บทที่ 055 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (9)
บทที่ 055 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (9)
นักผจญภัยได้กลับมาหลังจากเลยเที่ยงตรง พระอาทิตย์เลื่อนลงอย่างช้าๆแตะแนวภูเขา พวกเขาโผล่ขึ้นทางภูเขาห่างไกลไปจากหมู่บ้าน
พวกเราแบ่งสองกลุ่มออกเป็นมนุษย์และก็อบลินแล้วแกล้งทำเป็นต่อสู้กัน โดยผูกกองมัดฟางไว้กับข้อเท้าของก็อบลินร้อยตัว มันทำให้ดูเหมือนว่ามีการต่อสู้ดุเดือดเกิดขึ้นจนฝุ่นตลบตีขึ้นมา ในม่านควันนั้นเอง มนุษย์ได้ทั้งใช้ฆ้องและร้องเพลงสดุดีของตนขณะที่ก็อบลินก็กำลังร้องดังลั่น เสียงโลหะกระทบกันสะท้อนชัดทั่วทั้งผืนฟ้า
ลอร่าพูดออกมาขณะที่ยังป้องปากด้วยแขนเสื้อ
“ศัตรูเข้ามาใกล้แล้ว”
“พวกเขาก็คงคิดว่าการต่อสู้ดำเนินมาสักพักหนึ่งแล้ว”
“เราควรจะไปขั้นถัดไปทันที”
ผมผงกหัวเป็นการยืนยัน
เมื่อผมทำอย่างนั้นลอร่าก็เริ่มสั่งการมอนสเตอร์ แม้เธอจะไม่สามารถถ่ายทอดคำสั่งเหมือนอย่างที่ผมสามารถ
━ในกรณีของผมนั้นผมใช้เทเลพาธี*เพื่อให้คำสั่งกับโกเลมและแฟรี่ที่ผมได้ซื้อมาจากดันเจี้ยน
━เธอใช้การนำพวกมอนสเตอร์ด้วยวิธีการของเธอเองผ่านธง
━เครุรุก!
━คิรุ , คุรุรุก!
ก็อบลินวิ่งออกมาทางประตูหลักของหมู่บ้าน แล้วเร่งรีบเหมือนคนพลัดหลงที่พยายามหนีทันทีที่เจอศัตรูมาเยอะขึ้น นั่นเป็นแผนที่เราวางไว้แล้ว มนุษย์ทั้งหลายก็จะตามมอนสเตอร์มาด้วย ลอร่าและผมยืนอยู่ในมุมหนึ่งของหมู่บ้านแล้วเฝ้าดู
“โว้วว! มอนสเตอร์กำลังหนีไปแล้ว”
“ฆ่ามัน! จับตัวมันมาให้หมด!”
จากมุมมองของนักผจญภัย สถานการณ์คงเป็นแบบนี้ มอนสเตอร์และชาวบ้านนั้นต่างได้สู้กันยาวนานและทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ในการต่อสู้ที่เข้มข้น พอกลุ่มพวกเขาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของมอนสเตอร์ มอนสเตอร์พวกนั้นก็ตื่นตกใจกับการที่อยู่ๆมนุษย์ก็เพิ่มจำนวนขึ้นในทันที พวกมันจึงหนี
“พวกเขากินเหยื่อแล้ว”
พันธมิตรนักผจญภัย-ทหารอาสา พุ่งเข้าตามก็อบลินที่กำลังหนี กองทหารศัตรูที่กำลังหนีทัพนั้นเป็นเหยื่ออันโอชะที่สุดแล้ว นักผจญภัยพยายามจะใช้กลยุทธก้ามปู**เพื่อโอบล้อมด้วยการให้ชาวบ้านทั้งหลายชะลอการต่อสู้
แต่ถึงอย่างนั้น มอนสเตอร์ก็ไม่ได้หนี หากแต่พุ่งเข้าใส่นักผจญภัย━
พวกเขานั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชาวบ้านที่โผล่มาดูเหมือนไล่ตามมอนสเตอร์นั้นความจริงกำลังจะโจมตีพวกเขา
ลอร่าและผมพูดออกมาพร้อมเพรียงกัน
“จบสิ้นแล้ว”
“ถึงจุดจบแล้ว”
* * *
“ก๊ากฮ่าฮ่า พวกชาวบ้านนี่ทำได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้!”
เมื่อริฟได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้าน เขาก็ได้สั่งให้คนของเขาพุ่งเข้าใส่โดยไม่ลังเล เขามองเห็นไม่ชัดเพราะฝุ่นที่ตลบขึ้น แต่เขาแน่ใจว่ามันต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดแน่ เสียงตะโกนและกรีดร้องในสมรภูมิกระหายเลือด
มองดูด้วยตาเปล่า รั้วนั้นเริ่มแตกหัก
ทีแรกริฟคิดว่า ฝั่งหมู่บ้านอาจกำลังอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ดังนั้นเขาจึงรีบเร่งใช้กลศึกค้อนและทั่งก่อนที่ทั้งหมู่บ้านจะถูกกำจัด แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับเปลี่ยนใจทันทีที่เห็นก็อบลินวิ่งออกมาจากหมู่บ้าน ยามที่เห็นคนของเขาเข้ามาใกล้
‘พวกเขาสูสีกันนี่!’
ชาวบ้านไม่ได้กำลังเสียเปรียบ ถึงแม้รั้วจะมีพังไปบ้าง แต่การต่อสู้นั้นเป็นแบบผลัดกันรุกผลัดกันถอยภายในตัวหมู่บ้าน
มอนสเตอร์ที่สูญเสียกองกำลังไปเป็นจำนวนมากระหว่างที่กำลังข้ามแนวรั้ว ดังนั้นริฟและพรรคพวกจึงโผล่มาทางด้านหลัง กองทัพจอมมารคงจะแตกตื่นและสั่งให้หนี
สถานการณ์เปลี่ยนแล้ว ไม่จำเป็นที่ชาวบ้านต้องเป็นทั่งเพื่อให้พวกเขาเป็นค้อนอีกต่อไป กลับกลายเป็นว่า ตัวพวกเขานั่นเองต่างหากที่เป็นทั่ง ต้อนไม่ให้ก็อบลินหนีและพร้อมกันนั้นก็พวกชาวบ้านก็เป็นค้อนสำหรับทุบโจมตีก็อบลินจากข้างหลัง!
ริฟตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
“พี่ชาย เห็นนั่นไหม!? พวกมันวิ่งหนีอย่างกับลาโดนไฟลนตูดเลย!”
“ใช่! เห็นชัดเจนมาก!”
“หอกพวกเรามีมากพอที่จัดการกับไอ้ระยำพวกนั้น!”
นักผจญภัยและทหารอาสาร้องออกมาพร้อมกัน มีบางคนนั้นก็ร้องตะโกนพร้อมกับพุ่งชาร์จเข้าใส่
ก็อบลินและกลุ่มของริฟเปลี่ยนเป็นต่างฝ่ายต่างพุ่งเข้าหา ระยะระหว่างทั้งสองกลุ่มลดลงอย่างรวดเร็ว ณ ขณะนั้นเองจำนวนคนที่ตะโกนก่อนโจมตีเพิ่มขึ้นทันตา พวกเขากำจัดความกลัวออกไปได้ด้วยการกู่ร้อง
หัวใจของพวกเขาเต้นระรัวเช่นเดียวกับที่ร้องจนสุดลมหายใจ ตอนนั้นเองที่เหล่านักผจญภัยต่างกระโดดเข้าสนามรบอย่างแท้จริง
“ฆ่ามัน ฆ่าพวกมัน!”
“ฮึด! ฮึด! ฮึด!”
“ฆ่าไอ้ระยำนั่นให้หมด!”
ก็อบลินอยู่ตรงหน้าพวกเขา มอนสเตอร์ต่างตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ฟังแล้วน่าสะพรึงกลัว
━คิรุรุรุก!
━ เครุก! เครุก! เครุรุก!
ริฟผลักปลายหอกออกไป มันเป็นหอกที่เขาได้รับมาจากพ่อค้ารวยๆในเมืองคนหนึ่งที่ตัดสินใจสนับสนุนเขา มันยาวกว่าหอกสั้นแต่ก็สั้นกว่าหอกยาว มันอาจจะดูไม่พอเหมาะกับใช้สู้กับมนุษย์แต่ก็เพียงพอที่จะเสียบก็อบลินที่ตัวเล็กกว่ามนุษย์
“หอกไป!!”
“อ๊าชชช! ตายห่าซะ!”
“ยะฮู่วววว━!”
เมื่อริฟได้ให้คำสั่งของเขา ชายทุกคนต่างถือหอกเตรียมพร้อม กล้ามเนื้อแขน แรงกายภาพที่ล้นเหลือกว่ากำลังของก็อบลิน ทั้งขาและอกที่แน่นตันเหมือนท่อนไม้ ได้ถือหอกกระชับ
ในที่สุดสองกลุ่มก็เข้าปะทะกัน
“ก๊าชชชช!”
เสียงร้องตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งทุ่ง แรงกระแทกออกมาจากแขนของริฟ ก็อบลินโดนเสียบสองตัวรวดด้วยหอกของเขา ฝ่ามือของเขาเจ็บและความเร็วลดลง แต่ถึงอย่างนั้น ริฟก็ใส่แรงไปที่ขาขวาเพิ่มเพื่อดันตัวเองไปข้างหน้า
แรงกระแทกจากหอกในมือเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาก้าวไปข้างหน้า เหมือนแมลงเม่าในกองไฟ ก็อบลินระยำต่างพุ่งเข้าหาหอกของเขา!
“พยายามจะฆ่าข้าเหรอ ไอ้พวกชั่วววว!!”
“พุ่ง! พุ่งเข้าไปปปปปป! อย่าหยุด! อย่าหยุดขยับ!”
“ฮาน,ไอ้ห่าเอ้ย ขยับต่อไปสิวะ!”
พันธมิตรนักผจญภัย-ทหารอาสานั้นเหมือนก้อนหินที่ริมชายฝั่ง ส่วนก็อบลินที่เข้ามากระแทกไม่หยุด แต่ก็ร่วงลงอย่างรวดเร็วเป็นเหมือนคลื่นที่กระทบหิน
สำหรับก็อบลินแล้ว หอกของพลเดินเท้านั้นก็ทรงพลังมากราวกับอัศวินที่ขี่ม้าพุ่งเข้ามาชาร์จใส่
แม้ว่า พวกก็อบลินจะมีชุดเกราะหนังแต่ก็ยังคงมีจุดที่เผยบางส่วนของร่างกาย ในขณะที่มนุษย์สวมเกราะผ้าโดยมีเกราะเชนเมล์ทับไว้ แม้พวกเขาจะไม่คลุมทั้งร่างด้วยเกราะเชนเมลที่แสนแพง แต่อย่างนั้นก็สามารถปกป้องร่างกายท่อนบนและน่องไว้ได้
ก็อบลินบางตัวเดินลุยผ่านดงหอกและเหวี่ยงกระบอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยากที่จะสร้างความเสียหายให้กับเกราะเชนเมล
จำนวนเล็กๆ 8 คน จากทั้งหมด 73 คน โชคไม่ดีนักที่ต้องตายระหว่างการพุ่งเข้าปะทะ 65คนที่เป็นพลเดินเท้าเกราะหนักยังคงสู้ต่อโดยไม่มีกองหนุน ก็อบลินล้มตายลงตามเวลาจนแทบจะหายหมดทั้งร้อยตัว
“พี่ชาย! ตัวติดกันไว้!”
“ไม่คิดจะโชว์การสู้ร่วมกันสักหน่อยรึ! เฮ้ยนี่ ฮาน! เอ็งอยากตายรึไงวะ!?”
เหล่ามนุษย์รีบสร้างรูปขบวนที่แน่นหนา
สมาชิกของพวกเขานั้นตื่นเต้นเกินไปและพุ่งเข้ากลางวงล้อมของก็อบลิน พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการถูกรุมทึ้งโดยฟันของก็อบลินคล้ายกับกวางที่ถูกฝูงหมาจัดการ เหลือคน 60 คน พวกเขาที่เหลือจึงตั้งรูปขบวนสี่เหลี่ยมและแทงก็อบลินอย่างใจเย็น
“คุฮ่าฮ่า! อย่างกับแย่งขนมเด็กเลย!”
“ตามจังหวะลมหายใจด้วย เอ้า! แทง! เอ้า! ถอนออก!”
“ฮ่าช! ฮู่ว! ฮ่าช์!”
ทหารอาสาได้ป้องกันหมู่บ้านของพวกเขาจากก็อบลินที่โจมตีอย่างแข็งขันเป็นพิเศษ ทหารอาสารู้ดีกว่าใครว่า หากพวกเขารอดจากการเสี่ยงตายได้หากไม่ปล่อยให้ก็อบลินล้อมพวกเขา
สักพักหนึ่งหลังจากการหายตื่นเต้นจากการพุ่งกระแทกครั้งแรก
“ฮ่า! ฮ่าช์!……?”
หนึ่งในกลุ่มรุ่นพี่นักผจญภัยขมวดคิ้ว เขามองไปข้างหน้าอยู่นานก่อนจะพูดกับริฟที่กำลังเหวี่ยงหอกอยู่ไม่ห่างจากเขา
“หัวหน้า! ฮ่าช์! มีอะไรแปลกๆ!!”
“ฮุ่ฟ! อะไร ไอ้ห่า! อย่าพูดไร้สาระแล้วแทงต่อไป!”
“ก็อบลินมันมีมากเกินไป!”
ในหัวสมองของริฟที่ได้หยุดคิดลงนับตั้งแต่ทุ่มความสนใจในการฆ่าก็อบลินก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง
‘……มีก็อบลินมากเกินไป?’
ดวงตาของริฟนั้นกว้างขึ้นในทันที ไม่เพียงแต่เขาเห็นก็อบลินตรงหน้าเท่านั้น แต่ยังเห็นรอบข้าง ด้านหลัง และด้านหลังถัดไปจากนั้นด้วย สหายของเขาพูดถูก
มันมีก็อบลินมากเกินไปจริงๆ แม้พวกเขาจะฆ่าไปนับร้อยจากการพุ่งชาร์จครั้งแรก แต่ทั้งพื้นที่ก็ยังเนืองแน่นไปด้วยมอนสเตอร์ตัวสีเขียว
‘เดี๋ยวก่อนสิ จำนวนพวกมันควรจะลดลงระหว่างที่เข้าจู่โจมหมู่บ้านไม่ใช่เรอะ?’
แต่จากที่เขาประเมินเท่าที่เห็น มันมีก็อบลินราวๆ300 ตัว มันแปลกมาก ก็อบลินที่ควรบุกโจมตีหมู่บ้านขณะที่กลุ่มของริฟมาถึง สมควรลดลงเหลือ อย่างน้อยก็200ตัวนี่
อะไรกัน นี่ไอ้จอมมารระยำนั่นไปหาก็อบลินมาเพิ่มอีกหรือ? พอความคิดบางอย่างเข้ามาในหัว เพื่อนร่วมปาร์ตี้ของริฟก็ตะโกน
“เฮ้ย! นี่เกิดอะไรขึ้นกัน!? ชาวบ้านแยกออกไปอีกฝั่ง!”
“พวกเขาคงอยากโจมตีฝั่งเดียวกับพวกเรา แทนที่จะลอบเข้าข้างหลังก็อบลิน!”
“ไอ้พวกขี้ขลาดเอ๊ย!”
พรรคพวกของริฟยังคงเหวี่ยงหอกไปด่าไป ริฟนั้นขยับไปโดยอัตโนมัติ เนื้อหาใจความของสิ่งที่สหายของเขาพูดมันเต็มอยู่ในหัว
‘ชาวบ้านไม่โจมตีก็อบลินจากด้านหลัง?’
ริฟรีบหันหัวกลับไปแล้วมองดูที่สมรภูมิรบ
ชาวบ้านนั้นได้แบ่งกลุ่มแล้วผ่านก็อบลินเข้ามา โดยทั้งชาวบ้านเป็นฝ่ายล้อมก็อบลินและนักผจญภัยจากทั้งสองฝั่ง
‘เฮ้ยอะไรวะเนี่ย! พวกเขาตั้งใจทำอะไรกัน?’
มันพอจะเข้าใจได้ว่า พวกเขาตั้งใจจะต่อสู้เคียงข้างกับนักผจญภัยแทนที่จะจัดการกับก็อบลินเอง นักผจญภัยนั้นทั้งแข็งแกร่งกว่ามาก แต่ถึงอย่างนั้นก็อบลินกลับหันหลังให้ชาวบ้านพวกนั้นได้ง่ายๆ? มีเหตุผลอะไรที่จะไม่กำจัดศัตรูที่หันหลังให้? ชาวบ้านพวกนั้นมันขี้ขลาดจริงหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมก็อบลินถึงรั้นจะสู้ต่อแม้จะแพ้ไปแล้ว?
“……!”
ริฟกลับมารู้ตัวแล้วจมอยู่ในความตกใจ คำตอบเพียงหนึ่งเดียวของสถานการณ์ที่ประหลาดนั่นก็คือ━ชาวบ้านทรยศพวกเขาแล้ว!
“ฟัก!”
ริฟสบถออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยเหตุผลบางประการ ชาวบ้านได้ร่วมมือกับกองกำลังจอมมาร ก็อบลินนั้นมิได้กำลังถอย หากแต่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขา และชาวบ้านก็กำลังเคลื่อนเข้ามาล้อมนักผจญภัยโดยสมบูรณ์แล้ว
การต่อสู้พลิกกลับโดยสมบูรณ์ สถานการณ์กลายเป็นสิ่งที่เอื้ออำนวยต่อพวกเขานั้นกลับกลายเป็นในทางตรงข้าม มันไม่ใช่พวกเขาแล้วที่ใช้กลศึกค้อนกับทั่ง แต่เป็นฝ่ายก็อบลินเองที่ยึดจับนักผจญภัยไว้ต่างทั่ง ในขณะที่ชาวบ้านทั้งหลายกลายเป็นค้อน……บดขยี้นักผจญภัย!
ริฟนั้นเกือบจะกรีดร้องตะโกนออกมา
“หนีเร็ว! ทุกคนหนี! หนี!”
“ห้ะ? หัวหน้า หมายความว่ายังไงกัน……?”
“ไม่ต้องพูดแล้วหนีเลย! แม่ง! จะหนีกันไม่ทันแล้ว! ให้ไวเลย!”
ริฟนั้นออกจากรูปขบวนแล้ววิ่งกลับไป เพื่อนๆต่างกรีดร้อง บางคนก็สบถด่าเขา แต่ริฟไม่สนใจ
ในช่วงเวลาสุดท้าย นักผจญภัยถูกจัดฉาก สถานการณ์ทั้งหมดนี้เป็นกับดัก แต่ถึงอย่างนั้นชาวบ้านก็ไม่ได้ล้อมได้โดยสมบูรณ์ มันยังพอมีเวลาอยู่บ้าง……แต่หากเขาพลาดโอกาสนี้ไป ทั้งกลุ่มจะถูกกวาดล้างหลังจากถูกล้อมด้วยก็อบลินและชาวบ้าน
พวกเขาต้องรีบหนีออกไปให้ทัน!
“อะไรนะ!?”
ไม่นานเท่าไหร่ริฟก็หยุดกึก นักผจญภัยที่วิ่งตามหลังริฟมาก็หยุดในทันทีเช่นกัน พวกเขาบอกได้เลยว่า มีอะไรเลวร้ายกำลังเกิดขึ้นแล้วตอนนี้
มีมนุษย์เกือบร้อยคน ขวางทางหนี
พวกเขาไม่ใช่ใครนอกจากชาวบ้านจากหมู่บ้านทางทิศตะวันตกสิ้นแนวภูเขา ที่ริฟคิดว่า เป็นผู้ทรยศจำนวนเกือบ 2 หมู่บ้าน
—----
*เทเลพาธี,โทรจิต : การสื่อสารทางจิตระยะไกลโดยที่ไม่ต้องใช้คำพูด หรือท่าทางในการสื่อสาร
**กลยุทธก้ามปู : การโอบล้อมโจมตีท้ังสองฝั่ง