ตอนที่แล้วChapter 290 พลิกแพ้เป็นชนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 292 ชนะ 72 เกม

Chapter 291 กูเฉาจิวและเจี้ยนเฟิวฟ่าน


เถียนซีที่เอาชนะหรานฮุยได้อย่างยากลำบาก ไม่เพียงรักษาสถิติไม่แพ้ ยังพิสูจน์ได้ว่าแม้นว่าเขาจะเป็นศิษย์สายใน ก็มีพลังเพียงพอที่จะจัดการศิษย์หลักของนิกายเซิ่งชวนได้!

ถึงเขาจะทุ่มพลังไปจนหมดเกลี้ยง กระทั่งหมดสติ.

สุดท้ายแล้วก็เป็นฝ่ายพลิกกลับมาจนเอาชนะมาได้.

หากเถียนซีนั้นมีรากวิญญาณระดับสุดยอด ถึงจะมีพลังบ่มเพาะน้อยกว่าหรานฮุยคงไม่เอาชนะได้ยากขนาดนี้!

ชัยชนะของศิษย์พี่ ทำให้ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งรู้สึกภาคภูมิเป็นอย่างมาก.

การพลิกกลับของเถียนซี ทำให้ผู้ชมชาวยุทธ์เงียบไปในทันที.

อาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สี่เอาชนะอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่เจ็ด ไม่แค่โชคดีแน่นอน นี่หมายความว่ามีความแข็งแกร่งนั้นไม่ธรรมดา!

สำนักไท่กู่เจิ้งแข็งแกร่งจริง ๆ!

ในเวลานี้ ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับสำนักระดับเจ็ด เพราะว่าการเอาชนะศิษย์นิกายเซิ่งชวนได้คนแล้วคนเล่า ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งแล้ว!

ว่าแต่สำนักไท่กู่เจิ้งจะไม่ยอมให้อีกฝ่ายชนะได้สักคนเลยรึ?

ในเวลานี้ทุกคนต่างก็ครุ่นคิด ว่านิกายเซิ่งชวนจะเอาชนะได้สักคนหรือไม่?

ไม่ต้องเอ่ยถึง ฉินเห่าหรานและพวกที่ไม่ต่างจากพวกคนโง่ ที่กำลังเผยท่าทางผิดหวัง.

เจ้าสำนักจุนจ้องมองไปยังชาวยุทธ์คนหนึ่งเอ่ยออกมาว่า “ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งชนะแล้ว โปรดไปยังห้องส้วมเลยตอนนี้.”

ไปห้องสวมทำไม?

กินแมงวันนั่นเอง!

นี่เป็นการเหน็บแนมว่ากล่าวอีกฝ่ายนั่นเอง.

จุนซ่างเซียวเองก็ไม่ได้ให้เขาไปกินจริง ๆ แน่นอน ตอนนี้เขาจ้องมองไปยังอาวุโสจิน ยกมือประสาน “นิกายเซิ่งชวนแพ้แล้ว ยังจะสู้ต่อหรือไม่?”

“สู้!”

อาวุโสจินที่คำรามออกมาด้วยความโกรธ.

เขาจะยังมีหน้ารักษาเกียรติของนิกายได้อย่างไร หากว่ายังคงไม่สามารถเอาคืนได้สักคู่.

“ลี่เฟย.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ออกไปสู้.”

“ครับ!”

ลี่เฟยที่กระโดดขึ้นเวที.

ทว่าในเวลานั้นเขาที่ลอบมองไปยังเถียนซีที่หมดสติ ภายในใจที่ครุ่นคิด “ศิษย์พี่เถียน ดูเหมือนว่าต้องการจะรักษาสถิติไม่แพ้ของสำนักเอาไว้ให้ได้!”

ศิษย์สายตรงนิกายเซิ่งชวนมีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่เจ็ด ทว่าเพียงแค่เริ่มการต่อสู้ ลี่เฟยก็วิ่งไปรอบ ๆ ด้วยความเร็วทันที.

“เร็วเกินไปแล้ว!”

“ศิษย์นิกายเซิ่งชวนคงไล่ไม่ทันแน่!”

“สถานการณ์เวลานี้ ไม่ดีนัก.”

เหล่าผู้ชมชาวยุทธ์ที่ราวกับเห็นใจศิษย์นิกายเซิ่งชวน.

ความคิดของพวกเขาที่เปลี่ยนข้าง ดูเหมือนว่าจะยอมรับความแข็งแกร่งของสำนักไท่กู่เจ้งอย่างชัดเจน!

ตูมมม! ตูมมม!

ลี่เฟยไม่ได้เคลื่อนที่เร็วอย่างเดียว ยังผลุบ ๆ โผล่ ๆ ลอบโจมตีด้านหลังฝ่ายตรงข้าม เท้าสีทองที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณเตะถีบ ลอบโจมตีไม่หยุด.

กรึด กรึด ครืนนนนน!

ขาของฝ่ายตรงข้ามถูกเตะเซถลา

หลังจากนั้น ลี่เฟยก็กระโดดพุ่งขึ้นไปตะโกนเสียงดัง “ลูกเตะบาทาไร้เงาไท่กู่!”

ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม!

“พรึด!!”

ลูกถีบที่ระดมถึบอัดออกไป กระแทกเขาลอยกระเด็นออกไปนอกเวที พ่นโลหิตคำโต ดวงตาที่เหลือกค้าง.

“พรึด โครม.”

ร่างกายที่กองอยู่บนพื้น หมดสติไปในทันที.

“......”

ทุกคนที่มุมปากกระตุก.

ศิษย์นิกายเซิ่งชวนไม่ได้แม้แต่โจมตีสักกระบวนท่า ก็ถูกอัดกระเด็นลอยออกเวทีพ่ายแพ้ไปแล้ว!

“ติ๊ง! เอาชนะศิษย์สายตรง ภารกิจมหากาพน์สำเร็จ 90% โฮสน์ได้รับแต้มสนับสนุน 600 แต้ม.”

“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุน 2505 / 2000 points.”

“ติ๊ง......”

ไม่รอให้แจ้งคะแนนเกินจบลง จุนซ่างเซียวเปิดคอนโซนร้านค้า ใช้หนึ่งพันแต้ม ซื้อน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ 20 ขวดทันที.

เขามีน้ำยาเก็บ 30 ขวดแล้ว หลังจากการประลองจบลงเขาก็จะแจกจ่ายเป็นรางวัล.

“ขาดอีก 10% จำเป็นต้องท้าทายศิษย์สายตรงต่องั้นรึ?.”จุนซ่างเซียวครุ่นคิดและยกมือประสานไปด้านหน้า “อาวุโสจิน จะสู้อีกหรือไม่?”

“สู้!”

อาวุโสจินกัดฟันแน่น.

เวลานี้เขาได้เสียสติไปแล้ว เหมือนกับเสียพนัน จิตหลุดจนไม่สามารถหยุดเดิมพันต่อไปได้!

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้ามีศิษย์เพียงสี่คนที่ยังไม่สู้ สามารถสู้ต่อได้อีกสี่คน!”

“ตกลง!”อาวุโสจิตเอ่ย.

จากนั้นเขาก็ส่งศิษย์คนหนึ่งที่สูงใหญ่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ความแข็งแกร่งของเขาแม้ว่าจะอยู่ในระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่เจ็ด ทว่ากับดูเหนือกว่าสองคนก่อนหน้านี้มาก!

“เซียวโม่ ขึ้นเวที.”

“ครับ!”

ซูเซียวโม่ที่ส่งเถียนซีที่หมดสติไปให้เซียวจุ้ยจื่อประครอง ก่อนที่จะสะบัดแขนเสื้อกระโดดลอยขึ้นเวที.

หลังจากขานชื่อ การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น!

ตูมมม!

ตูมมม!

ซูเซียวโม่ที่ใช้ท่าเท้าเหยียบเมฆา พุ่งโจมตีซ้ายขวาหน้าหลัง กระหน่ำโจมตีจุดอ่อนอีกฝ่ายไม่หยุดหย่อน.

ไม่มีอะไรพลิกโผ.

การกระหน่ำโจมตีไม่หยุด อีกฝ่ายก็กระเด็นออกนอกสนาม ถูกปิดฉากนอนสลบเหมือดบนพื้น.

ซูเซียวโม่ที่ปัดมือไปมา คิ้วขมวดเล็กน้อย “ก็ไม่ได้ยากอะไร.”

“......”

ทุกคนรู้สึกราวจะเป็นลม.

ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว นี่รังแกข่มเหงศิษย์นิกายเซิ่งชวนราวกับเป็นการหยอกล้อ!

คู่ถัดไป.

หลี่ชิงหยางที่ออกไปต่อสู้.

การพัฒนาของเขาที่ก้าวกระโดด เหนือยิ่งกว่าชิงหลินเฟิง สามารถเอาชนะได้เพียงไม่กี่นาที.

“ติ๊ง! เอาชนะศิษย์สายใน 5/5 เกินมาตรฐาน ภารกิจมหากาพย์สำเร็จ 100% โฮสน์ได้รับ 200 แต้ม.”

“ติ๊ง! คะแนนสนับสนุนสำนัก: 1705 / 2000.”

“แปลก?”

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางสงสัย “สามภารกิจ สำเร็จ 100% แล้ว ทำไมยังไม่สำเร็จภารกิจมหากาพย์อีก?”

“เจ้าสำนักจุน.”

ใบหน้าของอาวุโสจินที่เวลานี้บิดเบี้ยว กล่าวออกมาว่า “โปรดรอสักครู่ ศิษย์นิกายเซิ่งชวน ยังมีศิษย์สายตรงสองคนที่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ ข้าได้ส่งคนไปเรียกแล้ว.”

“โอ้ว”

จุนซ่างเซียวที่พยักหน้ารับ.

“ศิษย์สายตรงสองคนที่ปิดด่าน ต้องเป็นกู่เฉาจิวและเจี้ยนเฟยฟ่าน!”

“นิกายเซิ่งชวนมีศิษย์สายตรงเจ็ดคน ตอนนี้ออกมาสู้ห้าคนแล้ว แน่นอนว่าต้องเป็นพวกเขาแน่!”

“พวกเขาทั้งสอง เป็นแกนหลักของศิษย์สายตรง มีรากวิญญาณระดับศักดิ์สิทธิ์ คนหนึ่งเป็นมือกระบี่ที่หายาก ความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา!”

ทุกคนต่างก็พูดคุยกันเสียงเบา.

รากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มือกระบี่?

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “เป็นปัญหาเล็กน้อย.”

“เจ้าสำนัก.”

ลู่เชียนเชียนเอ่ย “รากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ปล่อยให้ข้าเอง.”

โจวหงเอ่ย “เจ้าสำนัก มือกระบี่ หวังว่าศิษย์จะได้ออกไปสู้!”

“ตกลง.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

จากนั้นศิษย์สองคน ที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ต้องไม่ลืมว่าหนึ่งมีรากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ อีกหนึ่งเป็นมือกระบี่.

คนทั้งสองที่สวมชุดของนิกายเซิ่งชวน ก้าวออกมาจากลานด้านใน.

สายตาของพวกเขาที่ดูเกียจคร้าน ราวกับฝืนทน คิ้วของหนึ่งในนั้นที่เอียงเฉียงราวกับดาวหาง แผ่กลิ่นอายที่เย็นชาออกมา.

เพียงแค่มอง จุนซ่างเซียวก็สามารถบอกได้ กู่เฉาจิวคือคนที่มีรากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคือมือกระบี่ เจี้ยนเฟยฟ่าน.

นี่! คนที่มีรากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มีมากมายเป็นหัวกระหล่ำปีรึไงกัน?

ก่อนหน้านี้หากนับชิงหลินเฟิง สามคนนี้เป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง ได้รับการฝึกฝนโดยเขา พลังบ่มเพาะคงพุ่งทะยานแน่นอน!

“เฮ้อ.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “ดูเหมือนว่านิกายเซิ่งชวนจะมีความสามารถที่น้อยนิดจริง ๆ.”

“อาวุโส.”

กู่เฉาจิวที่เดินออกมาเอ่ยออกไปว่า “ประลองกับสำนักไท่กู่เจิ้ง ถึงกับต้องเรียกพวกเราเลยรึ?”

ทุกคนที่มุมปากกระตุก.

บางทีพวกเขาคงไม่รู้ ว่านิกายตัวเองพ่ายแพ้ไป 70 คนแล้ว เวลานี้อยู่ในสภาพจนตรอกน่าอนาถสุด ๆ!

เจี้ยนเฟยฟ่านที่ไม่พูดอะไร ทว่าสันชาติญาณที่คมกริบของเขาจดจ้องมองไปยังโจวหง ในเวลานั้นดวงตาของเขาเป็นประกาย เต็มไปด้วยความจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้.

“อาวุโส.”

เขาก้าวออกไปที่ลานยุทธ์ “ข้าขอออกไปสู้คนแรก!”

“เจ้าสำนัก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ศิษย์เอง.”ไม่ต้องรอให้จุนซ่างเซียวเอ่ย โจวหงที่ก้าวออกไปด้วยตัวเอง.

“กึก.”

ทั้งสองที่ยืนอยู่ใจกลางลานยุทธ์ แต่ละคนที่ยื่นนิ่งงัน ร่างกายที่ปลดปล่อยกลิ่นอายที่แหลมคมปะทะกันไปมาอย่างรุนแรงทันที.

“นี่มัน...เจตจำนงกระบี่!”

“ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง มีมือกระบี่ด้วยรึ?”

ทุกคนที่ดวงตาเบิกกว้าง.

ก่อนหน้านี้มีมือดาบ ตอนนี้มีมือกระบี่ สำนักไท่กู่เจิ้งจะไม่เต็มไปด้วยยอดฝีมือที่หลากหลายไปหน่อยรึอย่างไร?!

“ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง โจวหง.”

“ศิษย์นิกายเซิ่งชวน เจี้ยนเฟยฟ่าน.”

มือกระบี่ทั้งสองที่ขานชื่อ เจตจำนงกระบี่ที่หมุนวนแผ่ออกมาหนักหน่วงรุนแรง แม้แต่ทำให้ชาวยุทธ์ที่อยู่ใกล้ ๆ ตื่นตระหนก ถอยออกไปสองสามก้าว.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด