ตอนที่ 26 อดีตอันไม่น่าจดจำ (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 15/03/2567)
“เขาตื่นแล้วๆ น่ารักจริงๆเชียว ใครช่างทิ้งหนูได้ลงคอกันนะ” หญิงสาวหน้าตางดงาม สวมชุดซิสเตอร์ก้มลงอุ้มเด็กทารกเพศชายผู้หนึ่งซึ่งถูกวางทิ้งไว้ที่ด้านหน้าโบสถ์ ท่ามกลางฝนที่ตกปรอยลงมา ตัวของเด็กน้อยสั่นเทาแม้จะมีหลังคาบดบังฝนเอาไว้ก็ตาม
โบสถ์เล็กๆชานเมืองแห่งนี้เป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีผู้ใจบุญก่อตั้งขึ้น ซิสเตอร์โรสเป็นผู้คอยอบรมเลี้ยงดูเหล่าเด็กๆที่ถูกทิ้งด้วยตัวคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต มารยาท การเข้าสังคม ความรู้ต่างๆ นางล้วนเป็นผู้สอนเด็กๆทุกคนมาโดยตลอด เวลาส่วนใหญ่มักมีชาวบ้านแวะเวียนมาคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ
เด็กทารกเพศชายที่ถูกนำมาทิ้งกลางคืนฝนปรอยในคืนนั้นถูกตั้งชื่อว่า เย่ซี เขาเป็นเด็กที่สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรงมาโดยตลอด หนุ่มน้อยคอยช่วยงานซิสเตอร์โรสมาตั้งแต่เขายังอายุได้แค่ห้าขวบ ไม่ว่าจะทำความสะอาด ล้างจาน ซักผ้า ทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ถึงแม้จะมีเด็กในโบสถ์แห่งนี้แค่ไม่กี่สิบคน แต่พวกเขาก็รักกันมาก คอยช่วยเหลือกันและกันมาตลอด
เย่ซีเป็นเด็กที่มีร่างกายแข็งแรงเกินมนุษย์ปกติอย่างเห็นได้ชัด อายุแค่เจ็ดขวบก็ยกท่อนไม้หนักเกือบสามร้อยจินได้แล้ว โชคยังดีที่ถึงแม้เรื่องนี้จะดูผิดปกติเป็นอย่างมากแต่ทุกคนในโบสถ์และหมู่บ้านแห่งนี้ก็ไม่เคยมองว่าเด็กหนุ่มเป็นตัวประหลาดแถมยังช่วยกันปิดบังเป็นความลับให้อีก
จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้มีกลุ่มโจรเดินทางมาจับเด็กหนุ่มกลับไปอย่างเงียบๆ
“ไอ้หนู ตามข้ามาซะดีๆ ไม่อย่างนั้นข้าจะไปตามฆ่าคนที่อยู่รอบตัวเอ็งให้หมดเลย” ชายฉกรรจ์หน้าตาเหี้ยมเกรียมยกมีดขึ้นมาขู่ ทำให้เด็กชายอดตัวสั่นด้วยความกลัวไม่ได้
“อื้อ อื้ออ” ตอนนี้เย่ซีอายุได้เก้าขวบปีแล้ว เด็กน้อยได้แต่พยักหน้าให้ทั้งน้ำตา เขาไม่ต้องการให้เพื่อนๆและซิสเตอร์ต้องเดือดร้อนไปด้วย เขาไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น คนพวกนี้เป็นใคร
“ดีมาก พวกแกจับมันขึ้นรถไปได้แล้ว” สิ้นเสียงหัวหน้าโจรสั่งการ ก็มีลูกน้องสองคนเดินเข้าไปสองคน ลากตัวหนุ่มน้อยไปยังท้ายรถตู้ทึบที่พวกมันเตรียมไว้
น่าแปลกที่กลุ่มโจรพวกนี้ไม่ได้จับตัวใครไปเลยนอกจากเด็กชายอายุเพียงเก้าขวบคนเดียว อย่างกับพวกมันมีเป้าหมายเป็นเด็กกำพร้าคนนี้เพียงเท่านั้น
เพี๊ยะ เพี๊ยะ ฉั๊วะ
เสียงแส้กระทบกับเนื้อดังกังวานไปทั่วถ้ำใต้ดินแห่งนี้ ยามที่ผิวหนังถูกเฆี่ยนตีด้วยแส้ เลือดเนื้อจะสาดกระจาย กระเด็นไปทั่วทิศทาง บ่งบอกถึงความรุนแรงของแส้เส้นนี้ได้เป็นอย่างดี
“ทำงานเข้า อย่าอู้! มองทำไม คิดว่าแกจะทำอะไรได้? เพี๊ยะ!” ชายหัวล้านผู้รับหน้าที่คุมคนงานกล่าวตะคอกใส่เด็กหนุ่มอายุราวสิบสองปีผู้หนึ่ง
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นหันกลับมามองมันตาขวางมันก็หวดแส้ซ้ำลงไปจนหลังของเด็กหนุ่มแตกออกเป็นรอยแส้ เลือดไหลซิบออกมา แต่ตัวเด็กหนุ่มคนนั้นกลับไม่แสดงสีหน้าออกมาราวกับชินชาเสียแล้ว
“มีแรงแค่นี้? ขอแรงๆหน่อย ข้าโดนเฆี่ยนทุกวันจนรู้สึกว่าหลังมันด้านซะแล้ว ทุกวันนี้แผลมันตื้นลงๆ หรือเจ้าหมดแรง?” เด็กหนุ่มนามเย่ซีกล่าวล้อเลียนออกมา ตั้งแต่เขาถูกจับมาก็ต้องมาทำงานในเหมืองขุดแร่แห่งนี้โดยตลอด นี้ก็เป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่เขาทำงานไม่ได้หยุดพัก
ยามเข้ามาคราแรกก็มีผู้คนถูกกักขังใช้แรงงานมนุษย์เหมือนเขามากมายนัก ทุกๆวันจะมีศพถูกขนออกไปและมีคนใหม่เข้ามาแทนที่ ตัวของเด็กหนุ่มเองก็ถูกใช้งานไม่ต่างจากทาสคนหนึ่ง แรกๆที่ถูกเฆี่ยนตี เขารู้สึกเหมือนหลังแทบจะฉีกออกจากกัน ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะเดินต่อ
“ปากดีนักนะ วันนี้ไม่ต้องให้ข้าวมัน จับมันไปขังแยกด้วย” ชายหัวล้านหันไปสั่งการลูกน้องที่อยู่ข้างๆ
“ได้ครับ!” ชายคนนั้นรับคำแล้วลากเด็กหนุ่มหัวรั้นไปยังห้องขังมืดๆที่มีแต่กลิ่นเหม็นอับไร้ซึ่งแสงไฟและของตกแต่งใดๆ
“สักวันข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด พวกบัดซบ” เด็กหนุ่มตะคอกใส่ชายที่ลากเขาเข้ามาในห้อง
“เหอะ กลัวแต่แกจะตายซะก่อน วันนี้ก็เป็นอาหารให้หนูมันแล้วกัน” ว่าแล้วชายคนนั้นก็จับเด็กหนุ่มล่ามโซ่ทั้งแขนและขา โดยกางแยกออกจากกันและนำผงบางอย่างมาโรงไว้รอบๆตัวเด็กหนุ่มแล้วเดินจากไป
จี๊ด จี๊ดๆ
ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งก้านธูป หนูสกปรกสีดำหลายสิบตัวก็พากันวิ่งออกมาจากซอกหลืบ เด็กหนุ่มมองพวกมันด้วยความเคยชิน หลังจากที่หนูพวกนั้นวิ่งมาดมผงที่โรยไว้รอบตัวเด็กหนุ่ม พวกมันก็พากันมากัดแทะยังร่างที่ถูกตรึงไว้ทันที แต่ก็ทำได้เพียงฉีกหนังชั้นนอกและเนื้อบางส่วนออกได้เท่านั้น เพราะร่างกายของเด็กหนุ่มแข็งแกร่งขึ้นมากนับจากคราแรกที่ถูกพาเข้ามา
คราแรกที่ถูกพามาที่นี่ ตัวเขาถูกฟันหน้าอันแหลมคมกัดแทะไปทั่วร่าง เด็กหนุ่มได้แต่กัดฟันด้วยความเจ็บปวด ยามที่ฟันของหนูเหล่านั้นกัดลงมาผ่านผิวหนังของเขา ค่อยๆแทะเล็มเนื้อออกไป เส้นเอ็นถูกฉีก ความรู้สึกเหล่านี้ยากเกินจะรับไหว
สิ่งที่ทำให้ทั้งตัวเขาและพวกผู้คุมประหลาดใจนักก็คือ เมื่อผ่านไปร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยกัดแทะและเหมือนคนใกล้ตายกลับค่อยๆฟื้นคืนสภาพ หายดีขึ้นในไม่กี่วัน ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็เจ็บปวดทรมานยิ่งนักสำหรับเด็กคนหนึ่ง
“ออกมาได้แล้ว สภาพแกนี่ดูดีขึ้นเยอะ ตั้งใจทำงานล่ะ” หลังผ่านพ้นไปหนึ่งคืน ก็มีโจรผู้หนึ่งเดินมาเปิดประตูพาเด็กหนุ่มออกไป ทั่วร่างของเขามีแต่รอยฟันหนู ผิวหนังแทบจะไม่มีเหลือติดอยู่บนตัว แม้แต่ใบหน้าก็เหมือนหุ่นจำลองห้องวิทย์ที่มีแต่กล้ามเนื้อ
“ดูไอ้เด็กนั่นสิ มันถูกพาไปห้องเดี่ยวอีกแล้ว สภาพแบบนั้นยังไม่ตายอีก” โจรคนหนึ่งกระซิบกับเพื่อนข้างๆ ภาพตรงหน้ามันพบเห็นมาบ่อยครั้งแล้ว ทาสคนอื่นๆถูกพาไปหนเดียวก็ตายเพราะเสียเลือดกันหมด แต่ไอ้เด็กนี่ดันรอดมาได้ทุกครั้ง แม้สภาพมันจะประหลาดก็เถอะ
“ร่างกายของมันประหลาดจริงๆ ต่อให้เป็นพลังของหัวหน้าที่เหมือนปีศาจก็ไม่น่าจะมีร่างกายแบบนี้” เสียงโจรอีกคนกล่าวตอบ หัวหน้าของพวกมันแทบไม่ต่างจากปีศาจร้าย
“แต่ถึงจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งหรือฟื้นฟูตัวเองได้แบบนั้น ก็คงเจ็บปวดจนตายไปจะยังดีซะกว่า ถูกทรมานแทบทุกวัน” โจรคนแรกกล่าวต่อ
[“ข้าทนได้ ข้าไม่เป็นไร ข้าทนได้ ข้าไม่เป็นไร”] คำเหล่านี้วนเวียนซ้ำๆอยู่ภายในหัวของเด็กหนุ่ม เขาถูกทรมานอยู่ทุกวันไม่ขาด แต่ละวันพวกมันก็สรรหาวิธีใหม่ๆมาเสมอ แม้แรกๆร่างกายของเขาจะแทบรับไม่ได้ ต้องล้มลงนอนซมเสมอ
แต่เมื่อนานวันเข้า ร่างกายของเขากลับแข็งแกร่งขึ้น แส้ที่เฆี่ยนเขา ผู้คุมขังที่คอยทุบตีต่างสร้างรอยแท้และความเจ็บปวดให้ตัวของเขาได้น้อยลง แม้จะพยายามใส่แรงมากขึ้นก็ตาม
[“ข้าจะต้องออกจากที่นี่ให้ได้ คอยก่อนนะซิสเตอร์ เพื่อนๆ ข้าจะต้องออกไปเจอพวกเจ้าให้ได้”] เด็กหนุ่มตั้งมั่นไว้ภายในใจ สิ่งนี้คอยยึดเหนี่ยวจิตใจของเขาไม่ให้พังทลายลงไป จากการถูกทารุณในทุกๆวัน