ตอนที่แล้วบทที่  052 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (6)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่  054 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (8)

บทที่  053 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (7)


บทที่  053 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (7)

“มันพ่นอะไรของมันออกมาวะ?”

“อย่างที่ผมพูดไปน่ะครับ ทหารอาสาปฏิเสธที่จะ…….”

“โอ้ย คิดว่า ข้าหูหนวกรึไงวะ? พวกมันมีเหตุผลไหมที่พูดอย่างนั้น มีใช่ไหม? แล้วทำไม พวกมันถึงได้ปฏิเสธได้เต็มปากอย่างนั้นล่ะวะ?”

จู่ๆชายหนุ่มก็อยู่ไม่สุขเพราะตอบคำถามนั้นไม่ได้ เขาเพียงแต่รู้ว่า ทหารอาสานั้นปฏิเสธที่จะไป เขาไม่เคยถามถึงเหตุผลเลยว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่อยากจะไปบุก เขาคิดง่ายๆแค่ว่า รีบกลับมาเพราะดูเหมือนหัวหน้าต้องการคำตอบอย่างเร่งด่วน

ริฟสามารถเดาได้จากท่าทางจากชายหนุ่ม

พูดอีกอย่างหนึ่ง นี่เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่า สหายร่วมรบของเขานั้นไร้ความสามารถและโง่เขลาเพียงใด ริฟถอนใจและพูดออกมา

“แกนี่มัน …… เฮ่อ ช่างเหอะ กลับไปถามพวกเขาว่า ทำไมถึงไม่ยอมไป”

“ทราบแล้ว”

ชายหนุ่มนั้นค้อมตัวต่ำและหันหลังกลับ

“ไม่ อย่าเพิ่ง บอกให้หัวหน้าของทหารอาสามาที่นี่ด้วยตัวเอง”

ริฟเปลี่ยนแปลงคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขาแค่เห็นท่าทางของชายหนุ่มก็รู้แล้วว่า ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่บอกเหตุผล

ชายหนุ่มได้ออกจากบ้านไปในทันทีโดยทิ้งความเข้าใจของการเปลี่ยนคำสั่งของหัวหน้ารีฟไว้เบื้องหลัง

‘แม่งเอ้ย,ปาร์ตี้นี้ มันอยู่กันโดยไม่มีกูไม่ได้จริงๆ!’

ริฟเกาหัวอย่างเจ้าอารมณ์

ชาย 5 คนเข้ามาหลังจากที่เด็กหนุ่มวิ่งออกไปไม่นานนัก พวกเขาเป็นหัวหน้าหน่วยของกองทหารอาสา สองคนนั้นสูญเสียบ้านเกิดให้กับกองกำลังก็อบลิน เขาได้พบว่าไม่ว่าจะเพื่อน,พ่อแม่,คู่รัก,และเด็กๆ ต่างถูกฆ่าตายหมด ในอกของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล พวกเขาอยากจะถอนรากถอนโคนก็อบลินให้หมดไปจากโลกใบนี้

ริฟนั้นนั้นเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี

‘ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องราดน้ำมันรดกองไฟ’

เขาแสดงสีหน้าสิ้นหวังออกมาบนใบหน้าทันที อาชีพก่อนหน้านี้ริฟนั้นเป็นคนตัดไม้ งานของเขาอาจจะหนัก แต่ไม่เคยปรากฏว่า มีความสิ้นหวังปรากฏบนใบหน้าเช่นนี้

พี่ชาย, ริฟพูดขึ้นก่อน ริฟและหัวหน้าหน่วยทหารอาสาอื่นที่สนิทกันจะเรียกกันด้วยคำว่า พี่ชาย

“ผมได้ยินข่าวแล้ว……ผมไม่มีอะไรจะพูดนอกจากแสดงความเห็นใจ”

“แกไม่มีอะไรจะพูด? นี่แกกำลังพูดว่า แกไม่มีอะไรจะพูดเนี่ยนะ?”

คอของชายคนหนึ่งแดงเถือกขึ้น เขาคือผู้ที่สูญเสียหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านไป

“จากที่ข้าได้ยิน แกพึ่งพูดทุกอย่างที่อยากจะพูดไปแล้ว!”

“พี่ชาย ใจเย็นก่อน ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่โกรธนะแต่แน่นอนว่า…….”

“แกไม่รู้ว่า ทำไมข้าโกรธ? แกพึ่งจะพูดว่า แกไม่รู้ว่าทำไมข้าโกรธงั้นเหรอ!?”

หัวหน้าคนนั้นชี้นิ้วไปที่ริฟด้วยความโกรธจัด

“แกบอกเองว่า พวกเราจะได้รับส่วนแบ่งก้อนโต ถ้าพวกเราบุกเข้าดันเจี้ยน! แล้วพวกเรารอดกลับมาได้! แล้วดูสิวะ มันเกิดอะไรขึ้น! จอมมารบุกเราทันทีหลังจากรับข้อเสนอของแก นอกจากชีวิตพวกเราที่รอดมาได้ แต่แกทำลายมันหมดเลย! หมดโดยสมบูรณ์ ……แล้วพวกเราก็ไม่ควรจะโกรธแกงั้นเรอะ!”

“มันไม่มีทางจะเกิดอะไรขึ้นหรอก ถ้าแกไม่ลากพวกเรามาอยู่ที่นี่ มันเป็นความผิดของแก!”

ริฟปิดปากแน่น เขาถึงกับตะลึง

‘พวกห่านี่มันเป็นอะไรกันวะ, เด็กอมมือหรือไง?’

ไม่เลย เขาไม่เคยนึกถึงความเป็นไปได้ที่จะต้องสูญเสียในขณะที่ตัดสินใจเผชิญหน้ากับจอมมารจริงหรือ? พวกเขาได้เดินทางไปตั้งไกลเพื่อข่มขู่หมู่บ้านเพื่อเป็นข้ออ้างให้ได้รับเสบียง นี่พวกเขาน่ะ ไม่รู้จริงๆเลยหรือว่ามีโอกาสที่หมู่บ้านพวกนั้นจะเข้าร่วมกับจอมมารเพื่อขอความช่วยเหลือ?

“แล้วต้องการจะให้ผมทำอะไร?”

ริฟพูดด้วยน้ำเสียงเย็น

“ผมควรจะขอโทษด้วยไหม? มันจะทำให้คุณเย็นลงได้หรือเปล่า?”

“เฮ้ย อะไระวะ ไอ้ท่าทางแบบนั้น ไอ้คนไร้มารยาท”

“ช่างหัวมารยาทนั่นเหอะ ผมก็เสียเพื่อนไปเพราะไอ้จอมมารระยำนั่นเหมือนกัน”

ริฟคำรามออกมา ความปรารถนาที่จะแสดงความเคารพอย่างสมเหตุสมผลนั้นหายไปสิ้นแล้ว

“นี่แกคิดว่า การพยายามปล้นจอมมาร เขาจะแบบ

‘โอ้ นักผจญภัยทั้งหลาย โอ้ มนุษย์ทั้งหลาย เข้ามาเลยๆ เชิญเข้ามาเอาทองที่ข้าเก็บสะสมไว้ทั้งหมดได้เลย’ อย่างนั้นเหรอวะ?

หายใจด้วยปอดตัวเองบ้างสิวะ ไม่มีใครสอนแกรึไงว่า ถ้าคิดจะเอาอะไรก็ต้องเตรียมใจที่จะเสียไว้บ้างน่ะ?”

“ฮ่า มึงนี่มันเลวกว่าหมาอีก! ในที่สุดโฉมหน้าที่แท้จริงของแกก็เปิดเผยแล้วสินะ!”

“ไอ้ง่าวเอ้ย แกต่างหากที่เผยสันดานจริงออกมา”

ริฟคว้าขวานมือที่สะโพกขึ้นมาขว้างลงพื้น คมขวานนั้นปักลึกลงไปในพื้นไม้ มันทำให้การกระทำของชายอีกคนชะงักทันที

ิริฟฉวยโอกาสนั้นเดินออกมาข้างหน้าแล้วเอาหัวโหม่งหัวของทหารอาสาผู้นั้น

“พวกแกตามฉันมานานแค่ไหนแล้ว ตอนที่พวกแกได้ทองไปแบ่งกันก็ดูมีความสุขดีนี่ พอมาตอนนี้พวกแกก็จะกลับลำแล้วเรอะ? ห้ะ? ลูกผู้ชายไม่ควรหันหลังกลับแม้ว่าจะต้องตายใช่ไหม? เฮ้ย ไอ้ความคิดที่น่ารังเกียจที่ว่าพวกแกเป็นเหยื่อนี่แม่งโคตรขยะแขยงเลยว่ะ ไม่อยากเชื่อว่า ฉันยังทนเรียกแกว่า เป็นพี่ชายได้อีก”

“ไม่ว่าแกจะพูดยังไง พวกเราก็จะไม่ไปดันเจี้ยน”

ชายที่จ้องหน้ากับริฟพูดขึ้น

“เราไม่รู้หรอกว่า หมู่บ้านไหนจะเป็นเป้าหมายครั้งต่อไป แม้พวกเราจะร่ำรวย แต่มันไม่มีประโยชน์เลยถ้าเรากลับกลายเป็นคนไร้บ้าน ไร้ครอบครัว ไม่มีที่ให้กลับ ไป ดังนั้นถ้าแกอยากไป ไปเองเลย! พวกเราจะปกป้องบ้านของพวกเรา”

เขาเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยกลับมา

ริฟเค้นสมอง สิ่งที่พูดคุยกันมันชักไม่เข้าท่าแล้ว เป็นที่แน่นอนแล้วว่า เหล่าทหารอาสานั้นให้ความสำคัญกับหมู่บ้านตัวเองก่อน ถ้าหากบ้านเกิดของริฟตกอยู่ในอันตราย เขาก็จะทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งกลับบ้านในทันที การเป็นชายเร่ร่อนผู้น่าเวทนาเสียเหลือเกิน? การเร่ร่อนโดยไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม หลังจากสูญเสียครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวและเหล่าสหายไปนั้นเป็นชะตาที่บุรุษทั้งหลายต่างหวาดกลัว

ริฟกำลังมองหาแพะรับปาก เป้าหมายที่เขาสามารถโยนความโกรธใส่ลงไปได้

“พี่ชาย คนอื่นอาจคิดว่า ฉันสมควรยอมรับการลงโทษที่ร้ายแรงถึงขั้นสมควรตาย แต่ถ้าลองมาคิดดูให้ดี ใครกันแน่ที่เป็นผู้ทำลายหมู่บ้านของแก?”

“มันก็ชัดเจนแล้วนี่ ว่าเป็นจอมมาร แกไปทำให้สุภาพบุรุษผู้นั้นโกรธขึ้นมา”

สุภาพบุรุษ! ในอกของริฟเต็มไปด้วยความขึ้งโกรธ พวกเขาเรียก ไอ้นั่นว่า สุภาพบุรุษ! ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขาทั้งเกลียดและทั้งเคารพนับถือ ไอ้นั่น ไอ้สาระยำนั่นที่เคยร้องขอชีวิตพวกเราด้วยน้ำตา หน้าด้านโกหกมนุษย์ ไอ้ขี้ขลาดที่แทงเราจากข้างหลัง!

ริฟนั้นอยากจะหยิบขวานมือขึ้นมาเฉาะกะโหลกชายตรงหน้าแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ปล่อยวางอารมณ์นั้นไป แล้วพูดอย่างใจเย็น

“น่าสนใจไม่ใช่เหรอ? แล้วพวกแกไม่สงสัยหรือไงกัน ว่า จอมมารทำไมถึงเพ่งเล็งไปแต่หมู่บ้านของนาย?”

“……นี่แกกำลังจะพูดถึงอะไร?”

“ฉันกำลังจะพูดว่า แกก็รู้ใช่ไหม พี่ชาย ฮ่า ถ้าแกมีสมองก็ลองใช้มันบ้าง มันไม่มีทางหรอกที่จอมมารระยำนั่นจะโจมตีหมู่บ้านแกได้ ถ้ามันไม่มีอีตัวไหนมันเสือกไปกระซิบบอกมัน!”

ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง

“ถะ-ถ้าอย่างนั้น?”

“มีคนทรยศ! มีคนทรยศอยู่ในหมู่พวกมนุษย์ !

เห็นชัดกันแล้วนี่ หนึ่งในหมู่บ้านที่ให้เสบียงอาหารกับพวกเรานั้นไปขอร้องกับจอมมาร”

ริฟฉีกยิ้มชั่วร้าย

“ไม่ มันอาจไม่ใช่แค่ที่เดียว แต่อาจจะทั้งหมดเลย”

“โอ้ย ไอ้ลูกกะหรี่เอ๊ย!”

หัวหน้าทหารอาสาระอุขึ้นทันที

“ข้าคิดไว้แล้ว!”

“มันขายพวกเราที่เป็นมนุษย์ด้วยกันเพื่อที่จะรักษาคอตัวเอง!”

ริฟไหลไปตามน้ำอย่างเหมาะเจาะ

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจอมมารหรือฝ่ายอื่น ริฟก็ข้างพวกเขาด้วยเสมอ

ด้วยการสร้างศัตรูร่วมกัน เพียงแต่คราวนี้มันเป็นผู้ทรยศที่ขายพวกเขา

จากมุมมองของริฟ พวกทหารอาสาเองต่างหากที่ข่มขู่ชาวบ้าน ขโมยเสบียงอาหาร นั่นต่างหากเป็นผู้ทรยศ แต่สำหรับเขาตอนนี้ไม่จำเป็นจะต้องไปโหมไฟทิศนั้น

“พี่ชาย จะแก้แค้นสิบปีก็ไม่ตาย แต่มันมีอะไรที่สำคัญกว่านั้นอยู่”

ริฟพูดเบาเสียจนเกือบเป็นการกระซิบ

“หากเป็นอย่างนี้ เหล่าผู้ทรยศที่ไม่มีทหารในหมู่บ้านเลย ถ้าพวกเราไปลุยกับพวกมัน ไม่ว่าอย่างไรเราก็จะชนะอย่างแน่นอน ที่มันทำอย่างนี้ก็เพราะมันเชื่อมั่นในตัวไอ้ระยำจอมมารนั่น หากเรากำจัดมันได้ก่อน……. ใช่แล้วล่ะ? มันไม่ง่ายกว่าหรือไง หากเราจะเชือดไก่ให้ลิงดูว่า คนทรยศจะเป็นยังไง?”

“แต่พวกเขาบอกว่า มีก็อบลินเป็นร้อยเลยนะ”

ใบหน้าของชายผู้นั้นต่างเจือด้วยอารมณ์ทั้งโกรธ เสียใจ และเหนืออื่นใด ความวิตกกังวล

“ไม่สำคัญว่า เรามีอาวุธอะไร เราก็ไม่สามารถชนะก็อบลินเป็นร้อยตัวได้หรอก”

“ฮ่าช ทำไมพวกเราต้องเสียเวลาไปกับการต่อสู้กับก็อบลินด้วยล่ะ?”

“อะไรนะ?”

ริฟตบอกด้วยความไม่พอใจ

“แม่งเอ้ย ก็บอกแล้วไงว่าให้ใช้สมองน่ะ ใช้สมองดูอีกที? ดูซิ ก่อนหน้านี้มันมีก็อบลินมารวมตัวกันแบบนี้มาก่อนไหมล่ะ?”

“อ่า พวกเราก็ว่ามันแปลกๆอยู่เหมือนกัน”

ชายคนนั้นขมวดคิ้ว

“ก็อบลินพวกนั้นชอบที่จะรวมกลุ่มกันตามเผ่า แยกกันอยู่ตามเผ่า มีอย่างมากก็ 50 ตัว แล้วอะไรทำให้มันรวมตัวกันจนเป็นร้อยได้…….?

“มันเป็นเพราะจอมมาร จอมมารได้นำพวกมอนสเตอร์และเป็นหัวหน้า พูดง่ายๆคือ ถ้าจอมมารตาย ก็อบลินก็จะแยกย้ายแล้วทะเลาะกันเองเหมือนก่อนหน้านั่นแหละ”

เมื่อนั้นเองที่ริฟพูดออกมาและชูนิ้วขึ้น

“จอมมารไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกทัพไปพร้อมกับก็อบลินเพื่อบัญชาการพวกมัน ดังนั้นการเคลื่อนที่ก็จะช้า เพราะต้องนำไปเป็นร้อยตัว เราสามารถใช้โอกาสนี้ปล้นดันเจี้ยนของมันได้”

“เดี๋ยวก่อน หยุดบิดประเด็นได้แล้ว พวกเรากำลังถามอยู๋ว่า เราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านถูกโจมตีระหว่างที่เราไม่อยู่?”

“ฮ่าช เอาจริงๆนะ…….”

ุมุมปากของริฟบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้ม

“พี่ชาย ใช้สมองดูอีกทีสิ? ฉันกำลังบอกให้ย้ายผู้คนในหมู่บ้านของพวกนายไปหมู่บ้านสักแห่ง ถ้าเราทำแบบนั้น เราก็จะมีคนนับร้อยในหมู่บ้านนั้น ใช่ไหม?

ถ้าหากเป็นอย่างนั้นแหละ เราก็สามารถที่จะกำจัดก็อบลินได้ภายในไม่กี่วัน และสามารถใช้เวลานั้นปล้นดันเจี้ยนก่อนที่จะกลับมารวมทัพกันที่หมู่บ้านได้”

ริฟดึงขวานมือออกจากพื้นไม้ เขาเริ่มควงขวานอย่างชำนาญราวกับมันเป็นดินสอ

“ก็อบลินที่อ่อนล้าจากการพยายามโจมตีหมู่บ้าน ใช่ไหมล่ะ? พอมันตั้งเป้าไปที่หมู่บ้าน เราก็จะเข้ามาจากข้างหลังแล้วฉีกมันเป็นชิ้นๆ นายคิดว่า พวกมันจะทำอะไรได้เหรอ ถ้าหากพวกมันถูกจู่โจมจากทั้งสองข้างน่ะ?”

“โอ้!”

ชายคนนั้นปรบมือให้ คำแนะนำของริฟฟังดูสมเหตุสมผลสำหรับพวกเขา ริฟตัดสินว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้พวกเขาเชื่อ เขาตั้งใจใช้คำบางคนพูดออกมาเพื่อให้กินใจผู้ฟัง

“นี่คือ กลศึกที่เรียกว่า ค้อนกับทั่ง หมู่บ้านนั้นจะกลายเป็นทั่ง ในขณะที่นักผจญภัยและทหารอาสากลายเป็นค้อน แล้วทุบไอ้พวกฝูงก็อบลินนั่น นายเคยได้ยินกลศึกนี้มาก่อนใช่ไหม พี่ชาย?”

“แหม ก็ต้องเคยได้ยินมาก่อนอยู่แล้ว! ใช่เลยถูกต้องแล้ว ฟังดูเข้าท่าดีนี่”

เคยได้ยินก็บ้าแล้ว ริฟแอบยิ้มเยาะอยู่ในใจ

“สิ่งสำคัญที่สุดของกลศึกนี้ คือ ความเร็ว รีบไปเอาอาวุธมา เข้าใจไหม? ในอีกชั่วโมงเราไปรวมตัวกันตรงใจกลางเมือง รู้เรื่องทุกคนนะ?”

ชายแต่ละคนต่างส่งเสียงร้องเป็นเชิงยอมรับ พวกเขาเดินออกไปอย่างมั่นอกมั่นใจหลังจากที่ได้รับการแก้ปัญหาว่าจะไปล้างแค้นไอ้พวกคนทรยศ หลังจากถล่มดันเจี้ยนแล้ว ริฟเห็นพวกเขาเปิดประตูออกไป

ริฟหันกลับมาที่เก้าอี้แล้วนั่งลง เขายังคงปวดหัวเหมือนหัวจะแยกเป็นเสี่ยง แต่พอเขาหันไปมอง เขาก็เห็นนักเวทย์หญิงแทบไม่ให้ความสนใจกับการพูดคุยเมื่อครู่ แล้วยังคงอ่านหนังสืออยู่อย่างเงียบๆ

พวกนักเวทย์นี่มันพวกบ้าทั้งนั้น นั่นคือ สิ่งที่ริฟคิด ตั้งแต่เด็กแล้วที่เขาเกลียดเวทย์มนตร์ด้วยเหตุผลบางอย่าง จึงทำให้ถูกหลอกด้วยจอมมารดันทาเลี่ยน ที่เรียกสิ่งนั้นว่าเป็น เวทย์มืด เขาก็เลยยิ่งเกลียดมันยิ่งขึ้นไปอีก

มันมักเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาสงบใจได้ก่อนจะออกรบ ประตูไม้เปิดขึ้นมาและนักผจญภัยหนุ่มคนก่อนหน้านั้นก็ได้กลับมา

“หะ-หัวหน้า”

“แม่งเอ้ย ไอ้หมาโง่”

ริฟพบว่าตัวเองสบถทันทีที่เห็นชายหนุ่ม แต่ข่าวอะไรกันล่ะที่จะมาบอก ในตอนที่ชายหนุ่มกำลังพูดติดอ่างอยู่ตอนนี้?

ริฟเลยพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วรู้ว่า ไม่ว่าจะพูดอะไรเขาก็จะไม่โกรธชายหนุ่ม

“อะไรน่ะ?หืม คราวนี้คืออะไร?”

“หมู่บ้านแห่งที่สาม หมู่บ้านแห่งนั้นถูกทำลายแล้วครับ…….”

“แม่งเอ้ย”

นี่นับเป็นข่าวร้าย

หากเขาต้องการใช้กลศึกค้อนกับทั่งให้สำเร็จนั้น เขาต้องมีหมู่บ้านที่มากพอที่จะเป็นทั่งให้ หากหมู่บ้านที่เป็นแหล่งกำลังพลถูกทำลายไป กลศึกนี้ก็พังตั้งแต่แรกแล้ว

ริฟถอนใจออกมา

“เฮ่อออ แล้วคราวนี้หมู่บ้านไหนถูกทำลายล่ะ?”

ริฟแสดงสีหน้าสับสนออกมาทันทีที่ได้ยินชื่อหมู่บ้าน

ชื่อหมู่บ้านนั้นไม่ใช่ชื่อหมู่บ้านของทหารอาสา หากแต่เป็นหมู่บ้านของคนทรยศที่เป็นฝ่ายเดียวกับจอมมาร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด