Chapter 296 เจ้านิกายเซิ่งซวน.
เห็นอาวุโสจินที่ตั้งรับ ยกแขนขึ้นป้องกันค้าง สั่นระริก เหล่าชาวยุทธ์ที่จ้องมองตะลึงงัน.
ความแข็งแกร่งนี้คืออะไร ถึงกับโจมตีบรรพชนยุทธ์ขั้นที่แปดให้อยู่ในสภาพอนาถเช่นนี้ได้.
“ไม่ต้องป้องกันแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “เปิ่นจั้วหยุดแล้ว.”
อาวุโสจุนที่ตื่นตระหนก ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โจมตีมาแล้ว อีกฝั่งที่ยืนมองเขาที่ขอบลานยุทธ์ ดังนั้นเวลานี้เขาจึงรู้สึกอับอาย จนใบหน้าแดงกล่ำ.
น่าขายหน้ายิ่งนัก!
ช้าก่อน!
เขายืนอยู่ขอบลานยุทธ์?
แล้วข้าล่ะ?
อาวุโสจินที่จ้องมองไปยังด้านล่าง พบว่าตัวเอง ออกนอกเวทีไปแล้ว ยืนอยู่บนพื้นด้านนอก.
หืม?
นี่ข้าพ่ายแพ้เจ้าสำนักจุนอย่างงั้นรึ?!
อาวุโสจินที่สูดหายใจเข้าสั้น ๆ หอบ ๆ จิตใจของเขาถูกโจมตี ร่างกายของเขาท้องใส้ปั่นป่วน ที่ลำคอมีโลหิตกำลังวิ่งมาอันกันอยู่ ก่อนที่เขาจะพ่นโลหิตคำโต ร่างกายถอยหลังสองสามก้าวทรงตัวไม่อยู่ เกือบที่จะล้มไปกองอยู่บนพื้น.
บรรพชนยุทธ์ขั้นที่แปดที่น่าเกรงขาม ถูกบรรพชนยุทธ์ขั้นที่สองทำร้าย น่าอาย น่าอายเกินไปแล้ว!
“อาวุโสจิน.”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้ม ยกมือประสานไปด้านหน้า “เจ้าปล่อยให้ข้าชนะแล้ว!”
“ติ๊ง! สำเร็จภารกิจสนับสนุน ได้รับ 500 แต้ม.”
“ติ๊ง! แต้มสนับสนุน: 3205 / 2000.”
“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุนเกิน ขอให้โฮสน์ใช้ภายใน 24 ชั่ว......”
ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่ออาวุโสจินท้าประลอง เกิดการกระตุ้นภารกิจสนับสนุนขึ้นมาทันที.
ราวกับว่าระบบได้คำนวณไว้แล้ว ภารกิจดังกล่าวจึงไม่ไช่ภารกิจระดับสูง.
เฮ้อ.
ข้าก็บอกไปแล้ว.
ไม่เพียงแค่แสวงหาความอับอายอาย ยังมอบคะแนนสนับสนุนให้กับข้าอีก 500 แต้ม ....วันนี้เฮงจริง ๆ!
จุนซ่างเซียวที่เผยความตื่นเต้นดีใจอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก.
หากรวมภารกิจมหากาพย์ทั้งสามแล้ว เขาได้รับแต้มสนับสนุนถึง 3 พันแต้ม กับการเดินทางมายังนิกายเซิ่งชวนครั้งนี้.
ร่ำรวย เขารู้สึกตัวเองมั่งคั่งเป็นอย่างมาก!
มันยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว.
คะแนนสนับสนุนที่ล้น 1205 แต้ม เขาสามารถใช้ได้อย่างไม่ต้องคิด!
“อาวุโสจิน.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานไปด้านหน้า “เปิ่นจั้วนำศิษย์กลับได้รึยัง?”
สายตาของเขาเวลานี้ไม่ได้เผยท่าทางร้อนรน ว่ากล่าวล้อเลียนอีกฝ่าย!
อาวุโสจินที่ยืนอยู่นอกเวที กำหมัดแน่น ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นโลหิตที่ปูดโปนแทบจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด.
การประลองครั้งนี้ เขาที่เปิดโอกาสให้เหล่าชาวยุทธ์เข้ามาดูเพื่ออะไร?
ไม่ใช่ต้องการบอกให้ทั้งโลกรู้หรอกรึ? ว่าใครกล้าท้าทายนิกายของพวกเขา ต้องชดใช้ด้วยราคาที่สูงล้ำ.
ท้ายที่สุด.
กับกลายเป็นว่าได้เชิญชาวยุทธ์มาดูความอับอายของตัวเอง ถูกทุบอย่างอนาถ!
ไม่ต่างจากการเชิญผู้คนมา รับรู้ความอัปยศของพวกเขาเลย.
หากว่าข่าวดังกล่าวนี้แพร่ออกไป แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องการเป็นที่หัวเราะเยาะอย่างแน่นอน!
หากว่าสี่พี่น้องตระกูลเหว่ยยังมีชีวิตอยู่ ยืนอยู่ด้านหน้าเขาตอนนี้ อาวุโสจินคงฟาดตบหน้าให้คนเหล่านี้ตกตายไปอย่างไม่ลังเล.
ทำไม?
เพราะพวกเขาเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด!
“การประลองของศิษย์และการประลองของคนระดับสูงต่างก็จบแล้ว.”
หม่าหยงหนิงที่ก้าวออกมา เอ่ยปากออกไปว่า “ในความเห็นของข้า เรื่องการประลองควรจะจบเพียงเท่านี้.”
นิกายเซิ่งชวนพ่ายแพ้หมดรูป ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำได้แล้ว.
“อาวุโสจิน.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานไปด้านหน้า “พวกเราต้องเดินทางไกล เปิ่นจั้วคงไม่อยู่กินอาหารด้วย ขอกล่าวลาตรงนี้เลยก็แล้วกัน!”
“......”
ทุกคนที่มุมปากกระตุก.
เฮ้ สหาย เจ้าทุบตีคนของนิกายเซิ่งชวนจนอยู่ในสภาพอนาถขนาดนี้ หากยังกล้าอยู่กินอาหารอีก เกรงว่าคงมีการคว่ำโต๊ะอาหารเย็นกันแน่!
“พวกเรากลับ.”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยเสียงดัง เตรียมที่จะพาทุกคนจากไป ทว่าจากภายในห้องโถงใหญ่ เสียงที่เคร่งขรึมก็ดังขึ้นมาในทันที “เจ้าสำนักจุน โปรดรอสักครู่.”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ริ้วแสงที่เคลื่อนไหวราวกับมังกรเป็นเส้น ร่อนลงมาที่ลานยุทธ์.
ชายชราที่สวมชุดคลุมยาว รูปร่างคล้ายกับคนมีอายุ 70 ปี ผมขาว หนวดขาว ร่างกายที่แผ่กลิ่นอายสูงศักดิ์ออกมา.
“คารวะเจ้านิกาย!”เหล่าอาวุโสนิกายเซิ่งชวนพร้อมศิษย์ต่างก็แสดงความเคารพออกมาในทันที!
หม่าหยุนเถิงที่ขมวดคิ้วไปมา.
ในเวลานี้เข้าขั้นวิกฤติแล้ว เจ้านิกายเซิ่งชวนปรากฏขึ้น เกรงว่าคงไม่ยอมง่าย ๆ แน่!
จุนซ่างเซียวที่หันหน้ากลับไปมา “มีเรื่องอันใดรึ?”
เจ้านิกายเซิ่งชวนมีระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นปลาย เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่าแข็งแกร่งขนาดใหน ในเมื่อรับรู้แล้ว เหลือเชื่อว่าจะยังสุขุมสงบได้ขนาดนี้.
“ร้ายกาจ!”หม่าหยุนเถิงที่กล่าวชื่นชม.
ต่อหน้ายอดฝีมือ ยังคงใจเย็นสงบอยู่ได้ เจ้าสำนักจุนช่างมีจิตใจที่แข็งแกร่งนัก.
เจ้านิกายเซิ่งชวนที่ประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักจุนยังเยาว์นัก สามารถเอาชนะอาวุโสของนิกายเซิ่งชวนข้าได้ น่าชื่นชมจริง ๆ.”
“เพียงแค่โชคดีเท่านั้น.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ทุบอีกฝ่ายจนหมดสภาพ หากว่าโชคดีก็ประหลาดแล้ว!
“เจ้าสำนักจุน.”
เจ้านิกายเซิ่งชวนเอ่ยกล่าวออกมา “เปิ่นจั้วต้องการต่อสู้กับเจ้า ไม่รู้ว่าจะยอมรับหรือไม่?”
“เรื่องนี้....”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หวังตงหลินก้าวออกมาเอ่ยอย่างนุ่มนวล “เจ้านิกายหวง เจ้าสำนักจุนได้ต่อสู้กับอาวุโสของท่านแล้ว การท้าทายซ้ำอีกครั้ง ดูจะเป็นการรังแกกันไปหรือไม่?”
เขาคือหนึ่งในสี่อาวุโสนิกายเขาซ่างซาน มีพลังบ่มเพาะบรรพชนยุทธ์ขั้นปลายเช่นกัน กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นไม่ได้ด้อยกว่าเจ้านิกายเซิ่งชวนแน่นอน.
หม่าหยุนเถิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาวุโสได้ออกไปต่อสู้แล้ว เจ้านิกายหวงออกไปสู้ซ้ำอีกครั้ง นี่ไม่ต่างจากการรังแกคนอื่นเลย.”
สองอาวุโสที่อยู่ในมนทลเดียวกันก้าวออกมาช่วยสำนักไท่กู่เจิ้งอย่างชัดเจน
เหล่าผู้ชมชาวยุทธ์ย่อมเข้าใจได้.
ต้องไม่ลืมว่าภายในมนทลแต่ละแห่งนั้น พวกเขาย่อมรักษาอำนาจของพวกเขาเอง จะยอมให้คนอื่นนอกมนทลมารังแกคนของพวกเขาได้อย่างไร?
จากนั้น.
พวกเขาที่ไม่ได้ตั้งใจจดจ้องมองไปยังผู้นำฉินและเหล่าพันธมิตรร้อยสำนักด้วย แววตาดูถูกดูแคลนเผยออกมาทันที.
คนเหล่านี้ตั้งแต่ต้น คอยที่จะหัวเราะเยาะสำนักไท่กู่เจิ้งตลอดเวลา ไร้ซึ่งความคิด หากว่านิกายเซิ่งชวนได้รับชัยชนะ ก็ไม่ต่างจากมนทลตัวเองพ่ายแพ้ถูกดูแคลนไปด้วยซึ่งก็หมายความรวมว่าพวกเขาดูถูกมนทลชิงหยาง และดูถูกพวกเขาซึ่งอยู่ในมนทลเดียวกันไม่ใช่รึ?
เหล่าพันธมิตรร้อยสำนักที่ตระหนักได้ว่าคนอื่น ๆ เผยท่าทางเหยียดหยัน ใบหน้าของพวกเขาที่เผยความอับอายออกมาทันที.
อย่างไรก็ตาม ผู้นำฉินและเฉินถงที่ดูเหมือนมั่นหน้าไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย.
แม้แต่ในใจลอบคิดภาวนาอยู่เงียบ ๆ “ไอ้หนู เจ้านิกายเซิ่งชวนท้าประลองแล้ว รีบยอมรับซะ!”
เฮ้อ.
ความโง่ที่ไม่สามารถรักษาได้จริง ๆ.
“อาวุโสหม่า อาวุโสหวัง.”
เจ้านิกายเซิ่งชวนที่ดูไม่เร่งรีบเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนักจุนสามารถพักอยู่ในนิกายของข้าได้ พร้อมแล้วค่อยสู้กันก็ได้.”
“......”
หม่าหยุนเถิงและหวังตงหลินที่ใบหน้ากลายเป็นอัปลักษณ์ไปในทันที.
เหล่าผู้ชมชาวยุทธ์ที่ตระหนักได้ในทันที เจ้านิกายเซิ่งชวนไม่คิดที่จะปล่อยเจ้าสำนักจุนออกไปอย่างแน่นอน.
เมื่อคิดให้ดีอีกครั้ง.
สำนักไท่กู่เจิ้งที่เอาชนะไปถึง 73 คู่ ถือว่านิกายเซิ่งชวนขายหน้าอย่างหนัก หากปล่อยให้อีกฝ่ายไป ยังจะมีหน้าอยู่ในยุทธภพอีกรึ?
ดูเหมือนว่า.
เจ้าสำนักจุนจะลำบากแล้ว เรื่องนี้ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึงเช่นกัน.
“เหม่ยเอ๋อ.”
ซี่จิงเสวียนเอ่ย “เจ้าสำนักจุนเจอปัญหาแล้ว เปิ่นกงเข้าไปช่วยเขาดีหรือไม่?”
เหม่ยเอ๋อถึงกับพูดไม่ออก “เจ้าวังของข้า เรื่องนี้เป็นเรื่องของสำนักไท่กู่เจิ้งและนิกายเซิ่งขวน พวกเราไม่ควรเข้าไปยุ่ง.”
“เจ้าสำนักจุนเป็นคนที่โดดเด่น เปิ่นกงไม่ต้องการให้เขาถูกเจ้านิกายหวงรังแก.”ซีจิงเสวียนเอ่ย.
เหม่ยเอ๋อที่กล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าวังต้องคิดให้ดี การช่วยเขา เท่ากับพวกเราประกาศเป็นศัตรูกับนิกายเซิ่งชวน.”
“73 การแข่งขันไม่ชนะเลย ถึงจะเป็นศัตรูกับนิกายเรา ก็ไม่มีอะไรน่าหวาดกลัว.”ซีจิงเสวียนเอย.
แม่นาง.
คำพูดของเจ้าทำลายจิตใจนิกายเซิ่งชวน มากไปหรือไม่?
ซีจิงเสวียนขณะที่ก้าวออกไป เตรียมที่จะเอ่ยปากช่วยจุนซ่างเซียว ก็ได้ยินเสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น “เจ้านิกายหวง ไม่จำเป็นต้องสู้วันหลังหรอก ในเมื่อต้องการสู้ ก็สู้ตอนนี้เลย.”