Chapter 8: พลบค่ำ
"การม้วนข้างใช้กำลังกายไม่มาก การม้วนหน้าและม้วนหลังใช้กำลังกายท่าละห้าหน่วย และการพลิกข้างมือเดียวใช้กำลังกายถึงสิบหน่วยต่อครั้ง" ฉินหรานคิดทบทวนกระบวนท่าที่เขาทำในขณะที่ดูหน้าต่างสกิลไปด้วย
[เงื่อนไขการใช้งาน: กำลังกาย]
ไม่มีข้อยกเว้น ทุกสกิลล้วนสิ้นเปลืองกำลังกาย แต่ไม่มีระบุว่าแต่ละสกิลใช้กำลังกายกี่หน่วย
"ระบบไม่ระบุว่าสกิลพวกนี้สิ้นเปลืองกำลังกายแค่ไหน ฉันคิดว่ามันอาจจะต่างกันไปขึ้นกับความยากในการใช้สกิลตอนนั้น ๆ"
เมื่อนึกถึงการต่อสู้ก่อนหน้าและกระบวนท่าที่เขาเพิ่งแสดงไปเมื่อครู่ เขาก็สรุปออกมาอย่างง่ายดาย เขาอ่านบันทึกของระบบทั้งหมดเผื่อจะได้ข้อมูลมากขึ้น มันไม่ระบุจริง ๆ นั่นแหละว่าแต่ละกระบวนท่าใช้กำลังกายเท่าไหร่ แต่กำลังกายของเขาลดลงจริง เหมือนตอนที่สถานะ [ความหิว] ของเขาปรากฏขึ้นที่หน้าต่างตัวละคร
"มันเป็นข้อมูลแฝง? หรือว่ามัน...?" เขาคิดในใจ ขมวดคิ้ว
เขาเคยเล่นเกมแบบนี้หลายครั้ง และเคยอ่านข้อมูลแฝงมากมาย พวกมันมีทั้งแบบที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงหรือเป็นข้อมูลที่จะเปลี่ยนสถานกาณ์ไปเลย แต่ตอนนี้เขาอยู่ในเกมใต้ดิน ที่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นอย่างหลัง เขารีบรวบรวมความคิด ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์ที่จะคิดต่อและเขาไม่ต้องการเปลืองแรงกับเรื่องนี้
"ฉินหราน นายสอนการต่อสู้ให้ฉันได้ไหม?" คอลลีนถาม
"ได้สิ ไม่มีปัญหา" เขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ดังนั้นจึงพยักหน้าและพูด "ศิลปะการต่อสู้มีหลายรูปแบบ แต่ผมถนัดแค่กริชนะ"
ฉินหรานรู้เรื่องศิลปะการต่อสู้มากมาย แต่ความรู้ของเขานั้นส่วนใหญ่เป็นแค่สัญชาตญาณและความเข้าใจที่พื้นฐานมาก ๆ เหมือนกับคนอื่น ๆ ถ้าต้องเอามาใช้จริงเพื่อช่วยใคร เขาคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้
ยกเว้นสกิล [อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน)] ของเขา
หลังจากที่เขาเรียนรู้สกิลนั้น ๆ มันทำให้เขาดูเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ใช้กริชมานานนับปี และในหัวของเขายังจู่ ๆ ก็มีข้อมูลและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับกริชขึ้นมา หากนั่นคือทั้งหมดที่เขาสอนเธอ มันก็ยิ่งกว่าเพียงพอ
"นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ!" คอลลีนยิ้ม เธอดีใจที่จีหรานยินดีสอนวิธีใช้กริชในการต่อสู้ให้เธอ
เธอได้เห็นการใช้กริชในการต่อสู้ของจีหราน เขาไม่เพียงแค่เร็วและแม่นยำ แต่ยังสามารถลงมือสังหารสำเร็จทุกครั้งที่ลงมือ เมื่อคิดถึงว่านี่เป็นช่วงสงคราม คอลลีนรู้ว่าเธอต้องการข้อได้เปรียบที่วิธีการใช้กริชจะมอบให้เธอได้
ฉินหรานอธิบายเทคนิคของเขาพร้อมสาธิตให้ดู ระบบไม่ได้ถามเขาเพื่อยืนยันว่าเขาต้องการสอนคนอื่นหรือไม่ เห็นได้ชัดเจนว่าฉินหรานทำได้แค่เรียนจากคนอื่น แต่สอนคนอื่นไม่ได้
มันจะอาจเป็นเพราะข้อจำกัดของเกม หรือเพราะระดับสกิลของเขายังต่ำเกินไป ชั้นเรียนใช้เวลาตั้งแต่เช้าจนบ่ายพวกเขาถึงได้พัก
"ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีพรสวรรค์!" คอลลีนหยุดมือแล้วยื่นกริชคืนให้ฉินหรานพลางส่ายหน้า
"คุณทำได้ดีมากแล้ว" เขาตอบ เขาไม่ได้แค่พูดเพื่อปลอบเธอ มันคือความจริง แต่เธอคิดว่าเขาพยายามปลอบใจเธอ
"ฉันดูโง่ไปเลยเมื่อเทียบกับนาย" เธอถอนหายใจ เธอได้แสดงความแข็งแกร่งของตัวเองออกมาแล้ว และนั่นพิสูจน์ได้จากการเอาชีวิตรอดในช่วงสงครามนี้มาได้ถึงสี่เดือน "ไม่ต้องห่วง" เธอพูด "ฉันจะไม่เป็นตัวถ่วงระหว่างการต่อสู้คืนนี้"
"ผมเชื่อคุณ" ฉินหรานพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
แม้ว่าจะเป็นเวลาพัก แต่พวกเขาก็ไม่ให้เสียเปล่าไป แต่ใช้ช่วงเวลานี้ปรึกษาหาวิธีทำให้แผนการสมบูรณ์ที่สุด คอลลีนใช้นิ้ววาดผังเมืองลงบนพื้น หลังจากนั้นครู่ใหญ่ พวกเขาก็มีแผนที่ทั้งหมดของวิลล่าการ์เด้น
"นี่คือถนนหลักของวิลล่าการ์เด้น มันกว้างราว ๆ เจ็ดถึงแปดเมตร เป็นที่โล่งกว้าง พวกเราสู้ตรงนี้ไม่ได้ ถ้าพวกเราถูกล้อมก็ตายแน่ ๆ จุดต่อสู้ที่ดีที่สุดน่าจะเป็นบริเวณซากปรักหักพังนี่ ไม่ใช่แค่มีที่กำบังพวกเราจากอีกฝ่าย แต่ยังมีพวกเศษหิน เศษไม้ กำแพงก็ยังดีอยู่ แถวนี้น่าจะแก้ปัญหาข้อเสียเปรียบจากการมีจำนวนน้อยกว่าได้" คอลลีนพูด น้ำเสียงจริงจังขณะชี้ไปที่แผนที่
"งั้นก็เริ่มลงมือที่นั่น" ฉินหรานเห็นด้วย
สำหรับคนนอกพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมแบบเขา คำแนะนำของคอลลีนมีค่ามาก เขาทำความเข้าใจกับสิ่งที่เธอพูดโดยเฉพาะเมื่อเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสภาพพื้นที่
"นอกจากนี้แล้ว มีอะไรอีกบ้างที่ผมควรระวัง?" เขาถาม พยายามขอข้อมูลเพิ่มเพื่อตัวเอง
"มีกลุ่มโจรอื่น ๆ ที่นี่ ส่วนตรงนั้น..." คอลลีนไล่ชี้ไปตามแผนที่ อธิบายให้จีหรานฟังเกี่ยวกับศัตรูของพวกเขา
พวกเขาพูดคุยกันจนถึงพลบค่ำ
...
'จิ้งจอก' หูเค่อ คือมือขวาของอีแร้งและเป็นลูกน้องที่เชื่อถือได้ที่สุดของมัน
ในตอนนี้ หูเค่อกับลูกน้องอีก 6 คนกำลังเคลื่อนกำลังไปยังวิลล่าการ์เด้น ทุกคนพีอาวุธปืนและเสื้อกันกระสุน ทั้งหกคนมองไปรอบ ๆ ในขณะที่หูเค่อเต็มไปด้วยความเดือดดาล ใครมันกล้าท้าทายอีแร้งที่แสนร้ายกาจ!
ในฐานะมือขวาของอีแร้ง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหูเค่อนั้นมีประโยชน์มากต่อการขยายอำนาจของอีแร้งมาในบริเวณนี้ หูเค่อเองก็ภูมิใจนัก เขาปลาบปลื้มกับตำแหน่งนี้ยิ่งก็เพราะผลประโยชน์ที่มาพร้อมกันนี้ ในขณะที่คนอื่นอดอยาก เขามีอาหารที่ดีและได้กินอิ่ม เขายังมีอาวุธ และสามารถจัดการใครก็ตามที่เขาไม่ชอบได้ นี่เป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบสำหรับหูเค่อ หากใครกล้าเข้ามาเป็นยุ่ง เขาจะฆ่ามันซะ
ดังนั้น ตอนที่เขาได้ข่าวว่าลูกน้องสองคนถูกฆ่าตาย หูเค่อบอกอีแร้งว่าเขาต้องการสังหารคนผู้นั้นด้วยตนเอง
"พวกมันน่าจะอยู่แถวนี้ หาตัวให้เจอแล้วลากออกมา! ระวังด้วย อย่าไปไกลเกินนัก ไอ้สารเลวสองคนนั้นมีปืนสองกระบอก อย่าประมาทโง่ ๆ แค่เพราะหนึ่งในนั้นเป็นผู้หญิง!" หูเค่อตะโกนใส่ลูกน้อง
"เข้าใจแล้วครับ!" ทั้งหกคนตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนจะก้าวเข้าสู่เศษซากปรักหักพัง
พวกมันทุกคนล้วนรู้สึกดูถูกเป้าหมายของพวกมันอยู่ในระดับหนึ่ง มีปืนแล้วยังไงล่ะ?
ตามกฎของกลุ่มอีแร้ง แต่ละครั้งที่ทุกคนออกจากฐานจะได้กระสุนปืน 4 นัด ระหว่างถนนบรอดเวย์ที่หกและเขตวิลล่าการ์เด้น สหายที่ตายไปแล้วของมันคงจะเสียกระสุนไปหนึ่งหรือสองนัดเพราะนั่นเป็นสิ่งที่พวกมันมักจะทำ พวกมันจะยิงเพื่อขู่โจรอื่นหรือชาวเมือง พวกมันชอบดูคนอื่น ๆ ตะกายหนีอย่างหวาดกลัวเวลาพวกมันยิงปืน นี่เป็นงานอดิเรกเพียงอย่างเดียวของพวกมันในช่วงสี่มาเดือนนี้ ด้วยความเคยชินนี้ กระสุนของพวกมันจึงเหลือน้อยลงเมื่อเผชิญกับสวะทั้งสอง ดังนั้น ต่อให้ไอ้สองคนนั้นมีปืนแล้วยังไงล่ะ? พวกมันจะคุกคามอะไรได้ในเมื่อมีกระสุนจำกัด?
แต่ว่า อีแร้งก็โกรธมากที่คนของมันตายไปสองคน และส่งคนออกมาเพิ่มเป็นสองเท่าและให้กระสุนมาอย่างเพียงพอรวมทั้งเสื้อกันกระสุน พวกมันมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมและไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด แม้ว่าเสื้อกันกระสุนที่พวกมันสวมจะไม่สามารถป้องกันกระสุนปืนไรเฟิลได้ แต่แค่ปืนสั้น M1905 นั้น ยิ่งกว่าพอเสียอีก พวกมันแต่ละคนคิดเหมือนกัน แม้แต่หัวหน้ากลุ่ม จิ้งจอกหูเค่อ
หูเค่อถือปืนไว้ในมือขณะที่เดินตามหลังลูกน้องและกวาดตามองรอบตัว เขาคันไม้คันมืออยากฆ่าสองคนนั้นแล้ว
...
ฉินหรานเองก็รู้สึกอยากลงมือแล้วเหมือนกัน เขาซ่อนตัวอยู่ด้านหลังซากปรักหักพัง แต่ตั้งแต่แรกที่กลุ่มของจิ้งจอกหูเค่อเดินเข้ามาในพื้นที่นี้ เขาก็สะกดรอยตามมาพวกมันมาแล้ว ที่จริงแล้ว จีหรานคิดว่าหูเค่อจะมาถึงที่ซ่อนของพวกเขาเร็วกว่านี้ พวกเขาอาจจะสลัดคนที่ไล่ตามมาทิ้งไปได้ แต่มันก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าฉินหรานและคอลลีนจะมุ่งหน้าไปทางไหน
โดยรวมแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ตอนนี้ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือรอโอกาส รอให้พวกมันเข้ามาใกล้กว่านี้เพื่อที่จะสามารถลงมือฆ่าได้ในรวดเดียว นี่ไม่ใช่งานง่าย ๆ เลย มันต้องใช้ความอดทนสูง รวมถึงมีทักษะระดับหนึ่ง ข่าวดีก็คือ ฉินหรานเป็นคนที่มีความอดทนสูงมาก
เขามีทั้งสกิล [อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน)] ซึ่งทำให้เขาเก่งกว่าที่เคยเป็น ความอดทนบวกกับสกิลทำให้งานยากง่ายขึ้น และการที่คนพวกนั้นเต็มไปด้วยการดูถูกและประมาทฉินหราน ก็ยิ่งทำให้งานง่ายขึ้นอีก พวกมันเจ็ดคนเดินเรียงกันเป็นแถวตรง รักษาระยะห่างจากคนอื่นและเริ่มค้นหาทั่วบริเวณ
มีคนหนึ่งเดินผ่านข้างตัวฉินหรานไป
มันแค่เดินกร่างไปทั่วอย่างไม่ใส่ใจ พวกมันไม่เห็นฉินหรานเลยด้วยซ้ำ พวกมันแค่มองไปรอบ ๆ พยายามหาพวกที่ซ่อนตัวหรือทางเข้าลับ เพราะพวกมันคิดไม่ถึงเลยว่าฉินหรานและคอลลีนจะกล้ารุกใส่พวกมันก่อน พวกมันแน่ใจว่าทั้งสองคนน่าจะกลัวและซ่อนตัวอยู่ตรงไหนสักแห่งแถวนี้ พอฉินหรานกระโจนใส่มัน มันก็ตกใจ
ฉัวะ!
คมของกริชตัดผ่านลำคอ
"อึ้กก!"
เลือดไหลเข้าหลอดลม ทำให้คนร้ายส่งเสียงไม่ได้และทำได้แค่กรีดร้องด้วยเสียงต่ำพร่า ฉินหรานลากมันเข้าไปในซากตึกด้วยสีหน้าอ่านไม่ออกเหมือนเขาได้ตายไปแล้ว
[แทง: โจมตีถึงตาย ก่อความเสียหาย 100 แต้มต่อเป้าหมาย (อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน) 50x2) เป้าหมายเสียชีวิต…]
"เสร็จไปหนึ่ง" จีหรานบอกตัวเองขณะที่หยิบ M1905 ของโจรไป
เขาสำรวจปืนเร็ว ๆ มันเสียหายแต่มีกระสุนเต็มแม็ก ทั้งหมด 7 นัด นี่ทำให้เขาดีใจขึ้นมาแวบหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าแผนจะสำเร็จ ฉินหรานยกปืนให้คอลลีนกระบอกหนึ่งพร้อมกระสุน 5 นัด อันที่จริงเขาวางแผนว่าจะให้กระสุนทั้งหมดกับเธอเพื่อให้พวกคนร้ายประหลาดใจ เพราะนี่มันก็แค่ไม่กี่ชั่วโมงนับจากที่เธอเรียนกับเขา สกิลของเธอน่าจะยังไม่สามารถใช้ในการต่อสู้จริง ๆ ได้
ตอนนี้เขามี M1905 ที่มีกระสุนเต็มแม็ก เป็นของขวัญที่ไม่คาดคิด แต่ที่ดีที่สุดก็คือ เสื้อกันกระสุนของเจ้าโจรนี่
.
.
.
.