บทที่ 338 : ตามล่านักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขต!
บทที่ 338 : ตามล่านักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขต!
[คะเเนนคุณสมบัติ: 1.5 ล้านล้าน (+1.3 ล้านล้าน)]
"ครั้งนี้คะเเนนคุณสมบัติเราเพิ่มขึ้นทีเดียว 1.3 ล้านล้านคะแนน!"
ชูโจวมองไปที่คะเเนนคุณสมบัติใหม่บนหน้าต่างคุณสมบัติด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุข
"ด้วยคะเเนนคุณสมบัติมากขนาดนี้…เราน่าจะสามารถหลอมรวมศาสตร์ลึกลับระดับความสมบูรณ์เเบบได้สองถึงสามอัน, อย่างเช่นศาสตร์ลึกลับหมัดต้นกําเนิดระดับความสมบูรณ์เเบบ, ศาสตร์ลึกลับเลือดเดือดระดับความสมบูรณ์เเบบ, ศาสตร์ลึกลับคมดาบระดับความสมบูรณ์เเบบ"
"ฉันอย่างรู้จริงๆ ว่าถ้าฉันรวมศาสตร์ลึกลับระดับความสมบูรณ์เเบบทั้งสามอันเข้าด้วยกัน….มันจะแข็งแกร่งขึ้นมากขนาดไหน!"
สายตาของชูโจวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ทันทีที่เขาตัดสินใจได้เช่นนั้น เขาก็หันมามองสมบัติที่เขาได้รับจากกลุ่มโจรสลัดอวกาศทั้ง 1,300 คนในพื้นที่ช่องว่างภายในของเขา
เมื่อเห็นพวกมัน, ชูโจวก็อดไม่ได้ที่จะดีใจอีกครั้ง
หากเขาขายสมบัติทั้งหมดนี้ได้ เงินในบัญชีของเขาก็จะพุ่งทยานขึ้นอีกครั้ง
นี่เป็นวันที่สองหลังจากที่เขามาถึงดาวเบต้า
และในสองวันที่ผ่านมานี้เขาก็เห็นความสำคัญของเงินเป็นอย่างดี
หากมีเงินเขาสามารถที่จะซื้ออาวุธ และอุปกรณ์, ศาสตร์ลึกลับ ทรัพยากรในการฝึกฝน, และยานอวกาศที่ดีขึ้นได้
และตราบใดที่เขามีเงินมาพอแม้แต่ทาสที่อยู่ในระดับปรมาจารย์อาณาเขตเขาก็สามารถซื้อได้
สั้นๆ คือเงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด!
…..
เเละในตอนนี้เองอัลเมอร์สก็บินเข้ามาหาชูโจวเเละทักทายด้วยรอยยิ้ม
"ตั้งแต่ตอนที่ฉันได้ยินถึง 'พรสวรรค์ขั้นสูงสุด' มาที่ดาวเบต้าของเรา ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณจะต้องแสดงความพิเศษออกมาได้..."
"แต่ไม่คิดเลยว่าคุณจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ จัดการนักรบระดับดวงดาวได้ราวกับตัดหญ้า…..มันอดไม่ได้ที่จะทำให้ฉันรู้สึกอับอายจริง ๆ ทั้งที่ฉันฝึกมานับ 10,000 ปีแต่ฉันกลับยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์อาณาเขตเลย"
"ท่านเจ้าเมืองก็พูดเกินไป!" ชูโจวกล่าวออกอย่างถ่อมตัว
"ในห้วงจักรวาลนี้มีอัจฉริยะอยู่เต็มไปหมด….เเค่พลังของฉันจะนับเป็นอะไรได้ "
"หากฉันต้องเผชิญหน้ากับมาสเตอร์เฮอิเล….แค่การโจมตีเดียวของเบา, ผมไม่คิดว่าผมจะรอดออกมากได้ "
อัลเมอร์สขำออกมาหลังจากได้ยินคำพูดของชูโจว "คุณยังเป็นเพียงแค่นักรบระดับเก้าดวงดาว คุณจะเปรียบตัวเองกับมาสเตอร์เฮอิเลได้ยังไงกัน อยากกดดันตัวเองแบบนั้น "
"แถมมาสเตอร์เฮอิเลยังไม่ใช่แค่นักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขตทั่วๆไป เขาเป็นถึงนักท่องอวกาศระดับหนึ่งดาว เขาเป็นคนระดับสูงในหมู่คนระดับสูง..."
"แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ด้วยพรสวรรค์ของคุณ, หลังจากที่คุณก้าวขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์อาณาเขต….คุณเองก็ต้องมีโอกาสที่จะเป็นนักท่องอวกาศเหมือนกับมาสเตอร์เฮอิเลได้เเน่ๆ"
ชูโจวอยู่พูดคุยกับอัลเมอร์สอยู่พักนึง …หลังจากที่เวลาผ่านไปทั้งสองฝั่งก็เริ่มรู้จักกันมากขึ้น
ชูโจวเลยเลิกเรียกอีกฝ่ายว่าเจ้าเมืองแต่เปลี่ยนมาเรียกด้วยชื่อจริงแทน
……
ณ ขณะนี้
นักรบระดับเก้าดวงดาวคนอื่นๆในเมืองเบต้าต่างบินเข้ามาหาอัลเมอร์ส
เเละหลังจากที่เห็นชูโจวพูดคุยและหัวเราะอยู่กับอัลเมอร์ส แต่ละคนต่างอดสงสัยไม่ได้ถึงฐานะของชูโจว
"ชูโจวคุณอย่างให้ฉันแนะนำคุณกับนักรบระดับเก้าดวงดาวคนอื่นในเมืองเบต้าไหม?"
"ในเมื่อคุณอาศัยอยู่ในดาวเบต้า การรู้จักคนเพิ่มขึ้นย่อมดีกว่า...ยิ่งกว่านั้นการรู้จักคนพวกนี้เวลานายต้องการอะไรในเมืองเบต้าก็จะยิ่งง่ายขึ้น!"
อัลเมอร์สมองนักรบระดับเก้าดวงดาวคนอื่นในเมืองเบต้าที่บินเข้ามาและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ชูโจวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะทำความรู้จักกับนักรบระดับเก้าดวงดาวคนอื่น ๆ
เพราะไม่ว่าจะที่ไหนนั้น การต่อสู้คนด้วยตัวคนเดียวย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ผลประโยชน์ของการรู้จักคนเยอะนั้นก็ชัดเจนเช่นกัน
แต่!
ตอนนี้นั้นเขายังมีเรื่องอื่นที่เขาต้องรีบจัดการอยู่อีก
หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่ครู่เขาก็กล่าวขึ้นว่า
"การต่อสู้เมื่อกี้ทำให้ฉันเข้าใจอะไรบ้างอย่างได้….ฉันต้องกลับไปเพนดากอนวิลล่าเพื่อทำความเข้าใจเพิ่ม..."
"...เพราะงั้นอัลเมอร์ส ในอีกสองถึงสามวันช่วยแนะนำฉันอีกรอบแทนได้ไหม"
เมื่ออัลเมอร์สได้ยินแบบนั้นสายตาเขาก็เปลี่ยนเป็นอิจฉา เขาเองก็ร่วมการต่อสู้เหมือนกัน เขาเองก็เป็นตัวเอกของการสู้เหมือนกัน
แต่ว่าเขากลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย
"การทำความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญกว่าจริง ๆ เพราะงั้นคุณกลับไปก่อนเถอะ ในอีกสองถึงสามวันฉันจะจัดงานเลี้ยงและเชิญนักรบระดับเก้าดวงดาวคนอื่น ๆ ของดาวเบต้ามาทำความรู้จักด้วย" อัลเมอร์สกล่าวขึ้น
"ขอบคุณมาก! ฉันจะไม่พลาดแน่นอน!"
ชูโจวยิ้มและพยักหน้า ก่อนที่จะกลายเป็นภาพติดตาและพุ่งทางเเพนดากอนวิลล่า
หลังจากที่ชูโจวกลับมาถึงเเพนดากอนวิลล่า เขาไม่ทำความเข้าใจอะไรเพียงแค่บอกดราก้อนและคนอื่นว่าเขาจะออกไปข้างนอกซักพัก ก่อนที่จะพุ่งหายออกไป
……..
500 ล้านกิโลเมตรห่างไปจากดาวเบต้า
บนดาวที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวเบต้า
แต่ว่า, บนดาวดวงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น …..เพราะดาวดวงนี้นั้นปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็งทั่วทั้งดาว
ในขณะนี้, ในหุบเขาที่เก็บไปด้วยหิมะ มีกลุ่มดาวต้นกำเนิดขนาดราวหนึ่งเอเคอร์กำลังส่องแสงเเละลอยตัวอยู่
นอกจากนี้มันยังมีเศษชิ้นเนื้อจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีขนาดเท่าเม็ดข้าวที่ลอยอยู่ในกลุ่มดาวด้วยเช่นกัน
"นิกริชไอ้คนไร้ประโยชน์นั้น ขนาดคู่ต่อสู้จ้างนักท่องอวกาศมามันยังไม่รู้อะไรเลย... หากเจ้านั้นรอดมาได้, ฉันจะทำให้มันรู้ว่าการตายทั้งเป็นคืออะไร..."
เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกธรดังก้องออกมาจากกลุ่มดาวต้นกำเนิด
ทันใดนั้นคอมพิวเตอร์โฟตอนก็ได้พุ่งออกมาจากแหวนมิติในเศษเนื้อ
หลังจากนั้นม่านแสงหน้าต่างสนทนาก็ปรากฏขึ้นจากคอมพิวเตอร์โฟตอน
ในม่านแสงหน้าต่างสนทนาชายแก่ผิวสีเขียว และมีดวงตาสีเลือดที่น่าเกรงขามก็ได้โผล่ขึ้นมา
"เกิดอะไรขึ้นกับนายกัน? ทำไมร่างกายของนายถึงได้ถูกทำลายจนอยู่ในสภาพนี้ได้กัน? ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มดาวต้นกำเนิดของนายเองก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ด้วยเหมือนกัน!"
ชายแก่ในม่านแสงหน้าต่างสนทนาค่อยๆ ขมวดคิ้วหลังจากเห็นบรู๊คที่กลายเป็นเศษเนื้อในกลุ่มดาวต้นกำเนิด
"เรียนผู้นำตระกูล แผนการล้มเหลว! น้องชายของนิกริชจ้างนักท่องอวกาศระดับหนึ่งดาวมา ผมไม่สามารถสู้ได้เลย…..แถมผมยังเกือบโดนหมอนั่นจัดการด้วย"
เสียงของบรู๊คดังออกมาจากความว่างเปล่า
"อะไรนะ? อีกฝ่ายถึงขั้นจ้างนักท่องอวกาศหนึ่งดาวมาเลยงั้นหรอ?" สีหน้าของชายแก่ในม่านแสงหน้าต่างสนทนาเปลี่ยนไปหลังจากที่เขาได้ยินเช่นนั้น
ก่อนที่จะหล่าวขึ้นว่า "ในเมื่ออีกฝ่ายจ้างนักท่องอวกาศหนึ่งดาว ถ้าอย่างนั้นแผนเราจะล้มเหลวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก "
"นายเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์อาณาเขตขั้นแรกได้พันปีเท่านั้น พูดตามจริงนายยังถือว่าเป็นแค่มือใหม่ในระดับปรมาจารย์อาณาเขต การที่จะหมดทางสู้กับนักท่องอวกาศนั้นก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน "
"แค่รอดมาได้ก็โชคดีมากแล้ว"
แต่หลังจากที่พูดจบชายแก่ในม่านแสงหน้าต่างสนทนาก็พูดขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงที่ผสมไปด้วยจิตสังหาร
"ไอ้ขยะนิกริชนั่น ตอนแรกฉันคิดว่าไอ้เกมแย่งอำนาจนี่จะมีค่าอยู่บ้าง หลังจากที่เราช่วยมันคุมอำนาจในดาวเบต้า และให้มันส่งรายได้ให้ตระกูลแทลอนของเราทุกๆปี... แต่ฉันไม่คิดเลยว่าฉันจะคาดการณ์ผิดขนาดนี้"
"แต่ดีแล้วที่นายรอดออกมาได้ ไม่อย่างงั้นครั้งนี้ตระกูลแทลอนของเราจะสูญเสียมาก ๆ แน่นอน"
บรู๊คเองก็เกลียดนิกริชมากๆเช่นกัน….หากไม่ใช่เพราะหมอนั่นขอความช่วยเหลือจะมีหรอที่เขาเอาตัวมาเกี่ยว และมาตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้?
"ผู้นำตระกูลครั้งนี้ผมบาดเจ็บสาหัสมาก….ผมคงต้องพักรักษาตัวและซ่อมแซมร่างกายที่นี่ราวครึ่งเดือนก่อนที่จะกลับตระกูลได้" บรู๊คพูดขึ้น
"รักษาตัวเองให้เต็มที่เลยฉันจะให้โคลกับอลิซาไปปกป้องนาย" ชายแก่กล่าวขึ้น
"ขอบคุณครับผู้นำตระกูล" เมื่อเขาได้ยินมาว่าผู้นำตระกูลจะส่งพี่ใหญ่โคล และพี่สองอลิซามาช่วยป้องกันเขานั้น บรู๊คก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ด้วยการปกป้องจากทั้งโคลและอลิซา ความปลอดภัยของเขาก็เพิ่มมากขึ้นอีก
ตอนนี้นั้นเขาอ่อนแอมาก เพราะเขาถูกทำร้ายอย่างหนัก ในตอนนี้นั้นพลังของเขาไม่ถึงหนึ่งในหมื่นของพลังที่เขาเคยมีด้วยซ้ำ โดยสถานการณ์แบบนี้นั้นหากเขาต้องเจอระดับปรมาจารย์อาณาเขตคนอื่นเขาจะตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง
โชคดีที่พี่ใหญ่โคล และพี่สองอลิซากำลังมา เขาเพิ่งแค่ต้องเอาตัวรอดในช่วงวันถึงสองวันนี้เท่านั้น
ในตอนที่บรู๊ค ถอนหายใจออกมานั้นเขากลับรู้สึกได้ว่าท้องฟ้ากำลังมืดลง เหนือนทุ่งหิมะนั้นได้มีห้วงอวกาศที่เก่าแก่อันไร้ที่สิ้นสุดโผล่ออกมา แสงดาวนับไม่ถ้วนส่องประกายออกมาจากมุมของห้วงอวกาศด้วยการเคลื่อนที่ที่ยากจะคาดเดา
และตรงกลางของห้วงอวกาศที่เก่าแก่นี้นั้นมาร่างของใครบางคนที่ลอยอยู่ด้วยปีกสีเงินแปดปีก
"ใครกัน?" บรู๊คกล่าวขึ้นด้วยความตื่นตระหนก
แต่คำตอบที่เขาได้คือลำแสงดวงดาวที่ราวกับพุ่งออกมาจากสวรรค์และทะลุมิติลงมา
"ตูม——"
ทันใดนั้นทุ่งหิมะและหุบเขาในบริเวณรอบๆ ก็ได้ถูกลำแสงดวงดาวนี้ทำลายจนกลายเป็นหลุมลึกกว้างขนาดใหญ่หลายร้อยกิโลเมตร
กลุ่มดาวต้นกำเนิดที่มีหน้าที่ในการป้องกันเศษเนื้อของบรู๊คนั้นถูกลำแสงโจมตีเข้ามโดยตรง
คอมพิวเตอร์โฟตอนของเขาถูกเผาเป็นเศษฝุ่นในพริบตา
ด้วยพลังงานมหาศาลที่ประกอบไปกับพลังกฎเเห่งมิติ, มันได้พุ่งเข้ามาทำลายยเศษชิ้นส่วนของบรู๊ค และเปลี่ยนให้ชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
"แกเป็นใครกัน? ฉันจะไม่ปล่อยให้แกรอดไปได้แน่ๆ!"
บรู๊คคำรามโดยความเศร้า เศษชิ้นส่วนมากมายของเขาได้หายไปต่อหน้…..แสงของกลุ่มดาวต้นกำเนิดที่ป้องกันเขาไว้ก็ยิ่งมืดลงไปอีก
แต่น่าเสียดายที่คำถามของเขานั้นไม่ได้รับคำตอบกลับมา
และมิติบริเวณนั้นกลับบิดเบือนมากยิ่งขึ้นและรอยแตกที่น่ากลัวก็ได้ปรากฏขึ้นมา
มิติในบริเวณนั้นค่อยๆแตกสลายและกลับมารวมตัวกันใหม่เรื่อยๆ
ตอนนี้เองที่บรู๊คถูกโจมตีอีกครั้งและเปลี่ยนให้เศษชิ้นส่วนที่เหลือของเขาให้ค่อยๆกลายเป็นหมอกเลือดด
ที่แย่ไปกว่านั้นคือกลุ่มดาวของเขาเองก็ได้รับความเสียดายด้วยเช่นกัน
ตอนนี้เองที่บรู๊คสามารถสัมผัสได้ถึงความตายที่เข้าใกล้เข้ามา
"ถ้าแกต้องการจะฆ่าบรู๊คผู้นี้ ฉันก็จะลากแกไปด้วย!"
บรู๊คคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง เศษเนื้อของเขากลายเป็นไอหมอกเลือดและกลุ่มดาวที่กำลังหมดแสงกลับเข้ามารวมตัวกันเป็นดาบสีเลือดที่พุ่งเข้าไปฟันร่างแปดปีกที่ลอยอยู่
อย่างไรก็ตาม, ก่อนที่ดาบสีเลือดจะได้ฟันร่างแปดปีกนั้น
ร่างแปดปีกก็ได้ทำการพับมิติตรงหน้าเขา
ดาบสีเลือดได้ตัดผ่านมิติจำนวนนับไม่ถ้วน
เเต่หลังจากที่มันตัดผ่านมิตินับร้อย…..ในที่สุดมันก็หมดพลังเเละมาหยุดอยู่ตรงหน้าของร่างแปดปีก
ตอนนี้ดาบสีแดงไม่หลงเหลือพลังอะไรอยู่แล้ว, และมันถูกป้องกันได้ง่ายๆด้วยโล่อวกาศ
"ศาสตร์ลึกลับอวกาศและปีกสีเงินแปดปีก..." บรู๊คมองไปที่ร่างของชูโจวหลังโล่อวกาศ และนึกถึงข้อมูลในส่วนลึกของความทรงจำของเขา
"แก….แกมันร่างทดลองจากโลกงั้นหรอ?" เขาพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง
อย่างไรก็ตาม, คำตอบที่เขาได้รับคือหลุมดำที่น่าสะพรึงกลัว
หลุมดำนี้ได้ดูดกลืนทุกชิ้นส่วนของบรู๊ค และรวมไปถึงกลุ่มดาวต้นกำเนิดที่ปกป้องเขาอยู่อีกด้วย
……………..