ตอนที่ 23 เก่งจริงก็เข้ามา! (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 07/03/2567)
“รุมมันเลย! ส่วนพวกเจ้าไปตามคนมาเพิ่ม” หนึ่งในยามที่เหลือรอดตะโกนออกมาแล้วสั่งให้ยามที่โดนจัดการทั้งสองคนไปตามพวกมาเพิ่ม มันคิดว่าขอทานตรงหน้าคงจะมีฝีมือในระดับหนึ่ง บวกกับอาศัยจังหวะทีเผลอเล่นงานโดยไม่ให้ตั้งตัวเลยจัดการเพื่อนของมันไปได้ง่ายๆ
“แน่จริงเจ้าก็เข้ามา!” เย่ซีหันกลับไปทำเสียงเข้มใส่ คำพูดนี้เขาจำมาจากหนังเรื่องหนึ่ง คิดอยู่ภายในใจว่ามันดูเท่ดี
ฟึ่บ ฟึ่บ ยามทั้งสองคนพยักหน้าให้กันแล้วพุ่งเข้าโจมตี ชายหนุ่มจึงต้องผละออกมาจากรถเข็นเพื่อรับมือ หอกของยามทั้งสองประสานกันได้อย่างลงตัว หนึ่งจู่โจมซึ่งหน้า หนึ่งจู่โจมที่ลับตา ในความจริงเย่ซีใช้ร่างกายรับตรงๆก็ไม่สะเทือนผิวหนัง เขาแค่อยากจะเรียนรู้การต่อสู้เพิ่มเติมเลยเอาแต่หลบไปมาแทน
“หลบเก่งจริง หอกทะลวง!” ยามผู้หนึ่งเรียกใช้เคล็ดวิชาระดับต่ำ วิชานี้จะทำให้หอกพุ่งทะลวงเป็นเส้นตรงด้วยความไวดุจม้าป่า มันสามารถทิ่มแทงทะลุต้นไม้ได้ภายในหอกเดียว ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนระดับสามก็ไม่กล้าใช้ร่างกายรับตรงๆ
“แย่แล้ว!” เย่ซีอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าหอกด้ามหนึ่งกำลังแทงเข้ามาด้วยความเร็วในจุดบอดของเขาพอดี เขาหลบไม่ทัน!
“เสร็จข้าล่ะ ตายซะ!” ยิ่งเห็นท่าทางของชายหนุ่มตื่นตกใจ ยามเฝ้าโรงเตี๊ยมผู้ซึ่งสำแดงเคล็ดวิชาหอกทะลวงออกมายิ่งได้ใจ ทุ่มพลังเข้าไปสุดตัวในเพลงหอกนี้
แต่ทุกสิ่งกับไม่เป็นอย่างที่เขาคาดคิด ยามเมื่อหอกของเขาสัมผัสเข้ากับร่างกายชายเบื้องหน้า มันก็เหมือนการแทงหอกเข้าใส่กำแพงเหล็กกล้า ตัวหอกหักลงในทันทีเพราะแรงจากการพุ่งเข้าใส่ของตัวผู้ใช้และเคล็ดวิชา
“อืม ก็ใช้ได้นะ ดีกว่าไม้เกาหลังสักหน่อย” เย่ซีกล่าวออกมาแล้วใช้มือตบเข้าไปที่หัวของยามโรงเตี๊ยมที่ยืมอึ้งอยู่ด้านหน้า จนร่างนั้นกระแทกลงกับพื้นอย่างแรงและหมดสติไป แน่นอนว่าเขาออมแรงไว้แล้วไม่อย่างนั้นคงหัวระเบิดตายคาที่
“หยุดเดี๋ยวนี้เจ้าโจรร้าย บังอาจมาทำร้ายคนในโรงเตี๊ยมของข้ารึ?” เสียงที่ฟังดูเย่อหยิ่งดังขึ้นมาจากทางด้านโรงเตี๊ยม เมื่อมองไปก็พบกับร่างของชายหนุ่มในชุดสีแดง ที่เอวเหน็บกระบี่ที่มีออร่าดูไม่ธรรมดาเอาไว้
“เก่งจริงก็เข้ามา” เย่ซีกวักมือเป็นเชิงท้าทายทันที ทำให้ชายคนนั้นหน้าเสียไปนิดหน่อย
“เหอะ! อย่างเจ้าไม่ต้องถึงมือข้าหรอก ทุกท่านที่ยืนอยู่ด้านนอก ข้าขอเชิญทุกท่านมารุมกำจัดโจรร้ายช่วยข้า ใครที่ยินดีช่วยเหลือจะได้รับสิทธิ์เข้าพักโรงเตี๊ยมพลบค่ำรวมถึงอาหารเช้าฟรีหนึ่งเดือน!!” ชายหนุ่มวางตัวอย่างเย่อยิ่งแล้วประกาศออกมาด้วยเสียงอันดัง
พลันสิ้นเสียงก็มีผู้คนที่มุงดูเหตุการณ์อยู่ให้ความสนใจไม่น้อย เพราะโรงเตี๊ยมแห่งนี้น้อยคนนักจะเข้าพักได้ เนื่องจากค่าเข้าพักต่อคืนอันแพงระยับ แถมอาหารของที่นี่ก็นับว่าดีเทียบเท่าภัตตาคารหงส์เพลิงได้เลย
“พวกข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้ามีสิทธิ์ทำเช่นนั้นได้? เจ้าอาจจะหลอกใช้พวกข้าก็ได้” ผู้ฝึกตนมุงคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น สิทธิ์แบบนี้ใช่ว่าใครหน้าไหนก็จะมามอบให้ซี้ซั้วได้
“เหอะ! เจ้าพวกตาต่ำ ท่านผู้นี้เป็นถึงนายน้อยของโรงเตี๊ยมพลบค่ำเชียวนะ ท่านมีสิทธิ์อยู่แล้ว” หนึ่งในผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่มผู้เย่อหยิ่งกล่าวออกมา ท่าทางที่เขาแสดงออกเหมือนกับว่าเขากำลังพูดคุยกับคนชั้นต่ำกว่าทำให้มีหลายคนไม่ชอบใจแต่ก็ไม่กล้าแสดงออก
“เห้อ ข้าว่าเจ้ารีบไปจะดีกว่านะ ไม่อย่างนั้นคงบอบช้ำ กระดูกแตกหักไม่ใช่น้อย” ผู้ฝึกตนชรามุงคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มท่าทางเหมือนขอทานเบื้องหน้าจะเอาอะไรไปสู้ผู้ฝึกตนนับร้อยที่กำลังมุงดูเหตุการณ์อยู่ได้เล่า
“ไม่ต้องห่วงข้าหรอกท่านผู้เฒ่า แต่ข้ามีสิ่งหนึ่งที่อยากจะกล่าว...” ชายหนุ่มทำท่าทางเหมือนมีความลับจะเปิดเผย ทำให้ผู้คนต่างเงียบและตั้งใจฟัง
“เก่งจริงก็เข้ามา!!”
ครึ่งหลัง
[“ขอแสดงความยินดี...หลบการโจมตีครบหนึ่งหมื่นครั้ง”]
[ได้รับ ท่าร่างดาราจักร]
ท่าร่างดาราจักร (ระดับเซียน)
ความสามารถ : “วรยุทธใต้หล้า แพ้ชนะวัดที่ความเร็ว” ผู้ที่มีเคล็ดวิชาท่าร่างนี้และฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ จะมีประสาทสัมผัสเหนือล้ำยิ่งกว่าผู้ใดในใต้หล้า ถ้าท่านไม่ต้องการก็จะไม่มีสิ่งใดสัมผัสตัวท่านได้ หนึ่งการก้าวเท้าไปได้ไกลนับพันลี้
[“มีภารกิจแบบนี้ซ่อนไว้ด้วย? ท่าร่างนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าไม่เคยสัมผัสอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”] หลังผ่านการตะลุมบอนจากผู้ฝึกยุทธหมู่มาได้เกือบชั่วโมง ชายหนุ่มก็สำเร็จภารกิจที่ซ่อนไว้แบบไม่ตั้งใจ
ผู้คนโดยรอบรวมถึงคนจากฝั่งโรงเตี๊ยมที่เห็นว่าชายตรงหน้าไม่ยอมโต้ตอบ ก็พากันคิดว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะชายตรงหน้าต้องคอยหลบการโจมตีและป้องกันตัวจนไม่อาจทำอันใดได้ ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีใครที่สามารถบ่งบอกระดับการฝึกตนของชายตรงหน้าได้ แต่ทุกคนก็คาดว่าน่าจะเป็นเพราะชายตรงหน้ามีของวิเศษปิดบังระดับการฝึกตนมากกว่า พวกเขาจึงกล้าเข้าไปกลุ้มรุมเยี่ยงนี้
แน่นอนที่ไม่มีใครมองออกก็เพราะผู้ฝึกยุทธโดยรอบมีระดับปราณแค่ระดับหนึ่งและสองเท่านั้น จะมามองเห็นปราณระดับสี่ของเย่ซีได้อย่างไร
เวลานี้ทุกคนเลิกมองว่าชายหนุ่มที่ถูกล้อมรอบอยู่เป็นเพียงขอทานธรรมดาไปแล้ว จึงไม่มีใครกล้าประมาทแม้แต่น้อย ผู้เข้าประชิดตัวจะใช้อาวุธรุมโจมตีจากทุกทิศทาง วงหน้าก็มีผู้ฝึกยุทธคอยซัดพลังธาตุใส่
“เหมือนเขาจะมีบางอย่างเปลี่ยนไป” หนึ่งในผู้ฝึกยุทธมุงที่ไม่ได้ลงมือกล่าวขึ้นมาเมื่อเห็นว่าในตอนนี้ไม่มีใครสามารถโจมตีถูกตัวของชายหนุ่มได้แม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้ก็ยังมีการโจมตีที่สามารถเข้าถึงตัวได้บ้างแม้จะทำอันตรายอันใดไม่ได้
“หมดเวลาเล่นแล้ว..” เสียงดังขึ้นมาจากชายที่ถูกรุมโจมตีอยู่ แล้วร่างของชายตรงหน้าก็หายไปจากสายตาของทุกคน
อ๊ากกกก!
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่นมาจากทางโรงเตี๊ยม เมื่อหันไปมองก็พบเข้ากับร่างที่หายไปก่อนหน้านี้ กำลังจับมือข้างหนึ่งที่หักผิดรูปของนายน้อยโรงเตี๊ยมพลบค่ำอยู่
ร่างของนายน้อยคุกเข่าน้ำหูน้ำตาไหลกองอยู่กับพื้น แขนข้างที่เขาชี้สั่งการไปก่อนหน้านี้ ถูกหักกระดูกไปหลายสิบท่อน นิ้วมือบิดเบี้ยว ความเจ็บปวดอันมากล้มถาโถมเข้าใส่จนเขาแทบสิ้นสติไป
“เจ้าบังอาจใช้มือข้างนี้ชี้หน้าข้า สั่งการผู้คน เพราะเหตุนั้นข้อเลยขอหักมือของเจ้าสักเล็กน้อย”
“ข้าไม่ชอบความวุ่นวาย และไม่อยากลงมือมากนัก เจ้าจงบอกให้ทุกคนกระจายตัวออกไปเสีย ไม่อย่างนั้นข้าจะหักมืออีกข้างของเจ้า” เสียงเย็นชาดังออกมาจากปากของชายหนุ่มที่ปกติจะยิ้มแย้มตลอดเวลา เพราะเขาค่อนข้างจะเบื่อหน่ายอยากพักผ่อนเต็มทน
เดิมเขาก็ไม่ชอบสังหารคนพร่ำเพรื่อเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นทุกคนที่นี่ได้ไปอยู่ในท้องของฟิชกันหมดแล้ว
“ได้ ได้ ได้ ข้าขออภัยท่านด้วย” นายน้อยที่นั่งกองอยู่กับพื้นรีบรับคำทันที
“ไป ทุกท่านออกไปให้หมด! อย่าทำให้คุณชายท่านนี้ขุ่นเคืองอีกต่อไป ส่วนพวกเจ้าไปเตรียมห้องที่ดีที่สุด อาหารที่มีคุณภาพมากที่สุดในอาณาจักรนี้มาให้คุณชายรับประทาน” นายน้อยรีบสั่งการให้ผู้ฝึกตนของโรงเตี๊ยมไปทำงานทันที
เวลานี้เขารู้ตัวว่าเหยียบตอเข้าให้แล้ว ตัวเขาก็เป็นถึงผู้ฝึกตนระดับหนึ่ง ขั้นเก้า แถมผู้อาวุโสที่เป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของเขา ผู้ฝึกตนระดับสามขั้นสิบ นับว่าแข็งแกร่งมากในอาณาจักร เป็นรองแค่จักรพรรดิของอาณาจักรแห่งนี้และคนจำนวนน้อยเท่านั้น ก็ยังไม่อาจช่วยเหลืออะไรเข้าได้แม้แต่น้อย โดนตบไปกองอยู่ข้างเท้าเสียแล้ว