บทที่ 058 – Bad Ending ฉากจบ หมายเลข.02 (1)
บทที่ 058 – Bad Ending ฉากจบ หมายเลข.02 (1)
บันทึกผู้เขียน : บทนี้เป็น ‘what if’ เนื้อเรื่องเสริม สำหรับคนที่ไม่ชอบBad Ending สามารถข้ามบทนี้ได้
เงื่อนไขการจบ
1. ค่าความชอบของลาพิส ลาซูลิ ต่ำกว่า 30
2. ชื่อเสียของดันทาเลี่ยนสูงกว่า 150
.
.
.
ปฏิทินจักรวรรดิ์,1506
รุ่งอรุณของวันที่ 22 เดือน 1
วันนี้ไม่สำคัญด้วยซ้ำว่าจะเป็นวันที่ 21 หรือวันที่ 23 และไม่สำคัญไม่ว่าจะเป็นเดือน 12 หรือเดือน 2 สิ่งที่คู่ควรแก่การบันทึกไว้ คือ การที่วันนี้มีหิมะตก
มันเป็นพายุหิมะที่ตกหนัก หิมะนั้นตกลงมาเหมือนฝน ล้อของรถม้าถูกฝังอยู่ใต้หิมะและคนขับรถม้าก็ต้องเลี่ยงที่จะรับผู้โดยสารหากได้รับเงินไม่คุ้มค่าพอ
“นี่ไม่มีทางที่พวกเขาจะไปถึงที่นั่นได้ตามเวลา”
คนขับรถยังพูดอย่างนั้นแม้จะได้รับเงินก้อนงามมาแล้ว เขาใช้ร่างทั้งร่างในการบังหิมะและลมก่อนจะจุดไปป์
“หืม นี่มันครั้งแรกเลยที่ผมเห็นพายุหิมะแบบนี้”
นั่นโกหกทั้งเพ ปีที่แล้วนี้เองต่างหาก แต่ปีที่แล้วหิมะตกลงมากแค่ไหนกัน มันจะไปสำคัญอะไร? ทั้งคนขับรถม้าและผู้โดยสารต่างรู้ว่าคำว่า ‘ครั้งแรก’ นั้นสื่อความโดยนัย มันเป็นคำที่ใช้แทนคำว่า ‘อย่างมาก’ หรือ ‘มากมาย’
“มันไม่สำคัญหรอก”
หญิงสาวที่สวมชุดโค๊ทขนสัตว์ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเข้ม
“พาฉันไปส่งที่โรงโอเปร่าเทเนบริส!(Tenebris Opera House)”
“แค่ก รับทราบ”
คนขับรถม้าดึงเสื่อฟางที่ปกคลุมหลังม้าออก
คนขับนั้นอยากที่จะสูบไปป์อย่างสบายๆและนอนตลอดทั้งวันอย่างนี้ หิมะขาวนั้นได้ร่วงหล่นจากฟากฟ้า นี่ไม่ได้หมายถึงพระเจ้า หรืออย่างน้อยที่สุดก็เหล่านางฟ้ากำลังโปรยหิมะมาจากเบื้องบนหรอกหรือ?
มันต้องมีความหมายลึกซึ้งในเรื่องนี้สิ มันอาจจะเป็นการดูหมิ่นสิ่งเหล่านั้นก็ได้ในการขับขี่รถอย่างนี้!?…….
คนขับรถม้าไปซ่องอยู่บ่อยครั้งโดยไม่ให้ภรรยารู้ และก็จงใจที่จะนอกใจทุกครั้งที่มีโอกาส
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเชื่อมั่นในการอุทิศตน เขาไม่เพียงแต่จ่ายภาษีในท้องที่เท่านั้นยังจ่ายเงินค่าสนับสนุนให้แก่ผู้ศรัทธาและสมาคมคนขับรถม้าด้วย
เขานั้นมีหลายต่อหลายสิ่งที่สามารถใช้เพื่อพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ที่น่านับถือของตัวเองด้วย ซึ่งนั่นมากพอสำหรับตัวเขาด้วยซ้ำ
เช่นเดียวกับผู้อื่น คนขับรถม้าไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเกิน 3 ข้อในการพิสูจน์คุณค่าในการมีชีวิตอยู่ของพวกเขา
‘เธอต้องเป็นลูกสาวของคนร่ำคนรวยที่อยากเดินทางไปต่างประเทศหรืออะไรพวกนั้นแน่ๆ’
คนขับรถมองไปที่ผู้โดยสารของเขา ใบหน้าของเธอซ่อนอยู่ใต้ฮู้ดของเสื้อโค้ทหนังสัตว์ ถึงอย่างนั้นความหรูหราราคาแพงของเสื้อโค้ทและถุงมือนั้นช่างไม่ธรรมดา เธอยังมีเรเปียอยู่ที่เอวซึ่งนั่นมีไว้เพื่อป้องกันตัวเอง ตามยุคสมัยที่ผู้หญิงยุคนี้นิยมกัน
เขาพอจะอนุมานได้ว่า เธอน่าจะมาจากครอบครัวที่มั่งคั่งมากพอที่จะให้ลูกสาวได้เรียนฟันดาบ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังหมายถึงว่า เธอมีอะไรมากมายที่คุ้มครองตัวเธอได้นอกจากการเรียนศิลปะป้องกันตัว
‘ฮึ! ไอ้พวกคนรวย พวกเขาคงจะอยากไปทำดูอะไรไร้สาระที่โรงโอเปร่านั่น’
รถม้าเดินทางผ่านเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
ทุกสิ่งนั้นเชื่องช้า หิมะที่ตกลงมาจากฟ้าก็ช้า รถม้าที่แล่นไปก็ช้า ฝีเท้าของผู้คนก็ช้า
ผู้คนที่เดินไปมาบนท้องถนนต่างปัดหิมะออกจากเสื้อราวกับว่าหิมะนั้นเป็นสัตว์ แม้แต่กองไฟที่พวกจรจัดสุมหัวกันก็ยังเชื่องช้า ลมหายใจที่แสนยาวนั้นก่อให้เกิดควันพวยพุ่ง แม้แต่ควันจากปล่องไฟก็พองตัวออกมาอย่างช้าๆเช่นกัน
“…….”
เด็กสาวนั่งที่นั่งผู้โดยสาร
⎯⎯มันเป็นรถม้าที่ผู้โดยสารสามารถมองเห็นข้างนอกได้
⎯⎯และดูวิวทิวทัศน์อย่างช้าๆ
เธอสูดหายใจเข้าอย่างใจเย็นราวกับจะเอาลมหนาวพวกนั้นเข้าไปเต็มปอด ลมนั้นไหลผ่านปากสีชมพูเล็ก เธอนั้นดูเหมือนนักพรตที่ใกล้บรรลุในขณะที่ถือขวดอยู่
โรงละครนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยพายุหิมะ มันดูเหมือนกับว่ารถม้าทุกคันในเมืองต่างมาประชุมรวมตัวกัน ณ จุดเดียว
นักแสดงมีชื่อมากมายที่เป็นที่นิยมต่างมาเปิดโชว์การแสดง และวันนี้เป็นวันที่พิเศษมาก
ชนชั้นสูง,พลเมืองที่มีชื่อเสียง,พ่อค้าและผู้คนที่อย่างน้อยๆก็มีแต่คนระดับบนๆมารวมตัวกันที่นี่
บางคนก็ยื่นจดหมายเชิญ พยายามแนะนำตัวเองกับคนอื่น คนนำทางนั้นยิ้มและต้อนรับพวกด้วยสายตาอันเชื้อเชิญ เพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขานั้นเป็นตัวจริง
หนึ่งในคนนำทางพบเด็กสาว เขาสามารถยืนยันได้ทันทีจากคุณภาพเสื้อโค้ทของเธอ ถุงมือ รองเท้า โดยที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เป็นชนชั้นสูง
“ท่านเดินทางมาจากไหนครับ ท่านหญิง?”
“ข้าได้ยินว่า วันนี้จะมีโชว์ประหลาด”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยุซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของผู้หญิงที่มีศักดิ์สูง
“ข้ามาที่นี่เพื่อดู <กลของตัวตลกผู้รวดเร็ว>”
<The Tricks of a Fasting Clown>
“……!”
ดวงตาของคนนำทางกว้างขึ้นเล็กน้อย
ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามรั้งตัวเองอย่างชำนาญให้แสดงออกอย่างมืออาชีพ เขาค่อนข้างประหลาดใจเพราะเด็กสาวออกจะเด็กเกินไปสำหรับคนที่จะมาดู <กล>นั้น , แต่ก็ใช่ว่าเด็กสาวคนอื่นจะไม่เคยมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นหรอก คนนำทางจึงแสดงความเคารพออกมาพร้อมทั้งโค้งให้
“พวกเราช่างได้รับเกียรติที่ท่านมาอยู่โรงละครในวันนี้ ผู้น้อยจะเป็นคนนำทางนำทางให้ท่าน”
“นายพูดว่าเป็นเกียรติทั้งที่ไม่รู้ว่า ข้าคือใครเนี่ยนะ?”
“ขออภัยนะครับ? อ่า ผม…….”
เด็กสาวฮึดฮัด เธอทำท่ามือเพื่อเร่งคนนำทางให้รีบทำทุกอย่างให้เร็วกว่านี้
มันนานมากแล้วนับตั้งแต่ที่คนนำทางคนนี้ได้รับคำเยาะหยัน
⎯⎯การทำงานในฐานะคนนำทางที่โรงละครนี้ทำให้บางคนต้องอิจฉา
⎯⎯แม้ใบหน้าของเขาจะเริ่มแดงขึ้น แต่เขาก็ไม่แสดงอารมณ์หรือท่าทางที่จะไปกวนอารมณ์อีกฝ่าย เขารู้ดีว่า แขกมาที่นี่เพื่อชม <กล> ต่างเป็นชนชั้นสูงในหมู่ชนชั้นสูง ระดับบนเหนือระดับบนด้วยกัน แทบทั้งสิ้น
คนนำทางนั้นนำเด็กสาวไปยังโรงละคร หลังจากผ่านฝูงชนมากมายที่หน้าล็อบบี้ พวกเขาก็เดินผ่านห้องโถงที่เข้าได้เฉพาะลูกจ้าง มีประตูเหล็กที่สุดทาง พอเขาปลดล็อคประตูด้วยกุญแจ มันก็เปิดออกโดยเผยให้เห็นบันไดที่ลาดลงไป
“ผมขอให้ท่านได้รับชมอย่างพึงพอใจ”
คนนำทางคนนั้นโค้ง 90 องศา เด็กสาวส่ายหัวก่อนเดินลงบันไดไป แล้วประตูเหล็กด้านหลังเธอก็ปิดลง
พรมสีแดงปูตลอดทางเดินบันได หินเวทย์มนตร์เปล่งแสงแวววาว พวกมันฝังอยู่ในบันได เด็กสาวมองหินที่ส่องแสงสีฟ้าและพบว่า มันเป็นหินเวทย์มนตร์ระดับสูงสุด
‘ช่างสิ้นเปลืองเงินทองเหลือเกิน’
คุณสามารถเลี้ยงคนนับร้อยได้ด้วยหินก้อนนั้นเพียงก้อนเดียว ในขณะที่รู้สึกขยะแขยงกับการมีอยู่ของโรงละครแห่งนี้ ผู้คนต่างหลั่งไหลเข้ามา โดยมีเครื่องประดับบนเสื้อผ้า เธอก็เดินผ่านบันไดไปพร้อมเสื้อโค้ท พวกเขาคุยกันว่า โค๊ทตัวนั้นทำจากขนขาจิ้งจอก? มันเป็นเสื้อตัวที่ถูกที่สุดที่เธอมี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงหรูหราเกินไปอยู่ดี
“ยินดีต้อนรับครับ ท่านหญิง”
สุดทางเดินบันได มีสุภาพบุรุษใส่ชุดสูทเทลโค้ทรอต้อนรับเด็กสาว
ในฐานะผู้จัดการ เขาจัดการการแสดงที่หลังเวที แทนที่จะเป็นโรงโอเปร่าเบื้องหน้า
“พวกเรายินดีเสมอที่ท่านได้กรุณามาเยี่ยมเยือนโรงละครของเรา”
“ข้าเห็นว่าทุกคนที่นี่ต่างพูดเป็นอยู่อย่างเดียว นี่เจ้ารู้หรือว่าข้าคือใคร ถึงจะได้มารู้สึก ยินดีเสมอได้?”
“แน่นอนขอรับ”
สุภาพบุรุษเข้าใกล้หญิงสาวแล้วโค้งให้ จากนั้นก็จูบไปที่ถุงมือของเธอ
“ท่านหญิง เค้าท์เตส เอวาเทรีย(Countess Evatriae)”
“หืมม”
มุมปากของเด็กสาวคลายลง
ในจักรวรรดิฮับบวร์ก( Empire of Habsburg)นั้น ตำแหน่งขุนนางจะมอบให้กับราชนุกูลนั้นหลายตามประเพณี ทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงต่างจะได้รับดินแดนทันทีที่เกิดมา
หลักๆคือ ตำแหน่งขุนนางพวกนั้นเป็นแต่ในนามไม่ได้มีสิทธิ์ครอบครองดินแดนใด แต่มันก็เป็นก้าวแรกที่จะแสดงถึง ความเชื่อมั่นหนึ่งในฐานะชนชั้นนำของจักรวรรดิ
โดยตัวฉายาของ เอวาเทรีย ที่เป็น ‘เค้าท์เตส’ นั้นเป็นตำแหน่งที่ให้กับ เจ้าหญิงลำดับสองของจักรวรรดิ
เธอเป็นหนึ่งในสามเด็กสาวที่เป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์บนทวีปนี้
“ไม่มีใครอนุญาตให้ล่วงรู้การมาของข้าในวันนี้”
“ท่านหมายความว่าอย่างไรครับ,ท่านหญิง?”
“นับจากนี้ไป เงาจะคอยติดตามเจ้าไปอีก ห้าปี”
ผู้จัดการกลืนน้ำลาย
เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเงาของครอบครัวราชวงศ์มาก่อน แม้จะตกต่ำลงทั้งอำนาจและพลังของชาติจนน่าสงสารเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่เมื่อร้อยปีก่อน ส่วนสาเหตุที่ทำไมราชวงศ์ยังคงมีอำนาจสูงสุดในหมู่ชนชั้นสูงก็เพราะเงาที่อยู่เบื้องหลังนั่นแหละ
ผู้จัดการรู้ดีเกี่ยวกับชนชั้นสูงที่ต่อต้านครอบครัวเชื้อพระวงศ์ พวกสาธารณรัฐที่ปฏิเสธระบบราชาธิราช และนักบวชที่มีแนวคิดนอกรีตต่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“ผมจะจำใส่ใจไว้”
“ช่างโง่เสียจริง เจ้าตั้งใจจะจำอะไร?”
“…….”
“น่าเวทนายิ่ง”
เด็กสาวเดาะลิ้น
หากผู้จัดการฉลาดพอ เขาก็ควรจะสนใจกับสิ่งที่เด็กสาวพูดว่า ‘นับจากนี้’ ให้มากกว่านี้ เขาจึงจะได้รับมันอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากเขาไม่รู้เลยว่ามันหมายถึงการมีตัวตนอยู่ของเงาจริงๆ
ถ้าเขารู้ เขาคงจะไม่พูดถึงการมีตัวตนของเงาในทางอ้อมด้วยการพูดว่า จะจำใส่ใจไว้หรอก คงจะดีไม่น้อยหากผู้จัดการไม่ตอบกลับไปแล้วนำทางเธอไปเฉยๆ
‘เขาจะต้องตายใน 2 เดือน’
เด็กสาวรู้จากประสบการณ์ว่า หาได้ยากเหลือเกินที่ใครที่โง่เกินจนไม่ผ่านการทดสอบเงาแล้วจะมีอายุเกิน 2 เดือนได้
การพูดว่า น่าเวทนาใส่เขานั้น เป็นความปรานีสุดท้ายที่เธอมีให้กับผู้จัดการ
เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว มันจะทำให้เขาได้คิดว่า ตัวเขานั้นได้ทำบางอย่างพลาดไป
แต่ดูเหมือนความปราณีของเธอนั้นจะสูญเปล่าเพราะปรากฏว่า ผู้จัดการนั้นยังคงไม่รู้เรื่องอยู่ดี
“นำทางไป”
“ครับ ได้ครับท่านหญิง ขอโอกาสให้ผมได้ถือเสื้อโค้ทของท่านด้วย”
เด็กสาวดึงฮู้ดของโค้ทไปด้านหลัง ขณะนั้นเอง ที่ผู้จัดการที่เคยเห็นสาวชนชั้นสูงมากว่า 25 ปี ยังต้องตะลึง
เช่นเดียวกับชายผู้ประสบความสำเร็จคนอื่น ผู้จัดการยังคงดูถูกสติปัญญาของผู้หญิงด้วยเหตุผลบางประการ และเขายังเริ่มที่จะไม่ชอบความงามของผู้หญิงด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะยอมรับความจริงที่ว่า ความงามสมบูรณ์แบบนั้นมีอยู่ในชีวิตจริง
ผมสีเงินกระจ่างสยายออกมาจากฮู้ดของเธอ ผมสีเงินที่ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของการป่วยขี้โรคนั้น กลับไม่ได้เป็นอะไรอื่นนอกจากเครื่องประดับอันสวยงามของเด็กผู้หญิง
ดวงตาสีฟ้าของเธอมืดลงจากขนตาที่หนา และลึกลงไปในดวงตาของเธอราวกับใบชา อีกทั้งยังโปร่งใสไปพร้อมกัน เธอมองจ้องผู้จัดการด้วยสายตาเหยียดหยามราวกับรู้จักกันมานาน ทันใดนั้นเองเธอก็หันไปมองอย่างอื่นเหมือนหมดความสนใจต่อสิ่งที่เคยค้นพบไปแล้วครั้งหนึ่ง
ออร่าของผู้เปิดเผยนั้นอาละวาดผ่านดวงตาและริมฝีปากอันละเอียดอ่อนของเธอ ออร่านั้นมันเผยออกมามากเกินไปบนใบหน้า ด้วยการจ้องมอง เธอพยายามควบคุมพลังงานเหล่านั้นอย่างสมบูรณ์ผ่านการแสดงออกทางสีหน้า การประสานกันอย่างกลมกลืนระหว่างสัญชาตญาณและเหตุผลนั้นแสดงออกถึง คุณลักษณะเฉพาะของเธอ
ผมสีเงินนั้นเป็นสัญลักษณ์ของสายเลือดราชวงศ์ มีข่าวลือว่า พวกราชวงศ์นั้นมักที่จะร่วมสังวาสกันในสายเลือดเดียวกันเพื่อรักษาสีผมนี้ไว้ ผู้จัดการเชื่อว่า ข่าวนั้นเป็นความจริงดังที่ปรากฏเห็นว่า ราชวงศ์นั้นเป็นแหล่งรวมพวกวิปลาสหรืออะไรทำนองนั้นไว้ สิ่งที่มีค่ามากกว่าสีผม…….
“ข้าบอกให้เจ้านำทางไป แต่ดูเจ้าตั้งใจจะมองหลุมมากมายบนใบหน้าข้า”
“อ้า! ผมต้องขอประทานอภัยด้วย ผมจะนำทางไปเดี๋ยวนี้ ท่านหญิง”
“ชิ”
เจ้าหญิงในราชวงศ์คนนี้ลดอายุขัยของผู้จัดการจาก 2เดือน เหลือเพียงครึ่งเดือน เงาที่ติดสอยห้อยตามเจ้าหญิงนั้นไม่สำคัญ ผู้ติดตามที่หลงไหลในตัวเจ้าหญิงพวกนั้น มันไม่ต้องการให้ใครที่ตกหลุมรักเจ้าหญิงมีชีวิตรอด
ผู้จัดการพาเธอไปที่ห้องนั่งเล่นที่ห้อมล้อมด้วยแก้ว มันเป็นห้องแก้วที่คุณสามารถมองเห็นได้จากด้านใน แต่ด้านนอกไม่อาจมองเข้ามาได้ มีโซฟาคุณภาพสูงอยู่กลางห้องพร้อมกับชาดำร้อนๆบนโต๊ะข้างๆ
แล้วยังมีเตียง เมื่อเจ้าหญิงตระหนักได้ว่า เตียงมีไว้ทำอะไร เธอก็ขมวดคิ้ว แม้เธอยกคิ้วขึ้นอย่างไม่พอใจก็ยังคงเป็นเหมือนงานชิ้นเอกที่สร้างขึ้นโดยศิลปินระดับโลก หลังจากที่มองอยู่ห่างๆมาสักพัก
⎯⎯การกระทำนั้นยังผลให้จากครึ่งเดือนนั้นเหลือเพียงสองวัน แต่ไม่มีทางที่ผู้จัดการจะรู้เรื่องนี้
⎯⎯ผู้จัดการยังคงอึ้งกับการที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันลงตัวเช่นนั้น
“หากท่านปรารถนา ต้องการอะไร โปรดแตะไปที่หินเวทย์มนตร์บนโต๊ะ พวกเราจะมาบริการในทันที ขอให้มีช่วงเวลาแห่งความสุขครับ ท่านหญิง”
“ฮ่าซ์”
หญิงสาวนั่งอยู่บนโซฟา
กล้ามเนื้อของเธอผ่อนคลายในขณะที่ลมฤดูหนาวนั้นไหลมาอย่างช้าๆ เธอมองไปรอบๆ มีกำแพงแก้วอยู่ถัดจากห้องของเธอ และห้องถัดๆไป มีห้องแก้วจำนวนมากเช่นเดียวกับห้องที่เธอเข้ามา
เจ้าหญิงอยากที่จะอ้วกออกมาเมื่อเธอนึกภาพถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องพวกนั้น
นี่เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า การแสดงในค่ำคืนนี้เป็นที่นิยมเพียงใด
‘ข้าก็ถูกดึงดูดมาที่นี่ด้วยเช่นกัน’
เจ้าหญิงกลับเย้ยเยาะตนเองก่อนที่จะฝังร่างไว้ในโซฟา
ไม่นานนักหลังจากนั้น หินเวทย์มนตร์ที่เคยฉายแสดงสว่างก็เริ่มสลัว เสียงของผู้จัดการได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง
⎯⎯กระผมขอแสดงความซาบซึ้งจากใจจริงที่ทุกท่านมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อรับชมการแสดงแห่งค่ำคืนนี้
เจ้าหญิงนั้นไม่ได้สนใจเสียงพูดพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย มันเป็นคำพูดน่าเบื่อที่แสดงความซาบซึ้งครั้งแล้วครั้งเล่า
เวทีถูกสร้างขึ้นเพื่อให้แขกทุกท่านสามารถมองเห็นมันได้รอบ ได้มีไฟฉายส่อฃงมีชายคนหนึ่งถูกลากขึ้นเวที
ชายผู้มีผมสีดำ ผอมแห้ง แต่มีร่างกายแกร่ง เขาไม่ได้สวมใส่อะไรเลย
เด็กสาวหันหน้าไปมองเขา
ชายคนนั้นคือ ดันทาเลี่ยน จอมมารลำดับ 71