ตอนที่ 17 การวิวัฒนาการของวิญญาณยุทธ์ สมบัติหายาก
ทันทีหลังจากนั้น เย่เฉินเห็นสัตว์วิญญาณที่มีสีแดงปนกับเหลืองที่มีปีกเป็นนกอินทรีและมีหัวเป็นวัวกำลังกินอาหารอยู่
“อสูรสีชาด!”
เย่เฉินรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งขึ้นมาในทันที
เดินทางมาถึงได้เดี๋ยวเดียวก็เจอแล้ว ช่างโชคดีจัง
ในเวลานี้อสูรสีชาดยังคงกินอาหารของมันอยู่นั้น และมันก็ไม่รู้ถึงการมาของเย่เฉินเลย
วงแหวนวิญญาณได้โผล่ออกมาจากเท้าของเย่เฉิน
หลังจากนั้นในทันที
"บูม!"
ด้วยเสียงลม หอกก็ได้แทงทะลุท้องฟ้าราวกับสายฟ้าสีดำในทันที
เงาหอกที่เกิดจากพลังวิญญาณที่ควบแน่นได้ฉีกอสูรสีชาดออกจากกันในทันที และแม้แต่สัตว์วิญญาณที่อสูรสีชาดกินไปครึ่งหนึ่งนั้นเองก็ถูกบดขยี้ไปด้วยเช่นกัน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับทักษะทะลวงโลกันตร์ ก็คือการหมุนตัวของหอก
เทียบเท่ากับว่าปลายหอกคือดอกสว่านที่หมุนด้วยความเร็วสูง
หลังจากถูกโจมตีแล้ว นอกจากอาการบาดเจ็บที่ทะลุทะลวงแล้ว ยังมีเอฟเฟกต์ฉีกขาดซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตเสียยิ่งกว่าอีกด้วย
เมื่อตัวที่พังยับเยินของอสูรสีชาดได้ตกลงมาจากต้นไม้ แสงสีฟ้าก็แวบขึ้นมาจากการ์ดในมือซ้ายของเย่เฉิน
ซึ่งหมายความว่าการสังหารอสูรสีชาดของเย่เฉินได้รับการบันทึกว่าประสบความสำเร็จไปหนึ่งตัวแล้ว
ทันใดนั้นเย่เฉินก็ค้นที่ตัวของอสูรสีชาดด้วยปลายหอก
"ไม่มีแก่นวิญญาณ"
เย่เฉินส่ายหัวและไม่สนใจมันต่อไป
แกนวิญญาณนั้นน่าจะถูกสร้างขึ้นมา และมันมีพลังวิญญาณจำนวนมากที่ควบแน่นโดยตัวสัตว์วิญญาณเอง
แม้ว่าวิญญาจารย์จะไม่สามารถดูดซับมันได้โดยตรง แต่ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นไอเทมฝึกฝนอย่างเช่นหินวิญญาณได้
“ยังเหลืออีก 4 ตัว”
หลังจากที่เย่เฉินพูดจบ เขาก็เริ่มเดินทางค้นหาทำภารกิจต่อไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
"ฮะ."
หลังจากล่าอสูรสีชาดได้อีกตัวแล้ว เย่เฉินก็ถูกดึงดูดด้วยเสียงการต่อสู้ในระยะไกลออกไป
หลังจากที่เย่เฉินเข้าไปใกล้อย่างเงียบ ๆ เขาก็ต้องผงะเล็กน้อย
เขาคิดว่าเป็นอสูรสีชาดอีกตัวที่ต่อสู้กับสัตว์วิญญาณตัวอื่นอยู่ แต่กลับกลายว่าเป็นนักเรียนจากค่ายฝึกพิเศษ
“นั่นเขาคือ...เจียงเส่าเหิงและโจวไคหรือเปล่านะ?”
แม้จะอยู่ห่างออกไป เย่เฉินก็ยังคงจำตัวตนของทั้งสองได้จากสีผมของเจียงเส่าเหิง และวิญญาณยุทธ์ของโจวไค
เย่เฉินเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลโจวในหยุนเฉิง เขตปกครองหลินเจียงมาก่อนแล้ว
ว่ากันว่าพวกเขานั้นเป็นตระกูลของทหาร ตระกูลโจวทั้งห้ารุ่นเป็นทหารเลือดเหล็ก ปู่ของเขา โจว เจิ้งกั๋ว นั้นไม่เพียงแต่เป็นผู้บัญชาการกองทหาร 100,000 นายของหยุนเฉิงเท่านั้น แต่ยังเป็นมหาอำนาจของนิกายวิญญาณที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย
ว่ากันว่าโจวไคเองก็จะสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยทหารหลงกั๋วด้วย เพื่อที่จะได้เป็นเป็นทหารต่อไปในอนาคต
และวิญญาณยุทธ์ของโจวไคนั้นก็คือวิญญาณยุทธ์สัตว์ ระดับห้าดาว หมีทรราชอัสนีบาต
หมีทรราชอัสนีบาตนั้นถือได้ว่าเป็นวิญญาณยุทธ์ที่สืบทอดมาจากตระกูลโจว และชนชั้นสูงของตระกูลโจวโดยพื้นฐานแล้วทุกคนต่างก็จะมีวิญญาณยุทธ์แป็น หมีทรราชอัสนีบาต
ในเวลานี้ ร่างของโจวไคล้อมรอบไปด้วยสายฟ้าสีเงินและมีออร่าที่น่ากลัวแผ่ออกมา
และเจียงเส่าเหิงที่ถือดาบสีดำนั้น ก็ไม่ได้เสียเปรียบเช่นกัน
เมื่อเทียบกับตอนคัดเข้าของค่ายฝึกพิเศษ ความแข็งแกร่งของทั้งคู่ก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งคู่ได้มาถึงระดับ 15 แล้วและดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถพร้อมที่จะเข้าสู่ระดับ 16 ได้ตลอดเวลา
ความเร็วนี้ช้ากว่าของเย่เฉินเพียงเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้วนั้นถือได้ว่าเร็วมาก
"ยังไม่มีผู้ชนะ"
เย่เฉินเฝ้าดูด้วยความสนใจจากพงหญ้าที่อยู่ห่างออกไป
การที่คนทั้งสองคนมาต่อสู้กันในภูเขาเสี่ยวหลงซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์วิญญาณนั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายเพียงแค่เรื่องผิดใจกันปกติอย่างแน่นอน
หรือว่าบางทีพวกเขากำลังต่อสู้กันเพื่ออะไรบางอย่าง
เป็นอย่างที่คาดไว้.
“เจียงเส่าเหิง เจ้ายอมให้ข้าเถอะ จะถือว่าตระกูลโจวได้ติดหนี้บุญคุณของเจ้า!”
เสียงของโจวไคทุ้มลึกและกลายร่างเป็นหมีทรราชอัสนีบาต
เจียงเส่าเหิงยิ้มเยาะ: "โจวไคข้าจะขอคืนคำพูดนี้ให้กับเจ้าเช่นกัน"
“โอ้ ไม่สิ ตระกูลเจียงจะถือว่าติดหนี้บุญคุณเจ้าสองครั้งเลยก็ได้”
แม้ว่าตระกูลโจวในหยุนเฉิงจะทรงพลังมาก แต่ตระกูลเจียงในลู่เฉิงนั้นก็มีอำนาจใกล้เคียงกัน
ประกอบกับความจริงที่ว่าทั้งคู่มีความสามารถอย่างมาก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลัวและยอมแพ้ซึ่งกันและกัน
เมื่อโจวไคได้ยินเช่นนี้จึงพูดว่า "เจ้าต้องการใช้ศิลาวิญญาณยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์นี้งั้นเหรอ?"
"นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วสิ"
น้ำเสียงของเจียงเส่าเหิงนั้นดูสงบ
ในระยะไกล เย่เฉินดูงงงวยเมื่อได้ยินคำว่า "ศิลาวิญญาณยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์" มันคืออะไรกันน่ะ?
จากนั้นเย่เฉินก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาและเริ่มค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของเย่เฉินก็เป็นประกายในทันที!
“เวร! เวร! มีของดีขนาดนี้ด้วยเหรอเนี่ย!?”
เนื่องจากความตื่นเต้น การหายใจของเย่เฉินจึงถี่ขึ้นอย่างมาก
ศิลาวิญญาณยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นหินแร่ผลึกที่หายากมาก
ยังไม่ทราบกลไกการก่อตัวของมัน แต่ตราบใดที่มันดูดซับพลังงานของมัน ก็สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับวิญญาณได้ในระดับหนึ่ง!
หากคุณภาพของวิญญาณยุทธ์อยู่ที่จุดสูงสุดของระดับดาวแล้ว มันก็สามารถพัฒนาวิญญาณยุทธ์ไปอีกขั้นได้เลยทีเดียว!
ตัวอย่างเช่น หากเย่เฉินได้รับศิลาวิญญาณยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้ วิญญาณยุทธ์อาวุธสี่ดาวของเขาอาจพัฒนาเป็นถึงวิญญาณยุทธ์อาวุธห้าดาวได้เลย
เมื่อคุณภาพของวิญญาณยุทธ์ได้รับการพัฒนาแล้ว พลังการต่อสู้ของมันก็จะได้รับการพัฒนาอย่างมากด้วยเช่นกัน
และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้มีความสามารถระดับสูงอย่างเจียงเส่าเหิงและโจวไค วิญญาณยุทธ์ของเย่เฉินก็จะไม่เสียเปรียบอีกต่อไป!
“สิ่งนี้…ข้าต้องเอามันมาให้ได้เลยล่ะ!”
เย่เฉินไม่ลังเลอีกต่อไปเลย
ก่อนหน้านั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสมบัติล้ำค่าเช่นศิลาวิญญาณยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้อยู่บนโลกนี้ด้วย
ตอนนี้เขาได้รู้และเจอมันแล้วก็ต้องเอามันมาให้ได้อย่างแน่นอน
คำถามเดียวคือจะได้มันมาได้อย่างไรกันนะ
หนึ่งต่อสอง เย่เฉินมีความมั่นใจที่จะชนะ
แต่หลังจากที่ชนะแล้ว เรื่องมันจะจบลงมั้ย?
เรื่องการฆ่านั้นเป็นไปไม่ได้ กฎของค่ายฝึกพิเศษได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่ากัน
ในทางกลับกัน แม้ว่าจะฆ่าใครสักคน ก็ไม่สามารถลบร่องรอยให้หายไปได้อย่างสมบูรณ์แบบได้
หากตรวจพบก็จะยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก
“ลืมมันซะแล้วรอดูสถาณการณ์ต่อไปก่อน ถ้ามันไม่ได้ผลก็แค่แย่งมันมาทีหลัง!”
เย่เฉินจ้องมองทั้งสองคนอย่างตั้งใจและพูดในใจ
การเอาชนะพวกเขาด้วยกำลังนั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่าการฆ่าพวกเขาอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งนี้ถือได้ว่าทักษะของพวกเขานั้นด้อยกว่าเพียงเท่านั้น
และเย่เฉินไม่ได้แย่งชิงสิ่งที่พวกเขามีอยู่แต่เดิมมาก่อนแล้ว แต่เป็นการแย่งชิงสิ่งที่พวกเขาเจอมันด้วยกัน
ในเวลานั้น แม้ว่าสองตระกูลใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาจะรู้เรื่องนี้ แต่ก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่ทำให้ตัวเองต้องอับอายอย่างแน่นอน
เมื่อตกลงได้ว่าจะใช้วิธีนี้ 10 นาทีก็ได้ผ่านพ้นไป
การต่อสู้ระหว่างโจวไคและเจียงเส่าเหิงยังคงพัวพันกันอย่างแยกไม่ออก
หมีทรราชอัสนีบาตของโจวไคสามารถควบคุมสายฟ้าได้และด้วยพลังในการโจมตีที่ทรงพลังและการป้องกันอันน่าทึ่ง
และดาบแห่งชีวิตและความตายของเจียงเส่าเหิงซึ่งเป็นอาวุธสายโจมตีระดับห้าดาว ที่มีพลังในการโจมตีที่แข็งแกร่งอย่างมาก
ภายใต้สถาณการณ์ของทั้งคู่ ไม่มีใครได้เปรียบไปกว่ากันเลย
เมื่อเย่เฉินกำลังจะลงมือนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้เกิดขึ้นซึ่งทำให้เย่เฉินนั้นรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก!