ได้ดื่มมันซักหยด แต่เธอก็ได้เมาไปแล้ว
“สะ-สวรรค์มีจริงหรือนี่?”
“ข้าดีใจที่กลิ่นอย่างเดียวก็สร้างความปลื้มปิติให้ท่านได้ ท่านควรลองจิบดูตอนนี้เลย”
“จะจิบ……? เจ้าสิ่งนี้……?”
เธอตัวสั่น
“ดันทาเลี่ยน……แกมันไม่เข้าใจคุณค่าของสิ่งนี้……ขะ-ข้าจะดื่มสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน? เจ้าไม่ควรดื่มสมบัติรู้ไหม?……?”
“ก็ท่านชอบเหล้า ใช่ไหม? ก็เหล้าที่ดีที่สุดในโลกมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ทำไมยังไม่อยากจะดื่มอีกล่ะ?”
หมอนี่พูดถูก
บาร์บาทอสกลับสิ้นหวัง
“อ๊าากกกกก! มันช่างย้อนแย้ง ย้อนแย้งเหลือเกิน……!
เพราะข้ารักเหล้ากว่าใครๆทั้งปวง ข้าจึงอยากได้ ไวน์บาเลอ!
แต่ก็เพราะข้ารักมันยิ่งกว่าใคร ……เพราะแบบนั้นข้าต้องหักห้ามตัวเองจากการดื่มมัน! นี่มันปฏิทรรศ์อันย้อนแย้ง! ความไม่มีเหตุผล! มันช่างปวดร้าวใจเหลือเกิน!นี่หรือชีวิต!?”
“ไปต่ออีกหน่อยแล้วท่านจะจบลงที่ได้เจอความจริงของจักรวาลผ่านไวน์ขวดนี้
เฮ้ นี่ ส่งขวดกลับคืนมาให้ข้า ข้าจะรินให้ท่านเอง”
“อะ-โอเค”
บาร์บาทอสส่งขวดให้อย่างเชื่อฟัง มันไม่รู้สึกเหมือนว่าเธอจะสามารถรินไวน์ได้แม้จะใช้สองมือ มือขวาของเธอมันสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เธอถือแก้วไวน์รอ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนด่าเมื่อเธอเห็นวิธีที่ดันทาเลี่ยนถือขวดไวน์
“เฮ้ย ไอ้ลูกหมา! นั่นมันท่าอะไรวะ!?”
ดันทาเลี่ยนกะพริบตาขณะที่ถือขวดไวน์ด้วยสองมือ
“อะไรรึ?”
“ท่าถือขวดของแกน่ะมันผิด ท่ามันผิดโว้ย! แกต้องใช้มือเดียว ไม่ใช่สองมือ!”
“แบบนี้รึ?”
“ไม่ใช่โว้ย ไอ้ห่า! อย่าจับขวดแน่นด้วยฝ่ามือสิวะ ให้ประคองมันไว้เบาๆที่ก้น!”
“……แบบนี้รึ?”
บาร์บาทอสเริ่มเกรี้ยวกราด
“ชิบหาย! ข้าบอกแกแล้วว่า อย่าถือด้วยฝ่ามือ! ใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้แล้วก็นิ้วกลาง⎯⎯.”
“ดื่มเข้าไปเหอะน่า ยัยคนติดเหล้า!”
ดันทาเลี่ยนมองเด็กสาวด้วยความรำคาญ แม่นี่มันน่าสิ้นหวังเหลือเกิน