ตอนที่ 15 ทำป้ายแสดงตน
“ในนี้มีแมลงวันด้วยเหรอ เหม็นจริงๆ” เย่ซีเอามือปิดจมูกแล้วกล่าวออกมา
“แก จำไว้ ข้า ฉู่หมิง ไม่เอาแกไว้แน่” ว่าแล้วฉู่หมิงก็เดินออกจากห้องไป ถึงตระกูลเขาจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่กล้าก่อเรื่องในศาลากลางเขตถ้าไม่จำเป็น เพราะจะมีปัญหากับราชวงศ์ได้
“เชิญคุณชายหยดเลือดตรงนี้ขอรับ” หนักงานยื่นบัตรให้หนึ่งใบ เหมือนจะเป็นป้ายที่ทำมาจากไม้
หลังจากเย่ซีหยดเลือดลงไปมันก็ดูดซึมเข้าไปจนหมดบนแผ่นไม้ค่อยๆปรากฏตัวอักษรออกมา มันแสดงข้อมูลคร่าวๆให้เห็น
ชื่อ : เย่ซี
อายุ : 20 ปี
พลังปราณ : ระดับสี่ ราชาปราณ ขั้นห้า
สถานที่ลงทะเบียน : เขตยี่หลง อาณาจักรวูดเสธ
“ระ...ราชาปราณ!” พนักงานเผลออุทานออกมาก่อนจะรีบเอามือปิดปากทันที เขากลัวว่าจะสร้างความไม่พอใจให้กับชายตรงหน้า
ผู้คนโดยรอบต่างพากันหันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา เสื้อผ้าขาดๆก็ได้แต่คิดในใจว่า พนักงานชายตาฝาดรึเปล่า?
“ถ้าระดับพลังเพิ่มขึ้นแผ่นป้ายจะเปลี่ยนเองไหม?” เย่ซีถาม
“ไม่ขอรับ ท่านต้องหยดเลือดเข้าไปใหม่ มันถึงจะอัพเดทอายุ ระดับพลังของท่านเป็นล่าสุด” พนักงานชายตอบอย่างนอบน้อม
“ขอถามเจ้าหน่อย ถ้าข้าต้องการซื้อที่ดินต้องทำอย่างไรบ้าง” เขาถามสิ่งที่สงสัยออกมา เพราะนึกได้ว่ามีภารกิจที่ระบบมอบหมายให้
“ถ้าที่แห่งนั้นมีผู้ครอบครองอยู่แล้ว ท่านก็เพียงเจรจาซื้อขายหรือใดๆให้ได้เอกสิทธิ์ในที่ผืนนั้น แล้วมายืนยันการโอนสิทธิ์ที่ศาลากลางเขต ณ ที่ผืนนั้นอยู่ทั้งสองฝ่ายก็ใช้ได้แล้วขอรับ”
“หรืออีกอย่างหนึ่งก็คือหาซื้อที่ดินเปล่าจากที่ทางราชการปล่อยขายก็ได้ขอรับ ส่วนใหญ่จะขายกันผ่านทาง ศาลาสมบัติมังกร เป็นสถานที่จัดงานประมูลที่ใหญ่ที่สุดของเขตนี้แล้วขอรับ” พนักงานชายให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ บริการทุกความประทับใจ ยังไม่นับเรื่องที่เขายกน้ำชามาให้เย่ซีกินทั้งๆที่ถ้าเป็นผู้อื่นมาใช้บริการจะไม่มีแม้แต่การพูดจาสุภาพด้วยซ้ำ
“ขอบคุณมาก ข้าขอตัวก่อน” ว่าแล้วก็เดินออกจากศาลาแห่งนี้ไปยังจุดที่เขาจอดรถเข็นเอาไว้ ตลอดทางมีแต่คนมองมายังชายหนุ่มเพราะชุดขาดวิ่นที่เขาสวมใส่
“ไปไหนต่อดีนะ ก่อนอื่นหาที่พักก่อนก็แล้วกัน” หลังจากเดินมาถึงรถเขาก็เปิดแผนที่ของระบบออกดู ในแผนที่มีรายละเอียดของเมืองนี้เท่าที่เขาเคยเดินผ่านแสดงออกมา
ขณะที่เดินเข็นรถไปตามทางได้สักพัก เย่ซีก็เลี้ยวเข้าไปยังซอยที่รกร้าง ไร้ผู้คนผ่านไปมา ความจริงเขาสัมผัสได้นานแล้วว่ามีคนแอบตามเขาอยู่
“พวกมันไม่เห็นตอนที่ข้าทำป้ายรึไงนะ ปราณระดับสี่ยังกล้ามาหาเรื่องอีกรึ?” ชายหนุ่มคิดในใจ แต่ก็นึกออกว่าไอ้คนชื่อฉู่... อะไรสักอย่างมันรีบร้อนออกไปก่อนเขาจะทำป้ายเสร็จ ก็คงไม่แปลกถ้าจะไม่ทันได้เห็น
“ออกมาเถอะ ข้าต้องไปหาที่พักอีก ยิ่งอารมณ์ไม่ดีเพราะไม่มีคนซื้อของอยู่ด้วย” ตลอดทางที่เขาเข้าเมืองมา แม้จะมีผู้คนถูกดึงดูดมาสอบถามสินค้าบ้าง แต่เนื่องจากราคาที่แพงเป็นอย่างมากทำให้ไม่มีใครกล้าซื้อเลย ส่วนตัวเขาเองก็ไม่อยากจะใช้สกิลขายตรงยัดสินค้าให้ทดลองตอนนี้ เพราะกลัวคำนวณพลาดมีคนตัวระเบิดตายจะซวยเอา
“เก่งไม่เบานี่ ไอ้หน้าอ่อน รู้ซะด้วยว่าพวกข้าลอบตามมา”
พลันสิ้นเสียงก็มีกลุ่มคนนับสิบเดินออกมาจากมุมมืดที่ซ่อนอยู่ พวกนั้นพากันพกอาวุธมาทุกคน บ้างก็เป็นมีด บ้างก็เป็นดาบ บางส่วนก็เป็นธนู
“ก็บอกแล้วว่า แมลงวันอย่างพวกแกมันเหม็นไง ไม่อยากจะรับรู้ก็ยากจะทำ” ชายหนุ่มเอามือปิดจมูกพลางกล่าวเสียดสีออกมา
ครึ่งหลัง
“ปากดีนักนะไอ้ยาจก อย่าคิดว่าวันนี้จะรอดไปได้ล่ะ!” ฉู่หมิงตวาดใส่ชายตรงหน้าของมัน ถึงจะแปลกใจที่ทำไมยกจาตรงหน้ายังดูสงบนิ่งได้ทั้งๆที่อยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ แต่มันก็คิดว่าคงเป็นเพราะกลัวจนทำอะไรไม่ถูกหรือเก็บอาการซะมากกว่า
“ที่แท้ก็หัวหน้าแมลงวันนี่เอง พามาแต่พวกขยะ คิดว่าจะทำอะไรได้?” เย่ซีกล่าวออกมา เขาตรวจสอบทุกคนที่มาดักล้อมเรียบร้อยแล้ว มีฝีมือมากที่สุดก็อยู่ที่ระดับนักรบ ขั้นสิบ ตัวเขาขี้เกียจจะชายตามองด้วยซ้ำ
“ส่งของมีค่ามา ไม่สิ หน้าอย่างเจ้าจะมีของมีค่าอะไร ส่งแหวนมิติ รถเข็น ทุกสิ่งที่เจ้ามีมาซะ” ฉู่หมิงตะโกนสั่งออกมาเสียงดัง
“หลังจากส่งมาแล้วถ้าเจ้าไม่อยากตาย ก็หมอบลง คลานรอดหว่างขาพวกข้าทุกคน เห่าเหมือนหมาร้อยครั้ง แล้วเลียรองเท้าข้าให้สะอาด ข้าจะใจดีปล่อยไปก็ได้นะ”
ฮ่าฮ่าฮ่า
หลังฉู่หมิงพูดจบ ทุกคนก็พากันหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ใช่แล้ว ทุกคน รวมถึงเย่ซีก็หัวเราะออกมาด้วย นั่นทำให้ฉู่หมิงรู้สึกประหลาดใจ ไอ้ยาจกตรงหน้าของมันเป็นบ้ารึ?
“เฮ้ย เจ้าจะหัวเราะตามพวกข้าทำไม อยากตาย?” มันถามเสียงเย็น
“ก็แค่ตลกดี วิธีของเจ้าไม่ไม่เลวเลย” เย่ซีลูบเคลาที่ไม่มีอยู่สักเส้นแล้วกล่าวออกมา
“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากตาย ก็หมอบลง คลานรอดหว่างขาของข้าให้หมดทุกคน เห่าเหมือนหมาร้อยครั้ง เลียรองเท้าข้าให้สะอาด ข้าจะใจดีตัดแขนและขาอย่างละข้างแล้วปล่อยไปก็ได้นะ” ชายหนุ่มเลียนแบบคำพูดก่อนหน้านี้ของฉู่หมิง ทำให้อีกฝ่ายเริ่มทนไม่ไหว
“ในเมื่อเหลือทางรอดให้ไม่ชอบ อยากลงนรก ก็ตายซะเถอะ!”
สิ้นเสียงก็มีชายฉกรรจ์ห้าคนพุ่งตัวเข้าใส่ชายยาจกพร้อมอาวุธครบมือ พวกมันลงมือสอดประสานกันได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะหนีออกทางไหนก็ไม่มีทางรอดไปได้ แถมยังมีผู้ใช้ธนูคอยยิงมาเสริมให้อีก แต่พวกมันไม่ได้จะรีบฆ่ายาจกตรงหน้า เพราะคุณชายสั่งว่าให้จับกลับไปขังไว้ทรมานค่อยฆ่าทิ้ง
ฉูดดด อ๊ากกกก
เมื่อชายฉกรรจ์ทั้งห้าใกล้จะเข้าถึงตัวชายหนุ่ม ก็มีบางสิ่งบินออกมาจากรถเข็น พุ่งเข้าใส่มือข้างที่ถืออาวุธของแต่ละคนจนทำให้มือข้างนั้นขาดออกทันที เลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากปากแผลกระเด็นไปทั่วบริเวณ ธนูที่ถูกยิงเข้ามาก็ถูกทำลายจนหมด
“กะ..เกิดอะไรขึ้น”
“ข้าเห็นเหมือนมีบางอย่างพุ่งเข้าใส่ หลังจากนั้นมือทุกคนก็ขาดออก”
“มันคืออะไรกัน!”
ทุกคนตกอยู่ในอาการตกใจ เพราะไม่มีใครเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไอ้พวกกระจอก สู้ท่านปลาตัวนี้ก็ไม่ได้ ฝีมือแค่นี้ริอาจจะทำร้ายคุณชายผู้สูงส่งของข้ารึ?” เสียงฟังดูเย่อหยิ่งดังขึ้นดึงดูดความสนใจของผู้คน
เมื่อหันไปมองยังต้นเสียง ก็พบเข้ากับ ปลาตัวหนึ่งขนาดเท่าฝ่ามือ กำลังยืน? ไม่สิ ใช่หางยกตัว เชิดหน้า ยกครีบหน้ากอดอก ทำตัวเหมือนสูงส่งอยู่
“ถึงเลือดเนื้อพวกเจ้ารสชาติจะเต่าถุยไปบ้าง แต่ก็ยังดีกว่ากินหญ้า กินดิน พอถูไถไปได้” พอสังเกตให้ดีจะพบว่ามีเลือดไหลย้อยออกมาจากปลาตัวนั้น มันนี่เองตัวการของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“ตัวบ้าอะไรวะ!” ฉู่หมิงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว คนที่มันพามามีแต่ยอดฝีมือระดับนักรบเลยนะ แต่โดนไอ้ปลาโง่ตัวนึงจัดการลงได้ง่ายๆแบบนี้
“จะเอายังไงต่อ หัวหน้าแมลงวัน?” เย่ซียิ้มออกมาแล้วหันไปถามฉู่หมิง น้ำเสียงบ่งบอกถึงความเป็นมิตร
“ไหนๆก็มากันแล้ว ไม่ต้องกลับไปกันหรอกเนอะ...”