ตอนที่แล้วบทที่  056 – ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (10)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 058  – Bad Ending ฉากจบ หมายเลข.02 (1)

บทที่  057 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (11)


บทที่  057 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (11)

* * *

“แฮ่ก……ฮ่า, แฮ่ก…….”

ริฟนั้นหายใจแทบไม่ทัน เขาพยายามวิ่งเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในวันนี้ ริฟนั้นจำได้ดีในช่วงสมัยเด็กที่เขาเคยวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอดจากฝูงหมาตอนที่เขาไปเก็บไม้มาทำฟืน

เขาวิ่งลึก ลึกเข้าไปในป่า

“แค่นี้คงพอแล้วมั้ง”

เมื่อเทียบกับริฟแล้ว นักเวทย์ดูผ่อนคลาย เธอจัดการก็อบลินสองสามตัวที่ไล่ตามหลังพวกเขามา

“เฮ่ออออ!”

พอเขาได้ยินคำพูดนั้น เขาก็ทิ้งตัวลงกับพื้นจนเกือบจะกลายเป็นกลิ้งด้วยซ้ำ พื้นดินนั้นขรุขระเพราะหินกับรากไม้ แต่เขาไม่มีพละกำลังมากพอที่จะใส่ใจของพวกนั้น หัวใจของเขาพองโป่งจนคิดว่าแทบจะระเบิด

แถมท้องช่วงล่างก็เจ็บอย่างมาก นั่นเป็นเพราะเขาวิ่งไม่ถูกท่า

“เฮอะ เฮอะ เฮอะ ช่างเป็นชายที่อ่อนยวบยาบเหลือเกิน นี่แหละน้าทำไมผู้หญิงถึงดีกว่าผู้ชาย”

“แฮ่ก……ฮ่า, ฮ่า…….”

“ความรักระหว่างชายกับหญิงคือความต่ำต้อย ความรักระหว่างหญิงกับหญิงคือความสูงส่ง ความรักระหว่างชายกับชายอยู่ระหว่างนั้น ที่มันดีกว่าเพราะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิง เอ้านี่”

ผู้หญิงคนนั้นยกไม้เท้าจ่อหน้าริฟคล้ายกับหย่อนสายเบ็ดตกปลา น้ำก็ไหลรินออกมาจากปลายไม้เท้าขณะที่เธอพึมพำรวดเร็ว

“อ้า เปิดปากสิ อ้าออกมา”

“อั่กๆๆ……ฟุ”

“ได้น้ำแล้วนะ แกนี่ดูเหมือนปลาเลย”

ริฟโบกมืออย่างอ่อนแรง ผู้หญิงคนนั้นยังคงทำต่ออีก 5 วินาทีแม้เธอจะเข้าใจว่า ท่าทางแบบนั้นหมายถึงอะไร แต่ถึงอย่างนั้น พอเธอเห็นว่าเขาไม่ทำอะไรนอกเสียจากการโบกมือไปมา เธอก็เดาะลิ้นและยกไม้เท้าออก

—มิ-น,มิน,มินมิน

เสียงร้องสุดท้ายของจั้กจั่นนั้นร้องทั่วป่า สติของริฟกลับคืนมา เขาเกือบจะเป็นลมวูบไปและยังรู้สึกวิงเวียนอยู่ในหัวคล้ายกับถูกอัดด้วยไอน้ำร้อน ผู้หญิงยังคงพูดอย่างตื่นเต้นข้างๆเขา โดยคำพูดของเธอนั้นไม่อาจเข้าหูของริฟได้เต็มร้อย

มันอาจเป็นเพราะน้ำเย็นที่เขาดื่มเข้าปากไป แต่ประสาทสัมผัสก็กลับมาช้าเหลือเกิน ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาเริ่มที่จะเข้าใจในสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังพูด

“เขาน่ะ มองไปที่การสู้รบด้วยมุมมองต่างไปตั้งแต่เริ่ม เฮ้ คุณหัวหน้า แกน่ะคิดแต่จะพิชิตปราสาทจอมมารใช่ไหม?”

“ฮ่าช……แน่ล่ะ…….”

“นั่นสินะ นายต้องคิดแบบนั้นอยู่แล้ว”

เธอผงกหัว

“ตั้งแต่แรกแล้วปราสาทจอมมารเป็นอย่างนั้นสำหรับนักผจญภัย มันก็เหมือนกับจอมมารเช่นกัน ปราสาทจอมมารเป็นสิ่งที่ต้องปกป้องไม่ให้ถูกพิชิต นั่นแหละคือ ส่วนสำคัญของเรื่องนี้ แต่ดันทาเลี่ยนนั้นต่างออกไป!”

เธอกระซิบอย่างตื่นเต้น

“ดันทาเลี่ยนนั้นมองไปเกินกว่าปราสาทจอมมารในขณะที่นักผจญภัยวุ่นยุ่งกับมัน เขามองไปยังนักผจญภัย เขารู้ดีว่า มันไม่สำคัญหรอกว่าสู้ที่ไหนตราบใดที่ยังเอาชนะได้ คิคิ

หรือข้าควรเรียกว่ามันเป็นระดับความคิดที่ต่างกันดีนะ? เขาไม่ใช่ศัตรูประเภทที่ชายตัดไม้อย่างนายจะจัดการได้หรอก”

“อีดอกนี่…….”

รีฟขบฟันอย่างแรง

“ระดับความคิดต่างกัน แม่เอ็งสิ แม่งเอ้ย ไอ้จอมมารระยำที่มันหนีจากสนามรบที่เสียเปรียบ นั่นมันขี้ขลาดชัดๆ”

“โอ้?”

“ดูสิ พวกเราสามารถเอาเงินมาจากไอ้จอมมารพวกนั้นได้เพราะเหตุนั้นแหละ ถึงแม้จะเสียส่วนแบ่งอื่นไปนอกจากของข้า เพราะทุกคนตายแล้ว……ไม่ว่ายังไง ไอ้นั่นมันก็ไอ้โง่ขี้ขลาดเท่านั้นแหละ”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

ผู้หญิงคนนั้นมองต่ำลงมายังริฟเหมือนเธอกำลังมองแมลงวันตัวอ้วน

“นี่แหละทำไมผู้ชายมันห่วยเหลือเกิน แทนที่จะคิดว่า ตัวเองแพ้เพราะไม่คู่ควร แต่กลับคิดว่า แพ้เพราะตัวเองประมาทไป

เฮ้ นี่ เจ้าหัวกะละมังที่มีแต่ข้าว เขาไม่ได้หนีจากสนามรบที่เสียเปรียบ เขาตั้งใจเลือกสนามรบที่ได้เปรียบกับเขาเป็นอย่างดีต่างหาก นี่แกยังไม่เข้าใจรึไง?

เฮอะ ยิ่งไปกว่านั้น แกนี่ช่างกล้าพูดเหลือเกินทั้งที่ไม่มีทางที่จะไปถึงห้องนิรภัยจอมมารได้ หากไม่ใช้เวทย์มนตร์ของข้า”

ผู้หญิงคนนั้นถอนใจออกมา แล้วเธอก็เลิกสนใจริฟ

เธอยืดเหยียดร่างกายราวกับเป็นต้นสน

“ใช่แล้วล่ะ การสูดอากาศข้างนอกหลังจากไม่ได้สูดมาเนิ่นนานนี่มันเยี่ยมจริงๆ ข้าน่ะปรารถนาที่จะใช้ชีวิตไปกับการพูดอะไรดีๆและคู่ควรกับสิ่งเช่นวันนี้

อาจจะฟังดูบ้าไปหน่อย แต่จริงๆข้าก็อยากใช้ชีวิตอย่างมีระดับและสุภาพเรียบร้อยเช่นกัน

นี่ข้าพูดจริงนะ ตอนนี้ข้าน่ะอารมณ์ดีมากๆ เพราะมันนานมากแล้วที่ข้าได้เห็นยุทธวิธียอดเยี่ยมอย่างนี้”

“…….”

จนถึงตอนนี้ริฟเคยคิดว่า นางเป็นนักเวทย์ที่อ่อนต่อโลกมีดอกไม้บนหัว เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนความคิดนั้น

บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นพูดนั่นพูดนี่อย่างไม่จบสิ้นและทำให้ทุกอย่างแย่ลงอีก เธอยังพูดบ่นกับตัวเองพึมพัมทั้งที่ไม่มีคู่สนทนา

“ถ้าหากย้อนกลับไปถึงว่า พวกนักผจญภัยทำพลาดเมื่อไหร่

มันคงเริ่มตั้งแต่ตอนที่พวกเขาไปปล้นหมู่บ้านอื่น แต่ถ้าจะย้อนกลับไปไกลกว่านั้น มันก็ตั้งแต่ที่พวกเขาไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่า หมู่บ้านจะเป็นสนามรบหลัก นี่เป็นเพราะความคิดที่ติดกรอบเรื่องปราสาทจอมมาร ลองมาคิดดูอีกทื ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงใช้ก็อบลินเป็นกองกำลังหลัก

“โถๆ โอ๋ๆนะนายน่ะ”

ริฟพยายามฝืนดึงตัวขึ้น เขารู้สึกเหมือนว่า ถ้าเขาปล่อยให้เธออยู่คนเดียวเธอคงจะอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปได้ตลอดกาล ประสาทสัมผัสของเขาเริ่มกลับมาแล้ว ดังนั้นเขาจะพยายามหนีไปให้ไกลที่สุดเผื่อพวกมันจะส่งใครตามล่าเขา

“หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้จบลง มีเพียง หมู่บ้านมนุษย์ 7 หมู่บ้านที่หลงเหลือในเขตภูเขา แถมยังเป็น 7 หมู่บ้านที่อ่อนน้อมต่อดันทาเลี่ยน ถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นก็อบลินก็จะมีจำนวนมากกว่ามนุษย์ ต่อให้รวมกำลังกันทั้ง 7 หมู่บ้านแล้ว ก็มีแค่เพียง 300 คน ในขณะที่ก็อบลินเองก็มีนักรบถึง 400 ตัว แล้ว พวกเขาไม่มีโอกาสด้วยซ้ำ”

ดันทาเลี่ยนนั้นตั้งใจที่จะลดปริมาณก็อบลินลง นั่นเป็นข้อสรุปของนักเวทย์

“ในขณะที่นักผจญภัยกำลังมองดูในการต่อสู้ด้วยสายตาที่แคบตื้น ดันทาเลี่ยนนั้นมองไปล่วงหน้า หนึ่งถึงสองตาแล้ว เขาตระหนักได้ถึงระบบนิเวศระหว่างมอนสเตอร์กับมนุษย์!

คิคิ เอาจริงๆนะเนี่ย ไม่มีทางเลยที่นักผจญภัยดาดๆจะเอาชนะได้…….”

“ช่าย ช่าย ไอ้จอมมารระยำนั่นก็ยิ่งใหญ่ แกก็ยิ่งใหญ่ คนเก่งๆเหมือนกันก็ควรไปอยู่ด้วยกัน ดังนั้นข้าไปล่ะ”

“หืม?”

ริฟเดินอย่างเมื่อยล้าลงเส้นทางในป่า เขาตั้งใจจะหาสันเขาแล้วยืนยันตำแหน่งของตนเอง ตราบใดที่เขาเข้าใจภูมิประเทศได้คร่าวๆ เขาก็สามารถเดินไปยังเมืองภายในเวลาไม่กี่วัน

‘แม่งเอ้ย นี่กูต้องเริ่มใหม่จากจุดเริ่มต้นอีกแล้วเหรอวะ?’

จากการต่อสู้ครั้งนี้ ริฟสูญเสียสหายศึกทั้งหมดที่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน เมื่อความคิดนั้นเข้ามาในหัว ความปรารถนาที่อยากล้างแค้นก็ย้อมให้ใจของเขาดำมืด

‘ไม่ ตอนนี้ยังก่อน ข้าต้องจดจ่อกับการไปเมืองตอนนี้’

แนวเทือกเขานั้นไม่ใช่สถานที่ที่จะเอาชีวิตรอดได้ง่ายๆ ดังนั้นระหว่างที่คิดเรื่องอื่น เขารู้ตัวเองดีกว่าใครในฐานะคนตัดไม้ ก่อนอื่นต้องขอบคุณที่เอาชีวิตรอดมาได้จากสนามรบที่เหมือนนรกนั่น และไม่สายเกินไปที่จะนึกถึงเรื่องอื่นทีหลัง ริฟโน้มน้าวตัวเองให้คิดอย่างนั้นขณะที่กำลังเดิน

“เฮ้ นั่นแกจะไปไหนน่ะ?”

เสียงผู้หญิงดังมาจากด้านหลังของเขา ริฟหวดลงไปบนหญ้า

“หมายความว่ายังไงที่ถามว่า ข้าไปไหน? ข้าก็กำลังจะออกจากภูเขาเฮงซวยนี่ไง”

“หืม? แต่เจ้าไปไม่ได้นะ รู้ไหม”

ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจยาว

“แต่ไม่เป็นไร วันนี้ข้าอารมณ์ดีมาก ดังนั้นข้าไม่สามารถถือว่าที่ผ่านมาหลายวันกับกลุ่มพวกเจ้าไม่เคยเกิดขึ้น…….

เอ้านี่ เจ้าโง่บรมคนตัดไม้ อย่าเดินเกิน 5 ก้าวจากตรงนี้ล่ะ”

“ช่ายช่าย ท่านเยี่ยมมาก ถ้ายังจะตามข้าแบบนี้ งั้นห้ะ อะไรวะ…….”

“ข้าก็เตือนเจ้าแล้วว่าอย่าเดินเกิน 5 ก้าว”

ณ ตอนนั้นเอง

— ฉัวะ

ข้อเท้าของริฟนั้นถูกบางอย่างเฉือนไป เมื่อเขายังเดินต่อไปโดยไม่สนใจคำเตือนของผู้หญิง

“……ห๊ะ?”

ริฟล้มลงอย่างช่วยอะไรไม่ได้ เขาไม่ได้ล้มลงเพราะมองไม่เห็นหรือสะดุดอะไรเลย เขาเพียงแต่ล้มลงเพราะไม่สามารถถ่ายแรงลงไปที่ข้อเท้าได้ เขาใช้แขนและเท้าซ้ายประคองตัวเองที่ล้มอย่างชำนาญ

“ห้ะ? นี่มัน ข้าขยับไม่ได้…….”

ริฟทำสีหน้าเหมือนว่า เขาอาจจะอ่อนล้ามากเกินไปจากสนามรบ เมื่อเป็นอย่างนั้นเขาก็พยายามลุกขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่เขากลับไม่สามารถถ่ายแรงลงไปที่เท้าขวาเพื่อดันตัวเองขึ้นได้เลย

ไม่สิ เขาไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของเท้าที่ช่วยค้ำยันร่างทั้งร่างหรือความตึงเกร็งที่ถ่ายจากกล้ามเนื้อช่วงส้นเท้าจนถึงต้นขา เขาไม่รู้สึกอะไรอย่างนั้นเลย

“แม่งเอ้ย เกิดอะไรขึ้นวะ”

“ข้าเตือนเจ้าชัดเจนแล้ว”

เขาได้ยินหัวเราะเสียงแหลมจากด้านหลัง

ริฟหันกลับไป ผู้หญิงคนนั้นเอนตัวหาไม้เท้าและหัวเราะชั่วร้ายออกมา

“มนุษย์โดยมากมีหู แต่น่าแปลก ที่หูของพวกมันกลับไม่ค่อยเชื่อมกับสมอง”

“ห่าเอ้ย นี่แกเล่นทริคอะไรกับข้าวะ อีชั่ว?”

ริฟคำรามอยู่บนพื้น

“ทำให้ข้ากลับไปเป็นปกติ ถ้าไม่อย่างนั้นข้าจะเอาขวานให้รู้จักกับหัวเอ็ง”

“ข้าชอบคนมั่นใจนะ แต่ไม่ใช่ไอ้พวกเหลือขอที่ไม่รู้ที่ต่ำทีสูง ได้ยินหมาขี้แพ้มันเห่าแล้วเสียอารมณ์ชะมัด เอาล่ะ มันก็แค่อารมณ์ ข้าจะมอบการเตือนที่แสนจะใจดีให้อีกทีนะ จงพูดสุภาพ”

“อีนังกะหรี่นี่ ที่ต่ำที่สูงแม่มึ—”

ผู้หญิงคนนั้นดีดนิ้วพร้อมกับแสยะยิ้มบนใบหน้าของเธอ

— ฉัวะ

ขณะนั้นเองที่ริฟรู้สึกว่า มีอะไรหายไปจากเอว จู่ๆเขาก็ล้มกลิ้งลงกับพื้น เขาไม่รู้สึกถึงร่างกายท่อนล่างอีกต่อไป ไม่ว่าจะน่อง ต้นขาหรือเอว

“เอ๋? เอ๊ะ?”

เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด

เขาไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

เหมือนกับว่า ท่อนล่างของเขานั้นหายไปโดยสมบูรณ์

“เฮอะ แบบนี้สิถึงจะเหมาะกับข้ามากที่สุด ไอ้ตอนที่ใช้เวทย์ธาตุสี่นั่นหัวของข้าแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยง ก็แทบไม่ได้ใช้เวทย์พวกนั้นแม่งมาตลอดชีวิตเลยนี่หว่า

ช่างหัวเวทย์ธาตุสี่นั่น! พวกโง่นั่นมันไม่รู้จักความโรแมนติกหรอก ใช่ไหมล่ะ? ในอดีตน่ะ ผู้คนแม่งแทบไม่เคยคิดว่า เวทย์ธาตุสี่นั่นเป็นเวทย์ด้วยซ้ำไป”

“……อีกะหรี่นี่ มึงทำอะไรกับกู?”

“ข้าตัดวิญญาณเจ้า”

ผู้หญิงคนนั้นฮัมอย่างอารมณ์ดี

“ถ้าอยากให้ข้าอธิบายล่ะก็สมองเจ้ามันคงไม่เข้าใจ ถ้าเอาง่ายๆก็คือ ท่อนล่างของเจ้าน่ะตายไปแล้ว เจ้าเป็นครึ่งศพนั่นเอง”

“อีดอกนี่ มึง…….”

“ช่าย ช่าย เจ้าคงมีคำถามมากมายเลยใช่ไหม เจ้าเด็กน้อย? ให้ข้าบอกทุกอย่างกับเจ้าก่อนตายน่าจะดีกว่า”

ผู้หญิงที่โน้มตัวลงมาหาริฟที่นอนอยู่บนพื้น เธอดูอารมณ์ดีมากจนยิ้มออกมาด้วยความสุข

“ข้าจะบอกเจ้าครั้งเดียวนะ ตั้งใจฟังดีๆล่ะ ไม่มีใครที่จะได้รับความใจดีอย่างนี้จากข้าก่อนตายอีกแล้ว

เอาล่ะ ข้าคือ จอมมารลำดับที่ 8 บาร์บาทอส และข้าก็พบว่า ไอ้แฟนคลับโง่ๆของไพมอนมันพยายามทำอะไรบางอย่างกับดันทาเลี่ยน

ดังนั้นข้าจึงแอบมาที่นี่ลับๆมาช่วยดันทาเลี่ยนเผื่อเขาซวยขึ้นมา แล้วข้าก็ปลอมตัวเป็นมนุษย์แล้วจงใจเข้าหาเจ้า และโชคดีเหลือเกินที่เจ้างับเบ็ดโดยคิดว่า ข้านั้นอ่อนต่อโลก แต่เจ้าต่างหากที่เป็นคนอ่อนต่อโลกมาโดยตลอด”

“อะไรนะ? จอมมาร? มึงพูดบ้าอะไรวะเนี่ย?”

“ดันทาเลี่ยนสู้ได้อย่างเยี่ยมยอดอย่างที่ข้าคิดไม่ถึงมาก่อน ดังนั้นถึงข้าจะสูญเสียโอกาสในการแสดงตัว แต่ข้าก็อารมณ์ดีเหลือเกินเพราะตอนนี้ในที่สุดข้าก็ได้พบกับจอมมารรุ่นใหม่ที่ดีหลังจากกาลผ่านมานาน

เช่นเดียวกับสิงโตที่ผลักลูกของมันตกเขาเพื่อให้มันแข็งแกร่งขึ้น ข้าก็คิดจะทำเช่นนั้นเหมือนกัน และสุดท้ายนี้ ข้าก็คิดได้ว่าจะใช้โอกาสนี้ ขอให้ดันทาเลี่ยนมาช่วยกันเก็บขยะที่ทำตัวไม่สมเป็นจอมมาร

แค่นี้พอไหม? ข้าบอกเจ้าไปหมดแล้วนะ”

เดี๋ยวก่อน

—ริฟพูดออกมาทั้งที่ยังโบกมือ

ผู้หญิงคนนั้น จอมมาร ลำดับ 8 บาร์บาทอสยิ้มและพูดต่อ

“ไม่ ข้าบอกให้เจ้าพูดแบบสุภาพไง แต่เจ้าก็ไม่ทำ ไอ้ลูกกะหรี่เอ๊ย”

นิ้วชี้ของบาร์บาร์ทอสกระดกอย่างยั่วเย้า

ริฟรู้สึกเหมือนมีลมเบาๆโชยเข้าที่หน้าผาก แล้วหลังจากนั้นริฟก็ไม่รู้สึกอะไร คิดอะไรไม่ได้ และล้มสิ้นแรงไป นั่นเป็นการตายที่ไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

“คุคุคุ”

บาร์บาทอสนั้นยกร่างขึ้นและเหยียดหลังตรง หลังจากเธอบริหารคอเสร็จเธอก็มองไปที่ศพของริฟ

“หืมม คราวนี้ข้าจะให้เบาะแสเจ้าหนูน้อยดันทาเลี่ยนยังไงดีนะ?”

เธอวางมือไว้ที่คางตัวเองเพื่อครุ่นคิด

ไม่นานนัก เธอก็ร้อง ‘อ้า’ ขึ้นมาโดยทุบกำปั้นเข้ากับฝ่ามือ เธอร้องเพลงสรรเสริญความอัจฉริยะของตัวเองที่จะได้สลักสัญลักษณ์ลงบนอกของริฟ

หลังจากที่เธอยืนยันแล้วว่า ได้วาดสัญลักษณ์โดยไม่ผิดพลาด เธอก็ร่ายเวทย์มนตร์คุ้มกันป้องกันไม่ให้สัตว์และแมลงเข้าใกล้ร่าง

“สมบูรณ์ดี ยอดเยี่ยม นี่คือ สิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันจะต้องเป็นอะไรที่ดีเยี่ยมที่เกิดขึ้นในรอบนี้แน่ๆ ห่าเอ้ย ฮ่า”

เธอยิ้มอย่างมีสุขก่อนจะเดินออกไปในป่าด้วยท่าทางแสนจะพออกพอใจ เธอหายไปอย่างเงียบงันในความมืดของป่า

—มิมิ-น, มิ, มินมิน

มีเพียงเสียงจั้กจั่นเท่านั่นที่ยังกรีดร้องเติมเต็มบรรยากาศ บนต้นสนที่ล้อมรอบศพ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด