ตอนที่แล้วตอนที่ 16 ใครหาเรื่องตระกูลฉู่ ต้องตาย! (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 21/02/2567)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 18 ไปตลาดขายสินค้า (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 27/02/2567)

ตอนที่ 17 ชายขายเนื้อ (เปิดให้อ่านฟรีวันที่ 23/02/2567)


“เห้อ ทำไมไม่มีคนมาซื้อสินค้าเลย ลำบากจริงๆ” เย่ซีที่เดินเข็นรถอยู่ถอนหายใจออกมา

“ฟิช เจ้าว่าข้าควรทำยังไงถึงจะมีเงินเยอะๆกัน ขายของไม่ได้แบบนี้” ชายหนุ่มส่งกระแสจิตไปพูดคุยกับปลาที่ถูกใส่ไว้ในโหลเลี้ยงปลาหน้ารถเข็น

“ก่อนหน้านี้นายท่านได้สมบัติมาเยอะ ลองเอาไปขายน่าจะได้หลายผลึกขอรับ” เสียงของฟิชดังขึ้นในหัวของชายหนุ่ม

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนก็เพิ่งจะสังเกตว่าพอพลังปราณเลื่อนขึ้นมาเป็นระดับราชาปราณแล้ว พวกเขาสามารถใช้ลมปราณสื่อจิตพูดคุยกันไม่ให้คนนอกได้ยินได้

“ความคิดเข้าท่า ตอนนี้ข้ามีทั้ง อาวุธ ยา ของวิเศษ เนื้อสัตว์อสูรสิงโตยักษ์ งั้นเราไปขายเนื้อสัตว์ก่อน ปล่อยไว้นานกลัวมันจะเน่า” ชายหนุ่มคิดแล้วตอบกลับไป เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เก็บไว้ในแหวนมิติจะเป็นยังไง ผ่านไปนานเข้าจะหมดอายุไหม

“แต่จะไปขายที่ไหนล่ะ... ลองไปตามร้านอาหารก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วก็เข็นรถไปยังร้านอาหารที่เขาได้เดินทางผ่านมาก่อนหน้านี้

หลังจากชายหนุ่มได้มาถึงร้านอาหารขนาดกลางแห่งหนึ่ง หน้าทางเข้าตกแต่งได้น่าชม ร้านนี้ไม่ได้เป็นร้านที่หรูหราหรือดีที่สุดในเขตนี้ แต่ก็นับว่าเป็นหนึ่งในร้านที่ผู้ฝึกตนเลือกในการรับประทานอาหาร ที่เย่ซีเลือกร้านนี้เพราะอยู่ใกล้ที่สุดและรับซื้อเนื้อสัตว์อสูรก็เท่านั้น

“เอ่อ คุณชายมากันกี่ท่านขอรับ” เสียงพนักงานกล่าวทักทาย ถึงตอนแรกเขาจะมองด้วยความสงสัยในชุดที่ขาดวิ่นของชายตรงหน้า แต่ด้วยสปิริตการทำงานจึงปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว

“เปล่าหรอก ข้ามาขายเนื้อสัตว์ ไม่ทราบว่าทางร้านรับซื้อหรือไม่” เย่ซียิ้มให้แล้วตอบกลับ

“เรื่องนี้.. ท่านรอข้าสักครู่ ข้าจะไปสอบถามให้”

ผ่านไปสักครู่หนึ่งพนักงานก็เดินกลับมาพร้อมกับชายอ้วนในชุดพ่อครัวที่ทำสีหน้าหงุดหงิด หลังจากเดินมาถึงก็มองกวาดชายที่มากล่าวอ้างว่าขายเนื้อสัตว์ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ยาจกแบบนี้มันจะไปมีของดีอะไรมาขายกัน!” ชายอ้วนกล่าวอย่างดูถูก

“ไอ้หนู ร้านเราขายแต่เนื้อสัตว์อสูรนะ ไม่ขายเนื้อเป็ด เนื้อไก่ แกจะไปไหนก็ไป! เสียเวลาทำอาหารของข้าจริงๆ” ชายอ้วนยังคงดูถูกต่อไป

“ท่านฟังข้าก่อนได้ไหม ข้าไม่ได้มาขายเนื้อเป็ด เนื้อไก่สักหน่อย” ชายหนุ่มแย้งออกมา เขาเป็นคนที่ใจเย็นมาก ไม่อย่างนั้นคงถีบชายอ้วนตรงหน้าแล้ว

“แล้วเนื้ออะไร? เนื้อหมา? ไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปๆ ส่งแขก!!” กล่าวจบมันก็เดินกลับเข้าครัวไป ไม่สนใจชายยาจกที่ยืนอยู่อีก

คนรอบด้านต่างพากันหันมามองเพราะเสียงอันดังของพ่อครัวอ้วน เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็หัวเราะเยาะชายยาจกกันหมด ไม่มีใครคิดหรอกว่าชายหนุ่มแต่งตัวแย่แบบนั้นจะมีเนื้ออะไรดีๆมาขายได้

“เห้อ ขนาดเนื้อสิงโตอสูรระดับสามยังไม่เข้าตาอีกเหรอ สงสัยข้าจะคิดน้อยเกินไป” เย่ซีถอนหายใจแล้วกล่าวออกมา เมื่อคนรอบด้านได้ยินก็ยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปอีก เนื้อที่ดีที่สุดในร้านนี้ก็ยังเป็นแค่ของอสูรระดับสอง แล้วยาจกตรงหน้าของพวกเขาดันบอกว่ามีเนื้ออสูรระดับสามเนี่ยนะ อยากหัวเราะให้ฟันล่วงแล้วงอกใหม่ แล้วล่วงอีกทีจริงๆ

“ข้าต้องขอโทษท่านด้วยจริงๆขอรับ แต่ถ้าท่านมีเนื้ออสูรระดับสาม ข้าแนะนำว่าขอเชิญท่านลองไปที่ภัตตาคารหงส์เพลิงจะดีกว่าขอรับ มีแค่ที่นั่นกับตลาดนักล่านอกเมืองเท่านั้นที่มีกำลังพอจะซื้อของระดับนี้ไหว” พนักงานหนุ่มกล่าวขอโทษแทนร้านแล้วแนะนำออกมาอย่างเป็นมิตร เขาก็ไม่ชอบสิ่งที่ชายอ้วนทำ แต่พนักงานตัวเล็กๆแบบเขาจะทำอะไรได้

“เจ้าบอกที่ตั้งของภัตตาคารหงส์เพลิงให้ข้าหน่อยจะได้หรือไม่?” เย่ซีถามออกมา

“ได้ขอรับ ข้าจะวาดแผนที่คร่าวๆให้ท่านเลยก็แล้วกัน” ว่าแล้วพนักงานหนุ่มก็วาดแผนที่ให้ชายหนุ่มในทันที ถึงจะไม่ละเอียดนักแต่ก็น่าจะไปถึงโดยไม่หลงทาง ดูว่าภัตตาคารหงส์เพลิงจะอยู่แถวกลางเขต ห่างจากศาลายี่หลงที่เขาเคยไปก่อนหน้านี้ราวสามกิโลเมตร

“ขอบใจเจ้ามาก รับนี้ไป” ชายหนุ่มยื่นผลึกให้ไปหนึ่งก้อน

“นี่มัน มันมากเกินไปนะขอรับ” พนักงานกล่าวอย่างลนลาน เงินเดือนเขายังแค่ 20 เหรียญเงินเอง อย่างอาหารที่ขายในร้านแห่งนี้ส่วนใหญ่ก็จะใช้เหรียญเงินเท่านั้น เมนูเนื้อสัตว์อสูรระดับสองถึงจะคิดราคาเป็นเหรียญทอง

“ไม่ต้องคิดมาก ข้ารวย” เย่ซีกล่าวออกมาขณะเดินเข็นรถจากไป

หลังเดินเข็นรถมาอีกสักพักเขาก็มาถึงด้านหน้าภัตตาคารหงส์เพลิง สถานที่แห่งนี้ใหญ่โตและมีป้ายอักษรสลักสีทองสวยงานแขวนไว้ โทรของร้านจะออกสีแดง แต่งแต้มด้วยสีทอง ให้ความรู้สึกหรูหรา ยิ่งใหญ่

“มีอะไรให้ช่วยไหมขอรับ” ทหารยามที่เฝ้าประตูอยู่กล่าวถามออกมา ชุดเกราะสีเงิน ดาบเหน็บข้างเอว ดูเหมือนจะเป็นทหารที่มีฝีมืออยู่พอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ดูถูกชายที่สวมเสื้อผ้าขาดๆตรงหน้าเลย เพราะเขาเคยทราบมาว่ามีผู้สูงส่งหลายๆท่านก็ชอบแต่งตัวมอซอ ไม่สนภาพลักษณ์เดินทางไปทั่ว

ไม่แน่ว่าชายตรงหน้าของเขาอาจจะเป็นยอดฝีมือสักท่านหนึ่งก็ได้ เขาไม่กล้าแสดงกิริยาหยาบคายออกมาส่งเดช

“ข้ามาขายเนื้อสัตว์อสูรน่ะ เพิ่งโดนไล่ให้มาขายที่นี่ ไม่ทราบว่าเนื้ออสูรสิงโตระดับสาม พอจะเข้าตาร้านท่านบ้างไหม” เย่ซีกล่าวออกมา เขาไม่ได้คาดหวังมากนัก คิดในใจว่าถ้าไม่ได้ก็จะไปตลาดนักล่าแทน

“ท่านพูดจริงรึ? ถ้าอย่างนั้นเชิญตามข้ามาที่ห้องเก็บของได้เลยขอรับ ส่วนรถเข็นของท่านจอดไว้ข้างทางเข้าได้เลย เพื่อนของข้าจะช่วยดูให้เอง” หลังได้ยินดังนั้นทหารยามก็พาชายหนุ่มเดินเข้าประตูไปโดยไม่สนสายตาที่มองมาของคนรอบด้าน

เมื่อมาถึงห้องเก็บของ ทหารยามก็ให้ชายหนุ่มรอสักครู่ ก่อนที่เขาจะมีชายร่างบึกบัน หน้ามีรอยบากเดินใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูเข้ามาหา

“ท่านคือคนที่กล่าวว่าต้องการขายเนื้ออสูรระดับสามรึ?” ชายหน้าบากกล่าวถามออกมา ผ้ากันเปื้อนสีชมพู มันดูไม่เข้ากับบุคลิกของเขาสุดๆ

“ใช่ขอรับ เป็นอสูรสิงห์โต” เย่ซีกล่าวตอบ

“ถ้าอย่างนั้น ท่านเก็บเนื้อเอาไว้ที่ใด มีตัวอย่างมาด้วยหรือไม่ ให้ข้าส่งคนไปขนมาไหม” ชายหน้าบากถามต่อ เพราะไม่เห็นชายตรงหน้าของมันจะเอาอะไรติดตัวมาเลย

“ไม่ต้องหรอก นี่คือเนื้อที่ข้าเอ่ยถึง” ว่าแล้วชายหนุ่มก็สะบัดมือเรียกเนื้อสิงโตสี่ทรงเหลี่ยมก้อนใหญ่ยักษ์ เส้นผ่านศูนย์กลางราวๆหนึ่งเมตรออกมา

“น.. นี่มัน แหวนมิติ!” ชายหน้าบากสูดลมหายใจเข้าลึก ชายตรงหน้ามีแหวนมิติในครอบครองได้ ต้องมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาแน่ๆ

“เป็นเนื้ออสูรระดับสามจริงๆเสียด้วย แถมคุณภาพเนื้อก็ดีเยี่ยม รักษาความสดใหม่ได้ไร้ที่ติ พลังปราณที่แผ่ออกมาสามารถสัมผัสได้อย่างง่ายดาย” ชายหน้าบากเหมือนคนเสียสติ ลูบก้อนเนื้อตรงหน้าเหมือนได้เจอกับของล้ำค่าที่สุดในชีวิต

“มันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกมั้ง พวกท่านรับซื้อเนื้อสัตว์อสูรอยู่เสมอมิใช่รึ?” เย่ซีถามออกมาเมื่อเห็นท่าทางเกินจริงของชายตรงหน้า

“ปกติแล้วการที่จะไปล่าสัตว์อสูรแล้วเก็บเนื้อกลับมานั้น จะต้องมีผู้ฝึกตนที่ใช้ธาตุน้ำแข็งติดตัวไปด้วย เพื่อแช่แข็งเนื้อให้สดใหม่ที่สุด แต่ถึงจะทำเยี่ยงนั้นจากการเดินทางอันยาวนานก็ทำให้คุณภาพเนื้อเสื่อมถอยลงไปไม่น้อย มีน้อยครั้งนักที่จะได้เนื้อดีๆสักก้อน”

“แถมเนื้อก้อนนี้ก็ยังเป็นเนื้อของอสูรระดับสาม ที่อยู่ขั้นสูงแน่ๆ ไม่เหมือนอสูรระดับสามทั่วไป” ชายหน้าบากกล่าวสาธยายออกมายาวเหยียด

“แล้วท่านรับซื้อได้เท่าไหร่” ชายหนุ่มถามต่อ เขาไม่รู้ราคาซื้อขายหรอก แต่ก็แกล้งทำหน้าขรึมเหมือนรู้ไปอย่างนั้น

“เนื้อก้อนนี้ น้ำหนักน่าจะราวๆสองร้อยกิโล ปกติแล้วทางร้านจะซื้อเนื้อสัตว์อสูรระดับสามอยู่ที่กิโลละห้าผลึก แต่ดูจากความสมบูรณ์ และระดับขั้นของเนื้อก้อนนี้แล้ว ข้าให้ท่านกิโลละ สามสิบผลึกขอรับ!” ชายหน้าบากกล่าวออกมา

“ได้เลย งั้นเอาไปชั่งน้ำหนักกัน” เย่ซีตอบรับทันที แค่เนื้อก้อนเดียวก็ได้มาเกือบหกพันผลึกแล้ว ช่างเป็นรายรับที่มหาศาลยิ่งนัก

“ทั้งหมด 215 กิโล ข้าให้ท่าน 6,500 ผลึก”

“นี่เงินของท่านขอรับ” ชายหน้าบากคำนวณเงินออกมาเสร็จก็เดินออกไปแบกลังใส่ผลึกกลับมาให้กับชายหนุ่มเจ็ดลัง

หลังจากเย่ซีเก็บผลึกเข้าแหวนมิติเรียบร้อยแล้ว เขาก็สะบัดมือเรียกเนื้ออีกก้อนออกมา คราวนี้เป็นเนื้อก้อนใหญ่โตเกือบสิบเมตร ถ้าไม่ติดว่ากลับห้องนี้จะถล่มเขาคงเรียกทั้งหมดออกมาทีเดียวแล้ว

“แล้วก้อนนี้ท่านซื้อได้เท่าไหร่?” ชายหนุ่มยิ้มแล้วถามออกมา โดยไม่ได้สนใจชายหน้าบากที่อ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าแม้แต่น้อย...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด