ตอนที่ 24 ข้อเสนอเล็กน้อย (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 10/03/2567)
ในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย
มีหนังสือเยอะแยะเต็มไปหมด บ่งบอกว่าเจ้าของห้องนี้ชื่นชอบการอ่านหนังสือเป็นพิเศษ ชายกลางคนผู้หนึ่งกำลังเขียนบัญชีรายรับ-รายจ่ายอยู่บนโต๊ะไม้ขัดเงาอย่างดี
“เดือนนี้ก็ได้กำไรมากพอสมควร แต่โรงเตี๊ยมของเราไม่ค่อยจะมีผู้คนทั่วไปมาใช้บริการสักเท่าไหร่ ถ้าอยากให้โรงเตี๊ยมเราเป็นที่เข้าหาของคนทุกชนชั้น คงต้องปรับอะไรอีกมาก” เขาคือเจ้าของโรงเตี๊ยมพลบค่ำ ชายคนนี้ชื่นชอบการบริหาร การค้าขาย และนิสัยดีเป็นมิตรกับผู้คน ไม่ชอบเอารัดเอาเปรียบใคร
เสียอย่างเดียวเขามีลูกชายที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ข่มแหงรังแกผู้คนไปทั่ว ทำให้ผู้เป็นบิดาอย่างเขาต้องคอยตามเช็ดอยู่ตลอดเวลา แต่ยังดีที่ไม่ถึงขั้นเข่นฆ่าผู้อื่น ถึงจะมีพิการหรือบาดเจ็บปางตายบ้าง แต่ด้วยชื่อเสียงและอำนาจของเขาก็พอจะปิดข่าวรวมถึงไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีได้
ปัง ปัง ปัง!
“นายท่านขอรับ มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!” เสียงทุบประตูดังขึ้นพร้อมเสียงที่แสดงความรีบร้อนของผู้พูดออกมา
“เข้ามา ค่อยๆพูด มีอะไรเกิดขึ้นกัน” เจ้าของห้องกล่าวออกมาแล้วเชิญให้ชายที่รีบร้อนมารายงานนั่งลง
“นายน้อยก่อเรื่องอีกแล้วขอรับ”
“เรื่องอะไร ไปทำใครเดือดร้อนอีกใช่ไหม ไอ้ลูกไม่รักดี งานการไม่ทำสร้างแต่ปัญหา” ว่าแล้วเขาก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ นับตั้งแต่มารดาเสียไปเมื่อยังเล็ก ลูกของเขาก็กลายเป็นคนไม่เอาอะไร เที่ยวเล่นสร้างเรื่องไปวันๆ แต่เขาก็รักลูกของเขามาก ยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกของเขาเอาไว้
“มีชายท่าทางเหมือนขอทานจะเข้ามาโรงเตี๊ยม ยามหน้าประตูเลยกั้นไว้ สุดท้ายต้านไม่ไหวคุณชายเลยใช้ชื่อเสียงเรียกระดมคนไปกลุ้มรุมชายคนนั้นแล้วขอรับ” ชายที่วิ่งมารีบกล่าวรายงานถึงเหตุการณ์ล่าสุด
ตัวเขาเองไม่เห็นด้วยที่คุณชายจะกีดกันคนจากการแต่งกายแบบนั้น เมื่อเห็นเหตุการณ์กำลังจะบานปลายจึงรีบวิ่งมารายงานทันที
“รีบไปกับข้า! ก่อนที่ชายคนนั้นจะเป็นอันตรายไป” เจ้าของห้องรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปทันที ตัวเขาเองก็เป็นผู้ฝึกตนระดับสองคนหนึ่ง แต่ด้วยความไร้พรสวรรค์จึงติดอยู่ในระดับนี้มานานนับสิบปีแล้ว
หลังจากวิ่งมาด้วยความเร่งรีบ ภาพที่ได้เห็นตรงหน้ากลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิด ในตอนแรกเขาคิดว่าชายที่ถูกกลุ้มรุมอาจจะนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้น หรือกำลังถูกรุมทำร้ายโดยกลุ่มผู้ฝึกตนและลูกชายของเขา
แต่เวลานี้มีแค่ผู้ฝึกตนไม่กี่คนนอนสลบอยู่กับพื้นเพราะถูกลูกหลงจากการโจมตี และลูกชายของเขาที่คุกเข่าอยู่แทบเท้าชายคนหนึ่ง แขนของลูกเขาบิดเบี้ยวไปหมด ดูก็รู้ว่ากระดูกคงหักไปหมดแล้ว แม้เขาจะอยากเข้าไปช่วยลูกใจจะขาดแต่ก็ต้องดูสถานการณ์ให้ดีเสียก่อน
“คุณชายท่านนี้ ข้าชื่อหานจุนหมิง ข้าเป็นพ่อของเจ้าคนที่กองอยู่ตรงนั้น ข้าต้องขออภัยในสิ่งที่ลูกชายของข้าได้กระทำไปอย่างยิ่ง” เจ้าของโรงเตี๊ยมพลบค่ำก้มศีรษะค้อมต่ำแสดงการขอขมาให้กับชายหนุ่มอย่างสุดซึ้ง
“อืม.. ท่านคิดว่า แค่ขอโทษแล้วทุกอย่างก็จะจบลงด้วยดี? ถ้าเช่นนั้นข้าจะตัดแขนและขาของลูกชายท่านให้เหลือแค่หัวกับท่อนกลางตัวไว้ใช้ชีวิต จากนั้นจะขอโทษท่านสักประโยค ท่านจะรับได้ใช่หรือไม่?” เย่ซีกล่าวออกมา ถึงเขาจะไม่ชอบการนองเลือดและฆ่าผู้คนนัก แต่ก็ใช่ว่าจะมารังแกกันง่ายๆ ที่คราวนี้เขาไม่ฆ่าผู้คนจนหมดก็เพราะมันเป็นพื้นที่กลางเมือง และเขาแค่หวังผลอะไรจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไว้บางอย่าง
เขาสืบข่าวจากการแวะที่ต่างๆภายในเมืองว่านายน้อยของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ และยามส่วนใหญ่ที่เฝ้าประตูซึ่งฟังคำสั่งนายน้อยมีลักษณะนิสัยอย่างไร รวมถึงความร่ำรวยที่ผู้คนต่างพากันพูดถึงของโรงเตี๊ยมแห่งนี้เขาก็พอจะรู้มาแบบคร่าวๆเช่นกันจึงยั้งมือเอาไว้ก่อน
“พอจะมีสิ่งใดที่ทำให้ท่านใจเย็นลง และปล่อยลูกชายข้าได้หรือไม่? ข้ายินดีกระทำทุกอย่าง” เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยก็พอจะพูดคุยกันได้ หานจุนหมิงเลยรีบกล่าวออกมา
“ข้าต้องการที่ดิน! ขอเป็นที่ดินเปล่า อยู่ภายในอาณาจักรแห่งนี้ก็พอ หวังว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ใหญ่โตแห่งนี้จะมอบให้ข้าได้” เย่ซียิ้มออกมา
ถ้าเกิดไม่ยอมรับข้อเสนอของเขา งั้นก็ไม่ยากอะไร
เขาก็จะกลับไปก่อน แล้วลอบเข้ามาขโมยทุกอย่างของโรงเตี๊ยมนี้ ฆ่าทุกคน รวมถึงพังมันให้ราบคาบก่อนจะหลบหนีไปก็พอแล้ว...
ครึ่งหลัง
“ได้..ได้ ข้าจะหาที่ดินเปล่าที่ดีที่สุดในอาณาจักรนี้มอบให้กับท่านให้เร็วที่สุด” หานจุนหมิงรับคำแล้วรีบโค้งศีรษะให้อีกรอบ
“เร็วที่สุดของเจ้ามันคือเมื่อไหร่?” ชายหนุ่มถามไป เขาไม่ต้องการสัญญาที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย
“ไม่เกินสามวัน ข้าจะจัดการให้เสร็จ” เจ้าของโรงเตี๊ยมพลบค่ำกล่าวตอบ
[“ระบบ ข้าจะทำสัญญากับเขาเพื่อป้องกันการคดโกง เจ้าช่วยเอาม้วนกระดาษลงนามสัญญาแบบตอนรับฟิชเป็นสัตว์เลี้ยงให้ข้าหน่อยจะได้ไหม?”] เย่ซีกล่าวขอระบบในใจ เขาไม่รู้วิธีในการทำสัญญาแบบฟ้าดินเป็นพยานตามนิยายทั่วไป แถมถ้าให้เซ็นในกระดาษเปล่าๆก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะได้ตามนั้นจริงๆ เลยต้องขอจากระบบเอา
[“… ได้”] สิ้นเสียงระบบ ชายหนุ่มก็ลองค้นในแหวนมิติจนพบเข้ากับม้วนกระดาษในการทำสัญญาที่จะผูกมัดจิตวิญญาณของทั้งคู่ไว้ด้วยกัน ใครที่กล้าทำผิดสัญญาวิญญาณจะถูกอีกฝ่ายกลืนกิน ไปเพิ่มระดับจิตวิญญาณให้กับตัวเองได้ เรียกว่าโหดเหี้ยมยิ่งกว่าตายไปปกติยิ่งนัก เนื่องจากถ้าสูญเสียวิญญาณไปแล้วก็จะไม่สามารถกลับมาเวียนว่ายตายเกิดได้อีก
“เรามาทำสัญญากัน เจ้าลองอ่านดู แล้วเขียนชื่อพร้อมหยดเลือดลงไปถ้าเป็นอันตกลง” เย่ซีส่งม้วนกระดาษไปให้อีกฝ่าย
หานจุนหมิงอ่านตัวอักษรทุกตัวอย่างถี่ถ้วน เขาพบว่าเนื้อหาในสัญญาคร่าวๆก็คือตัวเขาจะต้องจัดหาที่ดินที่สุดของอาณาจักรแห่งนี้ ภายในเวลาสามวันมามองให้ชายหนุ่มตรงหน้าเขาให้ได้ เงื่อนไขของคำว่าดีที่สุดก็คือ ขนาด ทำเล ความคุ้มค่า และที่ดินที่สามารถซื้อได้ ณ เวลาสามวันนี้ ถ้าไม่สามารถทำได้ จิตวิญญาณของเขาจะถูกกลืนกิน
หลังอ่านจบเจ้าของโรงเตี๊ยมผู้นี้ก็ขนลุกชันขึ้นมาทั้งร่าง เกิดมาจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยพบการทำสัญญาที่โหดเหี้ยมขนาดนี้มาก่อน แล้วชายตรงหน้าเขาเป็นใครกันที่สามารถร่ายสัญญาที่มีข้อผูกมัดรุนแรงแบบนี้ได้ ชาวยุทธส่วนใหญ่เวลาจะทำสัญญากันก็มักจะกรีดเลือดลงพื้น ตะโกนใส่ฟ้า สาบานให้ฟ้าดินเป็นพยานเท่านั้น ถ้าผิดคำสัญญาก็จะถูกฟ้าผ่า บ้างก็ตาย บ้างก็รอด บ้างก็พิการ
“ข้ารับปากท่าน ทุกอย่างจะเรียบร้อยในเวลาไม่เกินสามวัน” แม้จะกวาดกลัวแต่ก็เขาไม่ลังเล ชายตรงหน้าที่มีฝีมือขนาดรอดพ้นจากการถูกรุมโจมตีของผู้ฝึกยุทธมากมายโดยไร้ซึ่งบาดแผลมาได้ แถมยังจัดการยามฝีมือดีรวมถึงลูกชายของเขาได้อยู่หมัด ถ้าจะลงมือจริงๆโรงเตี๊ยมแห่งนี้คงนองไปด้วยเลือดก่อนที่จะมีใครมาช่วยซะอีก
หลังจากที่เขาเซ็นชื่อและหยดเลือดลงไป ก็รู้สึกเหมือนวิญญาณส่วนหนึ่งถูกดึงไปยังม้วนกระดาษแผ่นนั้น ยามนี้เขารู้ได้เลยว่าถ้าเขาไม่อาจทำตามสัญญาได้ตัวเขาจะต้องกายตาย วิญญาณสลายเป็นแน่แท้
“ดีมาก งั้นข้าขอตัวก่อน อีกสามวันจะกลับมาใหม่” กล่าวจบชายหนุ่มก็หันหลังค่อยๆเดินไปยังรถเข็นที่เขาจอดทิ้งไว้ แต่มือข้างหนึ่งดันจับแขนที่บิดงอของลูกเจ้าของโรงเตี๊ยมไว้ ทำให้ตัวเขาถูกลากไปด้วยความเจ็บปวด
เมื่อเห็นดังนั้นหานจุนหมิงก็ส่งเสียงเรียกชายหนุ่มทันที “คุณชายขอรับ ข้าว่าท่านพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมของทางเราจะดีกว่า นับตั้งแต่นี้ข้าจะจัดห้องที่ดีที่สุดไว้ให้ท่านได้ใช้งานได้ตลอดไปเลยขอรับ แล้วก็รบกวนคุณชายปล่อยมือหานเทียนลูกชายของข้าก่อนจะได้ไหมขอรับ ข้าจะได้ให้เขาโคกศีรษะขอขมาคุณชาย”
“โอ้ เกือบลืมไปเลย เอ้า เอามันคืนไป” ว่าแล้วชายหนุ่มก็โยนลูกชายกลับไปให้บิดาของเขาเหมือนโยนขยะชิ้นหนึ่ง หานจุนหมิงที่ไม่ทันตั้งตัวก็รีบวิ่งไปรับตัวลูกชายของเขาไว้ก่อนจะหัวกระแทกพื้นทันที
“รีบขอขมาคุณชายเร็วเข้า!” ตัวของเขาสั่งการลูกของเขาด้วยเสียงอันดัง ภาพลักษณ์อันใดในสายตาของผู้คนรอบข้างล้วนไม่สำคัญอีกต่อไป
“ข้าขอโทษ ข้าต้องขอขมาคุณชายจริงๆ นับแต่นี้ข้าจะไม่ล่วงเกินท่านอีกแล้ว ถ้าท่านมีสิ่งใดให้ข้าไปทำข้าก็จะทำโดยไม่ปริปาก แม้ตายก็ยอม!” หานเทียนที่เป็นอิสระแล้ว ยามนี้เขากดความเจ็บปวดจากอาการแขนหัก และความเจ็บปวดในจิตใจ กล่าวขออภัยเย่ซีด้วยใจจริง เวลานี้เขารู้แล้วว่าเขาได้เจอตอเข้าอย่างจัง คิดจะล้างแค้นก็คงทำไม่ได้ง่ายๆ
“ฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหา จบเรื่องแล้ว ข้าขอพักผ่อนสักหน่อย พวกเจ้าไปเตรียมสุราและอาหารชั้นดีมาให้ข้าเถอะ นำทางไปสิ” ชายหนุ่มยิ้มแล้วหัวเราะออกมา
ตั้งแต่อยู่โลกก่อนเขาก็เคยมีโอกาศได้ชิมสุราจากก้นขวดที่เหลือตามถึงขยะอยู่บ้าง และเขาก็เฝ้าฝันมาตลอดที่จะได้กินสุราชั้นดีมาโดยตลอด ส่วนอาหารที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาก็คงจะเป็นเนื้อสิงโตยักษ์ที่ย่างกินกับฟิชในป่า แต่เมื่อคิดดูแล้ว อาหารของโรงเตี๊ยมแห่งนี้น่าจะรสเลิศมากกว่านัก
คิดถึงสุรา ใจข้าก็เริงร่า
อาหารเจ้าขา ตัวข้ากำลังไป