ตอนที่ 99 นายน้อยตัน
ตอนที่ 99 นายน้อยตัน
ผู้นำตระกูลเซี่ยกำลังเดินวนอยู่ในห้องอย่างกระวนกระวาย
จนกระทั่งลู่ชางเฉิงมาก ผู้นำตระกูลเซี่ยได้คว้ามือของลู่ชางเฉิงไว้อย่างรวดเร็วและพูดทันทีว่า “หมอลู่ ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว ได้โปรดช่วยลูกสาวของข้าด้วยเถอะ”
“ท่านผู้นำตระกูลเซี่ยไม่ต้องกังวล ขอข้าตรวจดูก่อนเถอะว่านายน้อยหญิงเซี่ยนั้นเป็นอะไร” ลู่ชางเฉิงตอบ
ลู่ชางเฉิงเดินเข้ามาและพบว่าร่างของนายน้อยหญิงเซี่ยกำลังถูกมัด
เธอดูงุนงง แววตาของเธอนั้นว่างเปล่า ใบหน้าและผมของเธอซีด นอกจากนี้เธอยังเรียกชื่อ "จางหลาง" ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ราวกับว่าตอนนี้เธอเป็นบ้าไปแล้ว!
ไม่แปลกใจเลยที่ผู้นำตระกูลเซี่ยจะหมดหวังมากขนาดนี้ เพราะถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป นายน้อยหญิงเซี่ยก็คงจะเป็นบ้าหรือกลายเป็นคนผิดปกติ ซึ่งผลลัพธ์ทั้งสองอย่างนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้นำตระกูลเซี่ยอยากให้เป็น
ลู่ชางเฉิงพยายามคุยกับนายน้อยหญิงเซี่ย แต่เธอกลับไม่ตอบสนองใดๆกลับมา
จากนั้นเขาก็ถามสาวใช้ถึงรายละเอียดบางอย่างก่อนที่จะเริ่มตรวจสอบชีพจรของนายน้อยหญิงเซี่ย
หลังจากผ่านไป 15 นาที ลู่ชางเฉิงก็ลุกขึ้นยืน
"หมอลู่ ลูกสาวของข้าเป็นยังไงบ้าง?" ผู้นำตระกูลเซี่ยถาม
ลู่ชางเฉิง เหลือบมองไปรอบๆห้อง
“หมอลู่ พูดออกมาตรงๆได้เลยเพราะทุกคนในห้องนี้คือคนที่ข้าไว้ใจ”
ผู้นำตระกูลเซี่ยให้ความมั่นใจกับลู่ชางเฉิง เพราะนอกจากผู้นำตระกูลเซี่ยและภรรยาของเขาแล้ว คนเดียวในห้องก็คือสาวใช้ส่วนตัวของนายหญิงเซี่ยและไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องเลย
ลู่ชางเฉิงส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ท่านผู้นำตระกูลเซี่ย ข้าแนะนําให้นายน้อยหญิงเซี่ยพักผ่อนให้มากขึ้นและหลีกเลี่ยงการใช้ยาโป๊วอีก เมื่อพิจารณาจากสภาพในตอนนี้ของเธอ นอกจากเธอจะใช้ยาโป๊วอีกครั้งแล้ว แต่ปริมาณที่เธอใช้ในครั้งนี้ยังสูงขึ้นมากจนทำให้เธอต้องกลายเป็นเช่นนี้”
“อะไรนะ? ยาโป๊วงั้นรึ?” ใบหน้าของผู้นำตระกูลเซี่ยมืดมนลง
เขาหันมามองสาวใช้ทันทีและถามอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวเหม่ย เจ้าเป็นสาวใช้ส่วนตัวของลูกข้า บอกข้ามาซะว่าเจ้าได้เจอใครบ้าง!”
ใบหน้าของเสี่ยวเหม่ยในตอนนี้ซีดลงอย่างมาก
เธอรู้ว่านายน้อยหญิงของเธอกำลังตกอยู่ในอันตรายและคงไม่มีใครปกป้องเธอได้ในตอนนี้
แต่ถ้าเธอปิดบังความจริงเอาไว้ มันอาจจะลงเอยด้วยการที่เธอจะถูกฆ่าโดยผู้นำตระกูลเซี่ย
ดังนั้นเสี่ยวเหม่ยจึงพูดติดอ่างว่า “เขา... เขาคือนายน้อยตันค่ะ”
“นายน้อยหญิงได้พบกับนายน้อยตันตอนที่เธอออกไปนอกเมืองเพื่อไปเดินเล่น ซึ่งพวกเขาแลกเปลี่ยนจดหมายกันและหลังจากนั้นนายน้อยหญิงก็ค่อยๆตกหลุมรักนายน้อยตันค่ะ”
“เธอกำชับไม่ให้ข้าบอกท่านกับนายหญิงเรื่องนี้ และต่อมาเมื่อนายน้อยหญิงล้มป่วย เธอจึงตัดการติดต่อกับนายน้อยตัน แต่หลังจากที่อาการของเธอดีขึ้น เธอก็กลับไปพบกับนายน้อยตันที่นอกเมืองอีกครั้ง ข้าเองก็ไม่คิดว่านายน้อยหญิงจะถูกวางยาอีกครั้งแบบนี้...”
"ท่านผู้นำ นายหญิง ได้โปรดให้อภัยข้าด้วยเถิด!"
เสี่ยวเหม่ยยังคงก้มหนน้าลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในตระกูลที่โดดเด่นและเรืองอำนาจ เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอายอย่างมาก
ใบหน้าของผู้นำตระกูลเซี่ยดูเคร่งขรึมมากขึ้นเมื่อได้ยินว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่ได้โกรธรกลับกันแววตาของเขานั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารแทน
"แล้วเจ้านั่นมันอยู่ที่ไหน?!" ผู้นำตระกูลเซี่ยถาม
“ข้าไม่รู้” เสี่ยวเหม่ยตอบอย่างกังวล “ทุกครั้งที่นายน้อยตันและนายน้อยหญิงแลกเปลี่ยนจดหมายกันพวกเขาจะเลือกเจอกันที่จุดนับพบของทั้งสองคนค่ะ”
"ป้าบบ!"
ผู้นำตระกูลเซี่ยตบเสี่ยวเหม่ยจนหน้ากระแทกลงกับพื้นทันที
ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมความโกรธของเขาได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งทันที “ค้นหาตัวของมันทั้งเมืองซะ! แม้ว่าจะต้องพลิกแผ่นดินก็ต้องตามหาตัวมันให้ได้!”
“คุณพี่ ได้โปรดใจเย็นๆก่อนเถิด เรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆจัดการอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นจะทําให้ชื่อเสียงของตระกูลเราเสื่อมเสียได้” ภรรยาของเขาให้คำแนะนําทันที
แม้ว่าความโกรธของผู้นำตระกูลเซี่ยจะลดลงเล็กน้อย แต่จิตสังหารของเขายังคงอยู่ เขาหันไปหาลู่ชางเฉิงและถามว่า "หมอลู่ แล้วเจ้ามีวิธีรักษาไหม?"
“ข้ามีอยู่แล้ว ข้าจะสั่งยาเพิ่มอีกชุดและให้เธอพักฟื้นสักสองสามวัน หลังจากนั้นเธอน่าจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเราต้องแน่ใจว่านายน้อยหญิงนั้นจะไม่ไปยุ่งกับยาโป๊วอีก” ลู่ชางเฉิงตอบ
หลังจากที่สั่งยาแล้ว ลู่ชางเฉิงก็จากไป เพราะเขาไม่อยากมีส่วนรู้เห็นมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นกับตระกูลที่มีชื่อเสียง ส่วนเรื่องนายน้อยตันนั่นเป็นปัญหาของผู้นำตระกูลเซี่ยที่เขาต้องจัดการเอง
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปหลายวัน
ลู่ชางเฉิงรู้สึกตัวว่าเขาอยู่ในเมืองหยานเฉิงมาประมาณสิบวันแล้ว และอาการของนายน้อยหญิงเซี่ยก็ดีขึ้น ดังนั้นควรให้เธอกินยาอีกสองสามวันแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ผู้นำตระกูลเซี่ยนั้นมีอิทธิพลอย่างมากในเมืองหยานเฉิงและนอกเหนือจากกลุ่มวารีทมิฬแล้ว แทบจะไม่มีใครกล้าท้าทายเขา นอกจากนี้ ครั้งล่าสุดที่ลู่ชางเฉิงสวมบทบาท "จวงซี่หนาน" เข้าไปทําลายกลุ่มวารีทมิฬ ผู้ดูแลห้องโถงต่างๆก็กําลังยุ่งอยู่กับการแย่งชิงตําแหน่งผู้นำกลุ่ม ซึ่งพวกเขาไม่คิดที่จะต่อสู้กับตระกูลเซี่ยเลย
ตระกูลเซี่ยนั้นได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากความช่วยเหลือจากลู่ชางเฉิง ส่วนวิธีที่ผู้นำตระกูลเซี่ยจะจัดการกับนายน้อยตันนั้น ลู่ชางเฉิงไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้นายน้อยหญิงเซี่ยได้ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านแล้ว
ลู่ชางเฉิงเองก็ไม่ต้องการอยู่ในเมืองหยานเฉิงอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงอําลาผู้นำตระกูลเซี่ย
“ท่านผู้นำตระกูลเซี่ย ในเมื่ออาการของนายน้อยหญิงเซี่ยเริ่มทรงตัวแล้ว ให้เธอพักผ่อนอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์เธอก็น่าจะหายดีแล้ว”
“ดังนั้น ข้าจึงจะขอตัวลาท่านกลับไปที่เมืองหนานหยาง”
ลู่ชางเฉิงพูดความตั้งใจของเขาออกไปตรงๆ
ผู้นำตระกูลเซี่ยดูไม่แปลกใจเลย เขายิ้มและพูดว่า “หมอลู่ ความสามารถด้านการรักษาของเจ้านั้นช่างน่าทึ่งมาก ต้องขอบคุณจริงๆที่หมอวู่ได้แนะนำเจ้าให้มารักษาลูกสาวของข้า”
“ไปเอาทองคำสองร้อยเตมาให้หมอลู่เร็วเข้า”
“หมอลู่ ได้โปรดอย่าปฏิเสธทองจำนวนนี้เลย ถ้าไม่มีเจ้า ลูกสาวของข้าก็คงจะตายไปแล้ว”
“ผู้พิทักษ์หลิว จงจัดหน่วยคุ้มกันหมอลู่และไปส่งเขาจนกว่าจะถึงเมืองหนานหยางอย่างปลอดภัยเร็วเข้า!”
ผู้พิทักษ์หลิวนั้นเป็นนักศิลปะการต่อสู้ในขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะ หลังจากที่ได้ฟังคำสั่งเขาจึงแสดงความเคารพต่อหมอลู่ทันที
"ครับท่าน"
ผู้พิทักษ์หลิวไปเตรียมการจัดการทันที
ไม่นานหลังจากนั้นข้ารับใช้ก็นําทองคํามาสองร้อยเตล
ลู่ชางเฉิงไม่ได้ปฏิเสธ เพราะยังไงมันก็เป็นของเขา
นายน้อยหญิงเซี่ยซึ่งถูกกักบริเวณอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกมาแสดงความขอบคุณ แต่ลู่ชางเฉิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
หลังจากนั้นเขาก็เก็บข้าวของและขึ้นไปบนรถม้า
รถม้าค่อยๆมุ่งหน้าออกจากเมืองหยานเฉิงและมาถึงป่าไผ่ด้านนอกเมือง
"ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว"
ทันใดนั้นลูกศรจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากป่าไผ่ทั้งสองข้าง..