ตอนที่แล้วตอนที่ 13 สินค้าใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 ทำป้ายแสดงตน

ตอนที่ 14 หาที่ดินเปิดร้าน


“ผลึก ผลึกทั้งนั้น หึหึ” เย่ซีดูจำนวนผลึกที่มีอยู่ตอนนี้แล้วยินดีอยู่ในใจ แค่คืนเดียวก็ได้มา 4,000 ผลึกแล้ว

“ชื่อเสียงก็ขึ้นมาเป็น 120 เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย”

“ระบบ ป้ายนี้มันมีเอฟเฟคเกินจำเป็นไปหน่อย ปรับความสามารถมันลงได้ไหม ถ้าไปไหนมาได้แล้วมีแต่คนเดินตาลอยเข้ามาหาคงลำบากแย่” นึกขึ้นได้ว่ามันน่ากลัวเกินไป ชายหนุ่มจึงกล่าวถามกับระบบ

“โฮสสามารถปรับได้ด้วยตนเอง” ระบบตอบกลับมา

“ไหนดูสิ ปรับลงๆ ดึงดูดสายตาเฉยๆ โอเค เรียบร้อย” หลังจากปรับความสามารถของป้ายร้านด้วยหน้าต่างที่แสดงขึ้นมาเรียบร้อย เขาก็ไปนั่งมองท้องฟ้าต่อ

“ท่านเย่ซี อาหารพร้อมแล้ว” มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินถือชามไม้ใส่อาหารมาให้ ชายหนุ่มจึงยื่นมือไปรับแล้วกล่าวขอบคุณ ทำให้หญิงสาวหน้าแดงก่อนจะรีบขอตัวกลับไป

“อร่อยใช้ได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าอาหารจากถังขยะที่ต้องคุ้ยกินจากโลกที่แล้วเยอะ”

เขานึกถึงอดีตที่ต้องหลบๆซ่อนๆ งานก็ไม่มี เงินไม่ต้องพูดถึง ของกินก็ได้แต่ไปคุยถังขยะหรือแอบขโมยของเหลือจากชาวบ้าน

ผ่านไปอีกสองวัน

กำแพงเมืองขนาดใหญ่มโหฬารก็ปรากฏให้เห็นในสายตา กำแพงสีขาวสะอาดให้ความรู้สึกสะอาดตา แต่ไม่อาจทำลายได้ นี่คือกำแพงที่ทอดยาวครอบคลุมทั้งอาณาจักรวูดเสธ ผ่านการสู้รบมาหลายร้อยปี แต่ก็ยังคงยืดหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้

“มีตรวจอะไรด้วย?” เย่ซีที่กำลังเข็นรถกล่าวถามซูไห่ที่อยู่ในรถม้าด้านข้าง ตอนนี้เขาลงจากหลังฟิชแล้วให้มันแปลงร่างเป็นปลาตีนตัวเล็กแทนเพื่อไม่ให้สะดุดตา

ด้วยสายตาที่ได้รับการปรับปรุงมาตลอดจากระบบ ชายหนุ่มเห็นว่าที่ด้านหน้าสุดของแถวอันยาวเหยียด มีทหารคอยตรวจสอบสัมภาระ และบัตรอะไรสักอย่างอยู่

“การจะเข้าอาณาจักรจะต้องตรวจบัตรก่อน เพื่อป้องกันพวกโจรผู้ร้ายขอรับ” ซูไห่มองไม่เห็นถึงด้านหน้าสุดแต่ก็จับใจความที่ชายหนุ่มด้านข้างถามได้ จึงตอบกลับไป

“แต่ข้าไม่มีบัตรอะไรนั่นนะ” เย่ซีตบๆตามตัวแล้วกล่าวตอบ

“อะ.. ไม่ต้องห่วงขอรับ ข้าจะจัดการให้” ซูไห่อึ้งไปนิดหน่อยแต่ก็รับปาก

หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงคิวของขบวนตระกูลซู ทหารที่ทำหน้าที่ตรวจสอบก็ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ผ่านไปได้ด้วยดี จนมาถึงคิวของเย่ซี

“ขอตรวจค้นรถหน่อย แสดงบัตรประจำตัวด้วย” ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาจะตรวจค้นรถ แต่ซูไห่ได้ลากเขาเข้าไปคุยข้างๆก่อน

“ผ่านได้” ไม่รู้ว่าไปคุยกันแบบไหน เย่ซีถึงได้ผ่านเข้าเมืองอย่างง่ายดาย

ถึงแม้คนรอบข้างจะสงสัย แต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ในโลกนี้อำนาจ พลัง ถือเป็นใหญ่ ใครอ่อนแอก็อยู่ยาก ไม่นับเป้นเรื่องแปลกอะไร

“อา.. สวยจริงๆ” หลังผ่านประตูเมืองเข้ามาได้ เย่ซีก็ได้เห็นสภาพแวดล้อมของบ้านเมืองในโลกนี้ ส่วนใหญ่จะคล้ายๆหมู่บ้านในจีนชนบท แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งจอมยุทธ เขารู้สึกชอบมันมากกว่าโลกที่เต็มไปด้วยบ้านปูน คอนโดสูงระฟ้า และเทคโนโลยีมากนัก

“ท่านเย่ซีมีแผนจะอันใดต่อ สนใจจะไปที่ตระกูลของข้าไหม” ซูไห่กล่าวถาม

“ไว้คราวหลังก็แล้วกัน ข้าอยากจะสำรวจเมืองสักหน่อย” ชายหนุ่มบอกปัดไป ซูไห่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เขาส่งมอบศิลาให้ก้อนหนึ่งก่อนจะบอกว่ามันคือศิลาแสดงตำแหน่งของตัวเขา ถ้าชายหนุ่มเดือดร้อนอะไรให้มาหาเขาได้ทุกเมื่อ

“ขอบคุณ ถ้ามีวาสนาเราคงได้พบกันใหม่” เย่ซีกล่าวจบเขาก็เดินจากมา

[ส่งมอบภารกิจ....หาที่ดินเปิดร้าน]

รายละเอียด : บางคราคนเราก็ควรจะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง กรุณาหาที่ดินเพื่อทำการเปิดร้านค้าสักแห่งภายในอาณาจักรวูดเสธแห่งนี้

ระยะเวลา : 4 สัปดาห์

รางวัล : ร้านเซียนรับจ้าง

เขาไม่ได้วางแผนอะไรไว้ แต่ที่แรกที่ต้องไปก็คือศาลากลางเมือง เพราะซูไห่บอกว่าบัตรแสดงตัวตน จำเป็นต้องมีไว้ไม่อย่างนั้นทำอะไรก็จะลำบากไปหมด

“น้ำเต้าหู้จ้า! น้ำเต้าหู้ร้อนๆ” พ่อค้าที่สวมผ้าโพกหัว เหงื่อท่วมร่าง ตะโกนขายน้ำเต้าหู้สีเหลืองทองอยู่ข้างทาง

“ผัก ผลไม้ สดๆจากไร่เลย แวะมาดูได้” แม่ค้าที่ตั้งแผงขายผักผลไม้ ตะโกนเรียกลูกค้า

“พี่ชายท่านนั้น สนใจเคล็ดวิชาลับไหม ข้าบังเอิญไปได้มาขายให้ถูกๆเลย” ชายหน้าตาเจ้าเล่ห์เดินขายของให้ผู้คน

บรรยากาศเต็มไปด้วยความครึกครื้น มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยสิ่งแปลกตา ร้านค้า ร้านอาวุธ โรงเตี๊ยม ร้านอาหาร คนขายของริมทาง ชาวบ้านธรรมดา ผู้ฝึกตน เต็มไปหมด

“ข้าขอซื้อซาลาเปาไส้เนื้อสิบลูก” เย่ซีเดินเข้าไปซื้อซาลาเปาจากร้านข้างทาง หลังจากรับถุงซาลาเปามาจากพ่อค้าแล้วชายหนุ่มก็หยิบมากินทันที ความจริงราคาแค่ไม่กี่เหรียญทองแดง แต่ด้วยยังไม่ได้แลกเงินมาพระเอกเลยให้พ่อค้าไปหนึ่งผลึกแทน

“อร่อยแหะ ถึงจะเป็นแค่อาหารธรรมดา แต่ข้าก็ชอบมัน”

“พ่อค้า ท่านพอจะทราบทางไปศาลากลางเมืองหรือไม่” หลังกินหมดไปลูกนึงจึงเอ่ยถามทางกับพ่อค้าไป

พ่อค้าก็ใจดีบอกทางโดยละเอียดให้ ชายหนุ่มจึงเดินไปถึงที่หมายได้โดยไม่หลงทาง แต่ก่อนจะไปศาลากลางชายหนุ่มตัดสินใจแวะโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อหาข้อมูล หลังจ่ายเงินให้เสี่ยวเอ้อไป ตอนแรกที่เห็นว่าเขาสั่งแค่น้ำชาก็ทำท่าไม่อยากจะให้บริการเท่าไหร่ แต่พอจ่ายไปหนึ่งผลึก ก็บอกข้อมูลทุกอย่างที่เขาอยากรู้ให้ทันที

เมื่อทราบสิ่งที่ต้องการแล้วเย่ซีจึงเดินทางต่อ พอไปถึงที่หมายเขาก็พบกับอาคารขนาดใหญ่หน้าประตูมีทหารเฝ้าอยู่สองนาย ด้านบนแขวนป้ายอักษรเขียนว่า ศาลายี่หลง

ด้วยความที่อาณาจักรแห่งนี้ใหญ่โตนัก จึงแบ่งการปกครองออกเป็นหลายเขต แต่ละเขตก็จะมีผู้ครองเขตต่างกันไปซึ่งเขตที่อยู่ติดกับป่าที่ซึ่งเย่ซีเพิ่งเดินทางมาก็คือเขตยี่หลงที่ตระกูลซู กับ ตระกูลฉู่ครองอยู่ ทั้งสองตระกูลต่างแก่งแย่งกันมานาน ชิงดีชิงเด่นกันทุกด้าน แต่ก็ยังไม่มีใครได้เป็นเจ้าผู้ครองเขตนี้ไป

“ค่าลงทะเบียน 50 เหรียญเงิน” เจ้าหน้าที่กล่าวกับเย่ซีหลังจากที่ต่อคิวอยู่นาน

“ข้าไม่มี...” นึกขึ้นได้ว่า เขามีแต่ผลึกจึงได้แต่ด่าตัวเองในใจที่ไม่หาแหล่งแลกเหรียญต่างๆมาก่อน

“อะไรกัน แค่เหรียญเงินก็ยังไม่มี ยาจกแบบนี้ใครปล่อยเข้ามากัน หลบทางไป!” ยังไม่ทันจะพูดจบก็มีเสียงที่ฟังดูน่ารำคาญดังมาจากด้านหลัง

พอหันไปมองก็พบเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่ง ท่าทางดูเย่อหยิ่ง มองก็รู้ว่าคงเป็นลูกคุณหนูของสักตระกูลที่ถูกตามใจมานาน ใส่ชุดสีน้ำเงินดูหรูหรา แตกต่างจากชุดของเย่ซีที่เป็นชุดผ้าฝ้ายขาดๆ

“แล้วเจ้ายุ่งอะไรด้วย?” เย่ซีถามกลับไป ทำให้ใบหน้าของชายคนนั้นเริ่มแดงขึ้นด้วยความโกรธ ยาจกตรงหน้ากล้ามาต่อปากต่อคำกับเขาที่เป็นคนของตระกูลฉู่เนี่ยนะ

“เหอะ ทำมาปากดี แค่ 50 เหรียญเงินยังไม่มีปัญญาจ่าย ชุดก็ขาดรุ่งริ่งแบบนี้ไปขอทานให้ได้ครบก่อนค่อยมาดีกว่าไหม?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

ผู้คนรอบข้างที่ได้ยินเสียงดังก็พากันหันมาดู เมื่อเห็นว่าอาจจะมีเรื่องเกิดขึ้นจึงพากันมุงเข้ามา เพราะชายคนที่กำลังเยาะเย้ยยาจกตรงหน้าเป็นคนของตระกูลฉู่เชียวนะ ใครไม่รู้บ้างว่าตระกูลนี้อันธพาลขนาดไหน

“ประสาทรึ? เจ้าหน้าที่ ข้าไม่มีเหรียญเงิน...”

“แต่ข้ามีผลึก ใช้แทนกันได้ไหม?” ว่าแล้วเขาก็เรียกผลึกออกมาจากแหวนมิติแล้วส่งให้ตรวจสอบดู

ทุกคนต่างพากันเงียบกันหมด ผลึกไม่นับว่าหายากอะไร เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตนทุกคนต่างก็มีกัน แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือแหวนมิติ เพราะคนที่จะครอบครองได้มีน้อยคนนัก มันหายากมาก แม้แต่ในตระกูลฉู่ก็ยังมีแค่ไม่กี่คนที่มีในครอบครอง

“ดะ.. ได้ๆ ได้ขอรับ” เจ้าหน้าที่รีบกล่าวตอบทันที มีแหวนมิติในครอบครองแบบนี้ บุรุษตรงหน้าของเขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

“แก... ไอ้ยาจก แกไปขโมยแหวนของใครมาใช่ไหม สภาพอย่างแกจะไปมีของแบบนั้นได้ยังไง!” คนตระกูลฉู่ที่รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าจึงตะโกนออกมาทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด