ตอนที่แล้วบทที่  048 – ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่  050 – ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (4)

บทที่  049 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (9)


บทที่  049 –ปาร์ตี้นักผจญภัยแร๊ง E (9)

* * *

ผมส่งพวกทูตกลับไป

หลังจากพวกเขากลับไปผม ผมเดินกลับไปห้องจอมมารมีเพียงเสียงแฟรี่สองสามตัวกำลังหัวเราะคิกคักและเสียงฝีเท้าของผมก้องอยู่ในถ้ำ มันใช้เวลาเกือบชั่วโมงนึงในการไปถึงห้องจอมมารและใช้เวลา 2 ชั่วโมง รวมเวลาไปกลับ

2 ชั่วโมงไม่ใช่เวลาที่นานสำหรับผม

ช่วงที่ผมเดิน ผมก็ใช้ความคิดไปด้วยว่าจะจัดการกับเหล่านักผจญภัยอย่างไร อาจเป็นเพราะผมเริ่มคุ้นเคยกับการรับรู้เวลาที่ช้ากว่าของโลกนี้แล้ว ผมจึงมาถึงห้องจอมมารโดยที่ยังไม่ทันรู้ตัว

“…….”

ลอร่านั่งอยู่บนหินในมุมห้องและอ่านหนังสือเงียบๆ บนก้อนหินมีผ้าห่มสีแดงเหมือนเป็นเบาะรองอยู่บนนั้น

เสียงน่าฟังจากการเปิดหน้ากระดาษสะท้อนในห้องทุกครั้งที่เธอใช้นิ้วชี้เปลี่ยนหน้า ในมุมนั้นเป็นโลกที่มีแต่เพียงผ้าห่มสีแดงและเสียงของหนังสือ กาลเวลาไหลผ่านไปช้าลงทุกครั้งที่เธอเปลี่ยนหน้า

“พวกมนุษย์พวกนั้นพูดอะไร?”

พวกมนุษย์ เธอพูดอย่างนั้น พูดเหมือนกับตัวเธอไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นแหละ?

ดูเหมือนลอร่าจะขีดเส้นระหว่างตัวเธอกับเผ่าของเธอ ผมกลั้นหัวเราะก่อนจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ผมถามคำถามกับเธอเหมือนเป็นปริศนาให้เธอไข

“แล้วตอนนี้ กองกำลังของเราจะรับมือต่อกลุ่มคนเจ็ดสิบคนได้อย่างไร?”

“การต่อสู้ที่เรียบง่ายที่สุดเป็นสิ่งจำเป็น”

ลอร่าตอบในทันทีโดยไม่ต้องคิด

“ฉันรู้แล้วว่า ท่านน่ะสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ได้ นายท่าน ดังนั้นยิ่งมีเงินและวัตถุดิบในการอัญเชิญมากก็ยิ่งสามารถอัญเชิญมอนสเตอร์ที่ดีได้มากขึ้น กองกำลังเราควรมีอิสระในการเงินบ้าง ทั้งหมดที่เราควรทำคือ การอัญเชิญออกมาให้มีกองทหารเหนือกว่าฝ่ายศัตรู  สู้จำนวนด้วยจำนวน เป็นพื้นฐานของสงคราม”

ลอร่าแนะนำว่า พวกเราควรจะเพิ่มจำนวนกองทัพของเรา

นั่นเป็นกลยุทธที่สมเหตุสมผล ผมมีเงินอยู่ 14,000 โกลด์ ถ้าผมใช้เงินที่มีทั้งหมดในการอัญเชิญ โกเลมระดับต่ำ หากผมทำอย่างนั้นก็จะมีหน่วยโกเลม 70 ตัว ถ้าเพิ่มแฟรี่เข้าไปด้วย กองกำลังก็มีจำนวนมากเกินกว่านี่พวกนักผจญภัยเหล่านั้นจะมีหวังในการเอาชนะได้เลย

แต่ถึงอย่างนั้น

นั่นไม่ใช่คำตอบที่ผมต้องการ

“ลอร่า นั่นเป็นแผนที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”

“…….”

ลอร่าไม่ถามผมว่าทำไม หรือมองผมด้วยแววตาไม่พอใจ เธอยอมรับความเห็นของผมและเริ่มคิดว่า ทำไมผมถึงบอกกับเธอแบบนั้น

เรื่องนี้บอกได้เลยว่า เธอไว้ใจผมแค่ไหน ลอร่าเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ว่า ผมไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาโดยไร้เหตุผล

ลอร่าพูดออกมาหลังจากนั้นสักพัก

“……มีสิ่งที่ต้องตระหนักถึงเสมอในการทำศึก คือ ฟ้า,ดิน และคน

ตัวฉันตระหนักถึงแต่เรื่องคน จึงคิดถึงแต่เรื่องจำนวนศัตรูและให้ข้อสรุปว่า เราควรเพิ่มจำนวนให้มีเจ็ดสิบคนเช่นกัน ฉันไม่ได้มองถึงเรื่อง สภาพภูมิประเทศของสนามรบและภาระหน้าที่ที่ผูกพันกับการต่อสู้เลย”

“มีคนสามประเภทบนโลกนี้”

ผมฉีกยิ้ม

“คนที่ไม่รู้ว่า สิ่งทำตัวเองทำนั้นผิด, คนที่รู้ว่า ตัวเองทำอะไรผิด และคนที่ได้ทำผิดลงไปแล้วแต่รู้ว่า ควรทำอะไรต่อ

ในกรณีนี้ คำตอบของเธอไม่สมดังที่ข้าคาดหวังไว้นะ ลอร่า”

ลอร่าจมดิ่งไปกับความคิด เธอม้วนเปียข้างเหมือนอย่างเคย มันเป็นนิสัยของเธอที่มักทำเมื่อกำลังใคร่ครวญบางอย่าง

อันที่จริงแล้วก็เป็นปรกตินั่นแหละที่เธอจะไม่สามารถแนะนำกลศึกหรือแผนการดีๆได้

เธอมีประสบการณ์แค่การต่อสู้ระดับเล็กๆเท่านั้น เธอได้นำกองกำลังเพียง 30 ตัว ไปเผชิญกับปาร์ตี้นักผจญภัยที่มีราวๆ 20 คน

ที่ผ่านมาเธอก็แค่สั่งให้โกเลมไปข้างหน้าแล้วให้แฟรี่ยิงใส่โจมตีเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้นการที่เด็กสาวอายุ 16 ปี คุ้นเคยกับการต่อสู้ก็น่าประทับใจ…….

‘มันคงเป็นแค่เรื่องไร้สาระสำหรับระดับอย่างเธอ’

สิ่งที่ผมเอาเข้ามาเป็นพวกคือ ลอร่า เดอ ฟาร์เนเซ่ อายุ 16 ปี ไม่ใช่ เด็กสาว อายุ 16ปี ดังนั้นเธอต้องแสดงความสามารถให้เห็นว่า เธอสามารถตอบสนองความคาดหวังของผมได้

ผมไม่คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่โหดร้าย เช่นเดียวกับที่เธอเชื่อมั่นในผม ผมก็เชื่อมั่นในตัวเธอเช่นนั้น ไม่สิ ผมเชื่อมั่นในตัวเธอยิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นใครๆทั้งมวลในโลกนี้ ผมเชื่อในลอร่ามากที่สุด ผมรู้ว่า เธอจะยอดเยี่ยมยิ่งใหญ่ขนาดไหนในอนาคต ดังนั้น แสดงให้ผมดูหน่อย

“ฉันเข้าใจแล้ว”

ลอค่าสูดหายใจเข้าลึกๆ

“ฉันอยากจะชี้บอกในสิ่งที่หญิงสาวผู้นี้ขาดไปและปรารถนาที่จะบอกว่า เราควรจะจัดการกับเหล่านักผจญภัยอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร”

“ข้ากำลังรออยู่เลย”

“ก่อนเลย ฉันอยากจะชี้ให้เห็นถึงมิติแรกทางการรบ นั่น คือ ฟ้า”

ลอร่าเหยียดนิ้วชี้ออก

“ท้องฟ้าเป็นคำอุปมาถึงทุกสิ่งในโลก นั่นคือ สาเหตุที่ว่า ทำไมพิชัยสงครามจึงแนะนำว่า ในการรบใดๆนั้นให้มองในมุมของสงคราม และสงครามก็ควรจะมองในมุมของชาติ  ในกลุ่มของนักผจญภัยทั้งเจ็ดสิบคน กองกำลังเราควรคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และไม่เพียงแต่สนใจการต่อสู้ตรงหน้าพวกเราเท่านั้น หากพวกเรานั้นเอาแต่จัดซื้อโกเลมจำนวนมาก เราอาจจะเอาชนะภัยคุกคามได้ในทันที แต่ถึงอย่างนั้น”

ผมยิ้มออกมา ผมรู้สึกว่า เธอได้เข้ามาถึงข้อสรุปที่ถูกต้องแล้ว ยิ้มของผมมันช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเธอ ทำให้ลอร่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสขึ้น

“หากเป็นไปตามที่คาดไว้ พวกเราจะถูกนักผจญภัยอ่อนแอโจมตีแบบนี้อีกหรือไม่? มันไม่มีทางที่จะเป็นอย่างนั้น วันหนึ่งจะมีนักผจญภัยที่สามารถจัดการกับโกเลมมากมายพวกนั้นได้โดยง่าย พวกเราจะกลายเป็นฝ่ายต้องร้องขอชีวิตหากพวกเขาตัดสินใจจ้างนักเวทย์มา”

ลอร่าพูดได้ตรงเป้า

และนี่คือ สถานะปัจจุบันของดันเจี้ยนพวกเรา

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

[ดันเจี้ยน: ปราสาทจอมมารดันทาเลี่ยน]

ระดับ: หลังเขา(F)

วิจัยเทคโนโลยี: 0

วิจัยเวทย์มนตร์: 0

*สกิลพิเศษl: None

*มอนสเตอร์: 42 ตัว

*เงิน: 13900 gold

※ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งในดันเจี้ยนนี้ มนุษย์โจรได้รู้แล้วว่าดันเจี้ยนแห่งนี้เป็นเหมือนสถานที่เดินเล่น คุณจะถูกบุกรุกเมื่อใดก็ได้

จงวิจัยเทคโนโลยีและเวทย์มนตร์ และติดตั้งสถาบันวิจัยด้วย!

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

โกเลมระดับต่ำที่สุด ราคา 400 โกลด์ หากผมจ้าง มามากกว่า 30 ตัว ผมก็ใช้จ่ายไป 12,000 โกลด์ นั่นก็เป็นเงินแทบจะทั้งหมดของผม เมื่อพวกเราเผชิญกับนักผจญภัยระดับสูงในอนาคต โกเลมระดับต่ำสุดจะไม่เป็นอะไรมากไปกว่า เป้าซ้อมยิงสำหรับพวกเขา

จะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเราเทเงินทั้งหมดซื้อโกเลมระดับต่ำสุด ในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น เราจะต้องเตรียมรับมือกับนักผจญภัยที่เลเวลสูงขึ้นเรื่อยๆได้อย่างไรกัน? มันช่างเป็นความโง่เขลาอย่างที่ไม่น่าให้อภัย

“พวกเราต้องเก็บทรัพยากรทั้งหลายไว้เพื่ออนาคตของพวกเราด้วย ที่มีอยู่นั้นเพียงพอแล้วที่จะจัดการกับศัตรู━”

* * *

“ขออนุญาตให้ตัวฉันได้แนะนำทั้งสองคนให้แก่ท่าน ฝ่าบาทดันทาเลี่ยน”

ลาพิสพูดขึ้นขณะที่มีคนแคระสองคนอยู่หลังเธอ

“ทั้งสองคนนี้ต่างเป็นช่างทำแผนที่จากโลกปีศาจ”

“เป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้พบกับท่าน”

ผมยื่นมือออกมาจับมือกับพวกเขา

“ขอต้อนรับทั้งสองคน ดังนั้นเข้าประเด็นกันเลย”

ผมพูดเข้าเรื่องทันที พวกคนแคระนั้นเกลียดการทำให้มันยุ่งยากเป็นพิธีการโดยนิสัย พวกเขานั้นเป็นศิลปินและช่างฝีมือชั้นเลิศ ดังนั้นสิ่งที่เขาสนใจจึงมีเพียงการที่เขาสามารถอุทิศและทุ่มเทให้กับสิ่งที่พวกเขาหลงไหลเท่านั้น

“ข้าจะขอให้เจ้าทั้งสองสร้างแผนที่รอบปราสาทจอมมารของข้า”

“เป็นเกียรติแก่พวกเรา พวกเราไม่กล้าคิดว่า ฝ่าบาทจะเรียกเรามาด้วยเหตุผลอื่น”

คนแคระทั้งสองตอบรับอย่างมีความสุข

“เราจะทำอย่างสุดกำลังเพื่อทำแผนที่ตามคำขอของฝ่าบาท แต่ก่อนอื่นมีอย่างสองอย่างที่พวกเราอยากยืนยัน”

“ถามมาได้เลย”

“ท่านต้องการให้แผนที่นั้นกว้างครอบคลุมไปแค่ไหน?”

“อยากให้พวกเจ้าจำไว้ว่า พวกเจ้าต้องทำแผนที่หลายแผ่น”

ผมมองพวกคนแคระอย่างจริงจัง

“ข้าปรารถนาจะได้แผนที่ 5 แผ่น แผนที่แผ่นแรกนั้น ข้าต้องการแผนที่สมบูรณ์ของทั้งภูมิภาค ,แผนที่แผ่นที่สอง ข้าต้องการแผนที่สมบูรณ์ของราชอาณาจักรทูทัน (Teuton Kingdom) และแผนที่แผ่นที่สามข้าต้องการแผนที่ภูมิภาคที่ปราสาทจอมมมารของข้าตั้งอยู่ ข้าขอแผนที่สามแผ่นนี้ก่อนได้ไหม?”

“แน่นอนครับ”

คนแคระแสดงท่าทางประหลาดใจ

“อันที่จริงแล้วก็มีแผนที่ที่ครบทั้งสามเงื่อนไขนั่นอยู่แล้ว”

“ข้าต้องการแต่แผนที่ที่มีคุณภาพดีที่สุดเท่านั้น”

“รับทราบครับ พวกเราขอถามได้ไหมว่า อีกสองแผนที่ที่เหลือคืออะไร?”

“สำหรับแผนที่แผ่นที่สี่ ข้าต้องการให้เจ้าวาดแผนที่ของหมู่บ้านใกล้เคียง กับปราสาทจอมมารของข้า เจ้าต้องลงรายละเอียดทั้งระดับความสูงของดินแดน ความกว้างและแคบของถนน ที่ดินแต่ละแห่ง รวมถึงขนาดของหมู่บ้านด้วย”

ประกายในดวงตาของคนแคระนั้นเปลี่ยนไป

“……ข้ามั่นใจว่า มันจะเป็นแผนที่ที่มีขนาดสมจริง”

“และสำหรับแผนที่ แผ่นสุดท้าย ให้ร่างแผนที่ภายในปราสาทของข้า”

“ได้ตามที่ท่านปรารถนาครับ”

คนแคระนั้นค้อมตัวต่ำลง

“เมื่อรู้ถึงคำขอของฝ่าบาทว่าต้องการแม้แต่ระดับความสูงของดินด้วย ตอนนี้พวกเราจึงได้รู้แล้วว่า ฝ่าบาทนั้นมีความเข้าใจที่ลึกมากเกี่ยวกับการทำแผนที่  พวกเราอาจไม่คู่ควร แต่พวกเราเป็นมืออาชีพดังนั้นจะเสียใจมากหากถูกเรียกว่า เป็นลำดับสองแห่งโลกปีศาจ ดังนั้นพวกเรายินดีทำตามที่ฝ่าบาทขอมา”

คนแคระผู้ชำนาญนั้นสามารถมอบแผนที่สามอันแรกให้ได้ในทันที แต่จะต้องใช้เวลาสักพักในการสร้างแผนที่สองแผ่นหลัง แต่เมื่อผมขอให้พวกเขาสร้างแผนที่รอบปราสาทจอมมารก่อน เขาก็สัญญาว่า จะร่างแผนที่คร่าวๆให้เสร็จให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

* * *

“━พวกเรา กองกำลังของจอมมาร ต้องหนีออกจากปราสาทแล้วจู่โจมศัตรู ยิ่งไปกว่านั้น ตามธรรมเนียมแล้วฝ่ายตั้งรับนั้นได้เปรียบกว่าถึงสามเท่าของฝ่ายบุก

แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ภายใต้เงื่อนที่ว่า ฝั่งตั้งรับนั้นมีป้อมปราการที่แข็งแรง ก็ตามชื่อนั่นแหละ มันจะต้องมีทั้งป้อม รั้ว กำแพง แต่ปราสาทจอมมารนั้นไม่มีแม้แต่รั้วไม้ด้วยซ้ำ แถมยังดันมีทางเดินเข้าที่กว้างขวางเป็นอย่างมากจึงไม่เหมาะสมแก่การที่จะใช้กำลังพลจำนวนน้อยมาป้องกัน”

ลอร่าพูดอย่างใจเย็น

“ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ศัตรูของพวกเราได้เปรียบอย่างมากที่สามารถจะบุกเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ พวกเขาจะหนีไปเมื่อไหร่ก็ได้หลังเข้ามาถึงในตัวปราสาทจอมมารของพวกเรา ในขณะที่พวกเราทำแบบนั้นไม่ได้ พวกเราไม่อาจเป็นอิสระแบบนั้น จึงต้องมอบสมรภูมิที่เสียเปรียบให้พวกเขาไป”

ลอร่ามองมายังผม ดวงตาก็เปล่งประกาย

“เราจะผนึกกำลังเป็นหน่วยเดียว แล้วมุ่งไปยังหมู่บ้านของนักผจญภัยที่พักอยู่แล้วโจมตีพวกเขาที่นั่น ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงต้องการแผนที่รายละเอียดหมู่บ้านใกล้เคียง แผนที่แต่ละแผ่นคุ้มค่ามากและให้ประโยชน์กับเรานับจากนี้เป็นต้นไป”

“ช้าก่อน แล้วนักผจญภัยจะไม่ทิ้งหมู่บ้านหรือ?”

“พวกเขาไม่มีวันทิ้งแน่นอน”

เธอยืนยันหนักแน่นกับผม

“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?”

“เหตุผลหลักๆก็คือ นักผจญภัยหลายคนเกิดที่หมู่บ้านแห่งนั้น ถ้าหากนักผจญภัยทิ้งหมู่บ้านไป จะถือว่าพวกเขาทรยศทหารอาสาจากหมู่บ้านนั้น นักผจญภัยจะไม่สามารถแบกรับการสูญเสียกำลังพลในทันทีได้ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตั้งรับในหมู่บ้านอย่างแข็งขันเพื่อรักษากองกำลังทั้ง 70 คน  การที่รวมกำลังพลทหารอาสาเพื่อเพิ่มจำนวนนั้นกลับทำให้พวกเขาเคลื่อนกำลังพลได้ยากเป็นอย่างมาก”

ผมพบว่าตัวเองกำลังปรบมือให้กับลอร่า เธอให้คำแนะนำได้ดีมาก

“ดังนั้นกำลังคนของพวกเขาจะลดลงในทันทีที่ต้องละทิ้งหมู่บ้าน และพวกเขานั้นไม่สามารถจู่โจมปราสาทของพวกเราได้ หากยังต้องป้องกันหมู่บ้านอยู่ และในท้ายที่สุดพวกนักผจญภัยจะลืมเป้าหมายตัวเองแล้ววุ่นยุ่งอยู่แต่กับการป้องกัน ‘ตนเอง’แทน”

“หากจะระบุให้ชัด มันไม่ใช่ของ ‘ตนเอง’ ของพวกนักผจญภัยเลย แต่เป็นของพวกทหารอาสาต่างหาก

นักผจญภัยอาจคิดว่า พวกเขานั้นดึงทหารอาสาเพื่อเป้าหมายของตน แต่━พวกเราจะพลิกสถานการณ์นั้น นักผจญภัยจะต้องเป็นฝ่ายที่ปกป้องหมู่บ้านของทหารอาสาเสียเอง”

พวกเราจะเปลี่ยนสิ่งที่อีกฝ่ายคิดว่าเป็นจุดแข็งให้กลายเป็นจุดอ่อน

ทหารราบนั้นเก่งกาจใน’การต่อสู้แบบเข้าปะทะ’ ดังนั้นหากเราส่งพลธนูไปแนวหน้า ก็จะสามารถเปลี่ยนความแข็งแกร่งของทหารราบให้กลายเป็นจุดอ่อนด้วยการที่พวกเขานั้นทำได้แค่เพียง ‘การต่อสู้แบบเข้าปะทะ’เพียงอย่างเดียว

อัศวินอาจคุยโม้โอ้อวดเรื่อง ‘การป้องกันจากเกราะหนัก’ ทั้งธนูและหอกไม่อาจเจาะเกราะอัศวินเข้า แต่ถึงอย่างนั้นการเปลี่ยนสมรภูมิรบให้กลายเป็นบึงเลนเสีย คุณก็สามารถเปลี่ยนความแข็งแกร่งของเขาให้กลายเป็นจุดอ่อนที่ไม่อาจเคลื่อนที่ได้สะดวกเพราะ’เกราะหนักเกินไป’

ทั้งทหาร,กองกำลัง รวมถึงชาติ ต่างมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน

โดยเฉพาะชาติ หากภูมิประเทศที่เขาอยู่เป็นภูเขาที่ขรุขระ ดูเผินๆอาจเป็นสิ่งไม่ดี การเก็บเกี่ยวก็แย่ เดินทางไปมาก็ยาก แต่ถึงอย่างนั้นจากพิชัยสงครามแล้วการใช้ภูเขาพวกนั้นที่ปกติแล้วมีแต่ข้อเสียเปรียบให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันได้ คุณก็สามารถพลิกมันให้เป็นความได้เปรียบด้วย

ลอร่าได้อธิบายสิ่งนี้ว่าเป็น พื้นฐานของการสงคราม

“ถ้ามีกองทหารมากขึ้นก็จะเป็นการบีบให้นักผจญภัยต้องตั้งรับ

แต่ถึงอย่างนั้นพวกเรามีโกเลมมากพอแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องไปทำอะไรที่เกินจำเป็นอย่างนั้น หลังการพูดคุยกันได้ข้อสรุปว่า เราจะไม่เพิ่มจำนวนโกเลมอย่างเด็ดขาด”

“เธอเข้าใจถูกแล้ว”

“ตรงจุดนั้น คือ การอธิบายมิติของ ดิน”

เธอยิ้มออกมาสบายๆ

“ตอนนี้ถึงเวลาอธิบายมิติของ คน”

—----

(TTL : ตอนนี้มันเป็นตอนแห่งพิชัยสงคราม ฟ้า,ดิน และมนุษย์ หลักการทั้งสามมาจากเต๋า เต๋อ จิง

แบ่งกฏเป็นสามระดับคือ กฏแห่งฟ้า(สัจธรรมที่แน่นอนตายตัวยิ่งใหญ่เหนือสุด อาทิเช่น ความไม่เที่ยงแท้ ความผันแปรแปรเปลี่ยน การเสื่อมสลาย) กฏแห่งดิน(กฏธรรมชาติของสิ่งต่างๆที่เป็นไป ทั้งดินน้ำลมไฟ พืชสัตว์สิ่งของวัตถุธาตุ) และกฏแห่งคน (สังคมมนุษย์ พฤติกรรมนิยม จิตวิทยา วัฒนธรรมประเพณี สิ่งสมมุติของมนุษย์ทั้งหลาย)

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

[Dungeon: Dantalian’s Demon Lord Castle]

Rank: Over the hill(F)

Technology Research: 0

Magic Research: 0

*Special Skill: None

*Monsters: 42 units

*Wealth: 13900 gold

※There are no security measures installed in the dungeon. A human who became a bandit the other day considers this dungeon as a place to take a walk. You can be invaded at any moment. Research technology and magic and install various facilities!

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด