Chapter 292 ชนะ 72 เกม
โจวหงและเจี้ยนเฟยฟ่านที่ยื่นอยู่ห่างกันสองสามเมตร ปลดปล่อยเจตจำนงกระบี่เข้าปะทะกัน ทำให้เหล่าชาวยุทธ์ผู้ชมถอยห่างออกมา.
เจตจำนงกระบี่ของมือกระบี่ ไม่ธรรมดาจริง ๆ!
ชาวยุทธ์มากมายที่อิจฉาแทบตาย.
กระบี่ที่เป็นอาวุธไม่ว่าใครก็ใช้ได้ ทว่าการเป็นมือกระบี่นั้น จะทำให้เพิ่มพลังต่อสู้ที่เหนือล้ำกว่าคนปรกติทั่วไปมาก!
น่าเสียดาย.
การกลายเป็นมือกระบี่นั้นยากมาก ไม่ใช่ใครก็สามารถเป็นได้.
ถึงจะมีระบบในมือ สุดขี้โกงอย่างเช่นเจ้าสำนักจุน หากไม่มีน้ำยาพรสวรรค์กระบี่ ก็ไม่สามารถเป็นมือกระบี่ได้.
แม้แต่เย่ซิงเฉิน อดีตราชันย์ยุทธ์กลับชาติมาเกิด แม้ว่าจะมีความสามารถฝึกฝนวิชาลับเทพกระบี่เหมันตร์ได้ ทว่าก็ไม่สามารถเทียบได้กับระดับมือกระบี่ที่ใช้มันออกมา.
“เริ่มได้!”กรรมการตะโกนเสียงดัง.
โจวหงและเจี้ยเฟยฟ่านจ้องมองหน้ากันและกันไม่พูดไม่จา.
ทั้งสองที่เดินถอนหลังห่างออกมาจากกันและกันสิบก้าว ทิ้งช่องว่างเอาไว้.
จิตกระบี่ก่อนหน้านี้ที่ถูกระงับเอาไว้ ไม่มีแม้แต่พลังวิญญาณ ราวกับว่ารู้ความคิดของกันและกัน ขยับเหมือนกันแทบจะเหมือนภาพในเงากระจก.
จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก “เริ่มแล้ว.”
การประลองกันระหว่างมือกระบี่ ดูเหมือนว่าจะพิเศษแตกต่างจากวิถียุทธ์!
เมื่อโจวหงตั้งท่า ทุกคนต่างก็คิดว่าคงเหมือนกับมือกระบี่และมือดาบก่อนหน้านี้แน่นอน ทว่าการปะทะกันระหว่างมือกระบี่ด้วยกันกับน่าเบื่อเป็นอย่างมาก.
เจตจำนงของทั้งสองสื่อสารกันอยู่ในโลกของคนสองคน.
“กระบี่เหลียง.”โจวหงเอ่ย.(กระบี่แสง)
เจี้ยนเฟยฟ่านเอ่ย “กระบี่ของข้า เมื่อชักออกจากฝัก.”
“ทุกอย่างก็จะจบลง.”
“กระบี่ของข้า ออกจากฝักต้องเห็นโลหิตแน่นอน.”
“ดังนั้นข้าต้องเป็นคนแรกที่ต้องชักออกมาก่อน?”
“การประลองของมือกระบี่ ข้าชื่นชอบคนที่ชักกระบี่ได้เร็วกว่าคนอื่น.”
“ทำไม?”
“เพราะว่า ฝ่ายตรงข้ามไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ย่อมสยบเมื่อข้าชักกระบี่.”
“......”
ทุกคนที่มุมปากกระตุก.
ทั้งสองที่ยื่นนิ่งที่กลางลานประลอง ไม่พูดไม่จา ไม่มีใครเริ่มสักที.
“พวกเขาเริ่มทนไม่ไหวแล้ว.”
เจี้ยนหงเอ่ย “แน่นอนคงต้องรีบจบการต่อสู้แล้ว.”
เจี้ยนเฟยฟ่านเอ่ย ”พวกเขาไม่เข้าใจ ระหว่างเจ้ากับข้าว่ากำลังพูดคุยอะไรกัน.
“เคร้ง!”
ท้ายที่สุดโจวหงก็เป็นคนชักกระบี่เอ่ยออกมาว่า “ไม่มีใครเข้าใจอะไรในโลกกระบี่ได้ มือกระบี่ช่างเงียบเหงาเดียวดาย.”
“เห็นด้วย.”เจี้ยนเฟยฟ่านเอ่ย.
โจวหงที่ถือกระบี่เอ่ย ”ข้าต้องลงมือแล้ว.
“เชิญ.”เจี้ยนเฟยฟ่านเอ่ย.
ฟิ้ว!ฟิ้ว!ฟิ้ว!
โจวหงที่ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว กระบี่ที่ตวัดฟันไปบนอากาศ กลายเป็นริ้วแสงระเบิดพุ่งออกไป.
“เร็วมาก!”เหล่ายอดฝีมือชาวยุทธ์ที่ตื่นตกใจ.
ถึงแม้นว่าจะจดจ้องกันอยู่นาน หากแต่ไม่สามารถนับจำนวนกระบี่ที่โจวหงฟันออกมาได้!
เจี้ยวเฟยฟ่านก็หัวใจตื่นตะลึงตกใจเช่นกัน!
คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะฟันออกมาได้หนึ่งลมหายใจหกสิบกระบี่ ทั้งที่ตัวเขาทำได้แค่ 30 กระบี่เท่านั้น.
อีกฝ่ายต้องมีเพลงกระบี่ที่ล้ำลึกอย่างแน่นอน!
“เคร้ง-”
ขณะครุ่นคิด เจี้ยนเฟยพ่ายก็ชักกระบี่ออกไปเช่นกัน สร้างริ้วแสงปราณกระบี่ที่พวยพุ่งออกไปดังเส้นไหม.
“ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!”
ปราณกระบี่ของทั้งสองเข้าปะทะกัน เสียงโลหะปะทะกัน รู้สึกราวกับเสียงดนตรีดังขึ้นไม่หยุด.
ปราณกระบี่ที่เข้าปะทะกันยันกันเอาไว้ ทั้งสองที่ยืนอยู่ในจุดเดียวกัน.
โจวหงเอ่ย “เจ้าใช้สองกระบวนท่า.”
เจี้ยนเฟยฟ่านยิ้มแบบขมขื่น “ปราณกระบี่เจ้ามากเกินไป ข้าเพียงแค่ต้องขยับเพิ่มอีกหนึ่งกระบวน.”
“อำนาจกระบี่!”
โจวหงที่ตะวัดข้อมือ “จิงหง!”
กระบี่ที่ออกจากฝัก ระเบิดส่องประกายแสงสว่างวาบ!
ฟิ้ว!
ปราณกระบี่ที่เหมือนกับเส้นไหมสีขาวพวยพุ่ง โจมตีไปยังเจี้ยนเฟยฟ่านทันที อำนาจกระบี่ที่เหนือล้ำกว่าเมื่อครั้งที่อยู่ที่หุบเขาแห่งความตายมาก.
หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆ ที่สามารถบอกได้ว่าเพลงกระบี่ของโจวหงที่ร้ายกาจกว่าก่อนหน้ามาก.
“ฟิ้ว!”
ต่อหน้าปราณกระบี่ที่พวยพุ่งเข้ามาโจมตี เจี้ยนเฟยฟ่านที่ชักกระบี่ ฟาดฟันจากบนลงล่าง “สายรุ้งผ่านสวรรค์!”
ซูมมม!
ปราณกระบี่ที่ระเบิดพุ่งออกไป!
ตูมมมมมมมมม!
ปราณกระบี่สองสายที่ปะทะกัน ลมหนาวที่ระเบิดออกไปทั่วทุกสารทิศ พื้นที่รอบ ๆ เย็นยะเยือบลงในทันที!
แม้นว่ามือกระบี่จะไม่ได้พูดอะไรกันมากมาย ทว่าเจตจำนงกระบี่ของทั้งสองคนนั้นน่าหวาดกลัวจริง ๆ.
สองการโจมตี เสมอกันรึ?
โจวหงที่โค้งลงเล็กน้อย ใบหน้าที่เผยความเย็นชาออกมา.
“ฟู่ ฟู่!”
พริบตานั้น ทั่วร่างที่ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกมา พัดผ่านใบหน้าหมุนวนกวาดม้วนทุกอย่างให้กระจายออกไปรอบ ๆ.
ใต้เท้าของทั้งสองที่ปรากฏเป็นรอยแตกร้าวขึ้นเล็ก ๆ!
เจี้ยนเฟยฟ่านขมวดคิ้ว เก็บกระบี่เข้าฝัก “เจ้าชนะ.”
ห๋า?????????
ทุกคนที่ตื่นตกใจขึ้นมาในทันที.
จากที่เห็น ทั้งคู่ปะทะกันไม่กี่ครั้ง ทำไมถึงได้กล่าวยอมแพ้ซะล่ะ?
มีเพียงแค่เย่ซิงเฉินที่เข้าใจ อำนาจกระบี่ที่โจวหงปลดปล่อยออกมานั้น เป็นกระบวนท่าที่สองของเพลงกระบี่ลับเทพกระบี่เหมันตร์ มันทรงพลังมาก!
ฝึกฝนวิชาลับเพลงกระบี่เทพเหมันตร์ไม่ถึงหนึ่งปี นี่สำเร็จกระบวนท่าที่สองแล้ว พรสวรรค์กระบี่ช่างเติบโตก้าวหน้าเร็วจริง ๆ.
“เคร้ง!”
โจวหงที่เก็บกระบี่เข้าฝักเอ่ยออกมาว่า ”เจ้าปล่อยให้ข้าชนะแล้ว.
เขารู้สึกมีความสุขมากที่เอาชนะเจี้ยนเฟยฟ่าน ได้ออกมาต่อสู้กับมือกระบี่ในครั้งนี้.
เจี้ยนเฟยฟ่านที่เก็บกระบี่เข้าไปในแหวนเก็บของเอ่ยออกมาว่า “หากว่ามีโอกาส วันข้างหน้า ข้าขอเดินทางไปยังสำนักไท่กู่เจิ้ง ขอคะแนะนำทักษะกระบี่ที่ยอดเยี่ยมนี้อีกครั้งได้หรือไม่?”
“ยินดีต้อนรับ.”โจวหงเอ่ย.
“......”
ทุกคนรู้สึกวิงเวียน.
ทั้งคู่ที่ต่อสู้กันไม่ถึงหนึ่งนาที นี่มันต่อสู้อะไรกันว่ะ?
ไม่ต้องบอกว่านี้คือการต่อสู้ของมือกระบี่ที่รู้กันเพียงแค่พวกเขาเท่านั้น.
การต่อสู้ที่เดิมพันด้วยความเป็นความตาย ไม่จำเป็นต้องพร่ำเอ่ยกล่าวกับคนที่ไม่เข้าใจ.
เจี้ยนเฟยฟ่านนับว่าเป็นมือกระบี่ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน หากแต่โจวหงนั้นมีเพลงกระบี่ลับเทพเหมันตร์ ซึ่งสามารถใช้กระบวนท่าลับที่สองได้แล้ว ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นเพลงกระบี่ที่สามารถเอาชีวิตอีกฝ่ายได้ในทันที.
หากไม่เพราะว่าการประลองไม่ได้มุ่งหมายปลิดชีวิตอีกฝ่ายคงตกตายไปแล้ว ดังนั้นคนนอกจึงไม่สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ชัดเจน.
......
การประลองมือกระบี่ ท้ายที่สุดสำนักไท่กู่เจิ้งก็ชนะอีกแล้ว นิกายเซิ่งชวนเวลานี้พ่ายแพ้หมดรูป ขายหน้าเป็นอย่างมาก.
“เฉาจิว.”
อาวุโสจิวที่เอ่ยเสียงสั่น “การต่อสู้คู่สุดท้ายนี้ เจ้าต้องชนะ!”
“รู้แล้ว รู้แล้ว.”กู่เฉาจิวที่เกาศีรษะ ก้าวออกมาอย่างเกียจคร้าน.
“เชียนเชียน ไป.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ลู่เชียนเชียนสัมผัสกับกำไลของนาง ก่อนก้าวขึ้นเวที.
“การต่อสู้สุดท้าย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะส่งศิษย์สตรีออกมา?”
“กลัวว่าชนะมากเกินไป จะเป็นการไม่เคารพนิกายเซิ่งชวนอย่างงั้นรึ?”
“ในความเห็นของข้า ไม่เห็นจะให้ความเคารพอะไร เวลานี้นิกายระดับห้าก็เสียหน้าอย่างมากแล้ว อย่าลืมสิว่าพวกเขาพ่ายแพ้ 71 คนแล้ว.”
ทุกคนที่พูดคุยกันเสียงเบา.
กู่เฉาจิวสะดุ้ง ลอบคิดในใจ “นี่นิกายเซิ่งชวนพ่ายแพ้ 71 เลยรึ?”
ไม่แปลกใจเลยว่าอาวุโสกำลังหงุดหงิดอย่างหนัก.
กู่เฉาจิวที่ยืนนิ่งไม่ค่อยใส่ใจอะไรนัก แววตาที่คมกล้าจดจ้องมองไปด้านหน้า.
“สาวน้อย.”
เขาที่เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “แม้นว่าเจ้าจะเป็นสตรี ทว่าเพื่อชื่อเสียงนิกาย กู่โหมวคงไม่สามารถออมมือให้เจ้าได้.”
ลู่เชียนเชียนที่หยุด เอ่ยออกาว่า “สำนักไท่กู่เจิ้ง ลู่เชียนเชียน.”
“นิกายเซิ่งชวน กู่เฉาจิว.”
เมื่อขานชื่อเสร็จ กรรมการตะโกน.“เริ่มต่อสู้!”
“แก๊ก แก๊ก แก๊ก-”
พริบตานั้น ไอเย็นที่พวยพุ่งโหยหวน แผ่ออกจากร่างลู่เชียนเชียนทันที ทุกพื้นที่ ที่พัดผ่าน กลายเป็นน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์.
“เฮ้ย!”
กู่โฉวจิวที่สะดุ้ง “ผู้ฝึกยุทธ์ธาตุน้ำแข็ง!”
“ฝ่ามือน้ำแข็งเก้าสวรรค์!”
ฝ่ามือของนางที่ปลดปล่อยไอเย็นออกไปราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก.
“ไม่ได้การแล้ว!”
กู่เฉาจิวที่ใบหน้าเปลี่ยนสี ขณะใช้ท่าเท้าเพื่อหลบหลีก ทว่าไอเย็นพุ่งมานั้นเร็วมาก เขารู้สึกว่าตัวเองเคลื่อนไหวได้ช้ามาก ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ ถูกแช่แข็งลามตั้งแต่เท้าขึ้นไปจนคลุมทั่วร่าง.
“ข้า......”
ศิษย์สายตรงรากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่อ้าปากกล่าวยังไม่จบ ไอเย็นได้ปกคลุม ทำให้เขากลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งไปในทันที.
“ฟิ้ว!”
ลู่เชียนเชียนที่โบกมือปลดปล่อยพลังวิญญาณ พัดลากเขาลงจากเวที รูปปั้นน้ำแข็งที่ไถลบนพื้นนอกเวทีไปเรียบร้อยแล้ว.
“นี่มัน.....”
ทุกคนแทบล้มทั้งยืนด้วยความตกใจ.
“แก๊ก แก๊ก แก๊ก!”
ไม่กี่ลมหายใจหลังจากนั้น กู่เฉาจิวก็ถูกคลายออกจากชั้นน้ำแข็ง.
เขาที่กอดร่างตัวเองหนาวสั่นหงึก ๆ แม้แต่จามออกมาด้วยความหนาว.
“อาวุโสจิน.”
จุนซ่างเซียวยกมือประสาน “ขออภัย ที่ปล่อยให้ศิษย์ข้าชนะ.”