Chapter 290 พลิกแพ้เป็นชนะ
ตูมมม!
ตูมมมม!
บนลานยุทธ์เสียงปะทะกันดังกึกก้อง.
เถียนซีที่ด้อยกว่าหรานฮุย ทว่ายังสามารถรับมืออีกฝ่ายได้อย่างมั่นคง ทำให้ใบหน้าของทุกคนกระตุกไปมา.
“นี่มัน...”
ทุกคนต่างก็ตื่นตะลึงแทบไม่อยากเชื่อกับภาพที่เห็น.
ตั้งแต่เริ่มประลอง เขารับการโจมตีของอีกฝ่ายหลายสิบกระบวนท่าไปแล้ว.
สำนักไท่กู่เจิ้งที่มีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สี่ที่เสียเปรียบอย่างมาก แต่กับรับมืออีกฝ่ายได้ ไม่พ่ายแพ้ไปสักที!
นี่เขามีกายเนื้อที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร!
เถียนซีที่มีระดับต่ำกว่าหรานฮุยถึงสามขั้น ถึงแม้นว่าจะมีทักษะที่เหนือกว่า ก็ยากที่จะรับมือได้อย่างเท่าเทียม.
ทว่าต้องไม่ลืมอย่างหนึ่ง.
เขากลั่นร่างที่หอคอยเก็บประสบการณ์.
แม้นว่าจะไม่สามารถเทียบกับเซียวจุ้ยจื่อและอีกหลายคนที่เป็นอสุรกายพรสวรรค์ กายเนื้อของเขาก็ไม่อ่อนด้อยแน่นอน.
หรานฮุยที่โจมตีเข้าไปไม่ยั้ง ต้องการให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ แต่กับไม่สามารถจบการต่อสู้ได้สักที.
ไม่ว่าจะเป็นใครที่ได้ฝึกฝนอย่างหนักในหอคอยฝึกฝน ย่อมได้ผลประโยชน์เป็นอย่างมาก สามารถต้านทานการโจมตีได้อย่างเหนือล้ำแน่นอน!
“มาดูว่า เจ้าจะทนได้นานเท่าไหร่!”
หรานฮุยที่พุ่งโจมตีผลักดันอีกฝ่าย พลังหมัดที่หนักหน่วงรุนแรงโจมตีออกไปอย่างดุดัน.
เถียนซีที่ไม่หลบ เขาที่ยืนนิ่ง รับการโจมตีของอีกฝ่าย ร่างกายที่ถูกผลักออกไปด้านหลังทีละน้อย ๆ.
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ตูมมม! ตูมมม! ตูมมมม!
หรานฮุยที่โจมตีเป็นพายุบุแคมสายลมหวีดหวิว โบกพัดผลักอากาศให้ลอยออกไปกวาดม้วนกระเซ็นออกนอกสนาม.
พลังหมัดที่รุนแรงมาก จนเกิดเป็นสนามวายุ สาดซัดส่งคลื่นอากาศออกไปเป็นระลอก ๆ.
เหล่าตัวตนระดับสูงนิกายเซิ่งชวนที่เวลานี้เผยความตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก.
การโจมตีที่หนักหน่วงนี้ ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ได้แต่ตั้งรับ แม้นว่าเวลานี้จะต้านได้ ทว่าอีกไม่นานก็ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย.
เป็นความจริง.
ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งมีปัญหาอย่างงั้นรึ?
ทว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ล่ะ?
ตูมมม!
ตูมมม!
ตูมมม!
หรานฮุยยังคงกระหน่ำอัด เถียนซีที่ตั้งรับ ถูกผลักออกไปเรื่อย ๆ.
“ดูเป็นปัญหาเล็กน้อย.”หม่าหยุนเถิงเอ่ย.
หวังตงหลิงเอ่ย “นิกายเซิ่งชวนย่อมมีการสนับสนุนศิษย์ที่ไม่ธรรมดา ทำให้ศิษย์สายตรงทรงพลัง ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งไม่สามารถต้านจนพ่ายแพ้ก็สมเหตุสมผล.”
แล้วชนะหกสิบรอบก่อนหน้านี้ ไม่สมเหตุสมผลสินะ.”
ผิดแล้ว!
เถียนซีเพียงป้องกันยังไม่แพ้สักหน่อย.
เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ชนะไปก่อนหน้านี้ ตัวเขาจะแพ้ง่าย ๆ ได้อย่างไร!
ตูมมม!
หรานฮุยที่เวลานี้โจมตีออกไปเกิน 36 หมัดแล้ว กระแทกเถียนซีไปจนเกือบถึงปลายขอบลานเวที ขณะที่เขากำลังจะเผด็จศึก.
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
เถียนซีที่ตั้งหลัก กระโดดออกมาด้วยท่าเท้าเหยียบเมฆ หลบจากขอบเวทีหลุดจากหมัดสุดท้ายของอีกฝ่ายได้.
“น่ารังเกียจ!”หรานฮุยที่หันหลังกลับพุ่งไล่ตามไป หมัดของเขาที่โจมตีออกไปอีกครั้ง ด้วยความโกรธเกรี้ยวที่มากขึ้นเรื่อย ๆ
เห็นชัดเจนว่าเขาแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายมาก โจมตีกว่า 100 กระบวนท่าไปแล้ว หากแต่ไม่สามารถคว่ำอีกฝ่ายลงไปนอนกองได้สักที.
ตูมมม!
เถียนซีที่ถูกต่อย แม้นว่าจะหลบเบี่ยงตัวออกมาได้ ทว่าหมัดที่ตามมานั้น ก็ทำให้เขาพ่นโลหิตออกมา.
“คงไม่ไหวแล้ว!”
“ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง หากไม่แพ้คู่นี้ บิดายอมกินแมลงวันทั้งฝูง!”
“ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถตอบโต้ได้เลย!”
เหล่าผู้ชมชาวยุทธ์พูดคุยกันเสียงดังอื้ออึง.
ผ่านมากว่า 60 คู่แล้ว ท้ายที่สุดศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งก็ถูกศิษย์นิกายเซิ่งชวนจัดการได้สักคน.
“ผู้นำฉิน ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งจะต้องแพ้ใช่ใหม?”เจ้าสำนักดาบใหญ่เอ่ย.
ศิษย์นิกายเซิ่งชวนที่พ่ายแพ้คนแล้วคนเล่า ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะเผยความดีใจออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกตบหน้ากลายเป็นที่หัวเราะเยาะอีกครั้ง
ฉินเห่าหรานเอ่ย “ไม่มีแรงโต้กลับเลย ผลการต่อสู้นี้คงจะถูกตัดสินแล้ว หากกลับมาได้ ดวงตะวันคงขึ้นทางตะวันตกแล้ว!”
เฉินถงและพันธมิตรคนอื่น ๆ ไม่เอ่ยอะไร ทว่าเผยยิ้มออกมา.
นิกายเซิงชวนพ่ายแพ้ไปมากมายหลายคน แม้นว่าจะกลับมาชนะคนเดียว พวกเขาก็เผยยิ้มอย่างมีความสุขได้ ช่างเป็นกลุ่มคนที่โง่เง่าจริง ๆ.
......
ตูมมม!
ตูมมม!
หรานฮุยและเถียนซีต่อสู้กันมากว่า สิบนาทีแล้ว ภาพที่เห็น เวลานี้เป็นอีกฝ่ายโจมตีอย่างเดียว อีกฝ่ายที่ป้องกันไม่หยุด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง.
ทว่า.
เหล่าผู้ชมชาวยุทธ์ก็พูดอะไร ไม่ออกเช่นกัน.
ศิษย์สำนักไท่กู่เจ้งที่ถูกโจมตีนานขนาดนี้ ก็ยังแข็งแกร่งทนได้ โดยที่ไม่มีแววล้มลงแม้แต่น้อย.
การป้องกันที่ควรต้องใช้พลังวิญญาณมากมาย ควรจะพ่ายไปหลายครั้งแล้ว ไม่ ควรจะพ่ายแพ้ไปนานแล้วไม่ใช่รึ?.
อย่างไรก็ตาม.
พวกเขาที่ไม่ตระหนักถึงปัญหานี้.
พลังป้องกันที่ใช้พลังวิญญาณมาก หากแต่ฝ่ายโจมตีก็ผลาญพลังวิญญาณ ไม่ต่างกัน.
หรานฮุยที่ระเบิดพลัง กระหน่ำโจมตีไปมากมาย ความแข็งแกร่งของหมัดของเขาที่ลดลงเป็นอย่างมาก!
“พลังที่ลดลงพอเพียงแล้ว เถียนซีควรจะโต้กลับได้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เป็นความจริง.
เถียนซีที่สัมผัสได้ว่าพลังของฝ่ายตรงข้ามลดลงแล้ว เขาที่กระโดดพลิกตัวไปอีกด้าน พร้อมกับโจมตีหยั่งเชิง.
จนกระทั่งรับประกันได้แล้วว่า ฝ่ายตรงข้ามผลาญพลังวิญญาณไปเกือบหมด เขาก็ไม่ป้องกันอีกต่อไป เริ่มโต้ตอบทันที.
“ฟู่ ฟู่!”
หมัดระเบิดที่แขนซ้าย ฝ่ามือสะบั้นภูผาที่มือขวา เคลื่อนที่ด้วยท่าเท้าเหยียบเมฆา เข้าโจมตีอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง!
ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม! ตูมมม!
“นี่มัน....”ทุกคนที่หวาดผวา.
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งที่ตั้งรับมาตั้งนาน คาดไม่ถึงเวลานี้กับโต้กลับได้!
การต่อสู้ที่หรานฮุยเหนือกว่าอย่างสมบูรณ์ โดยที่เถียนซีได้แต่รับอย่างเดียว ตอนนี้มันกำลังพลิกกลับ.
เถียนซีที่ได้โอกาส ระเบิดพลังวิญญาณออกมา กระหน่ำโจมตีอีกฝ่ายไม่หยุด.
พลังที่มากมายกว่าหรานฮุยจะทนได้ ทำได้แค่ถูกผลักให้ถอยไป.
ทว่า.
กายเนื้อของอีกฝ่ายจะเทียบเท่ากับเถียนซีได้อย่างงั้นรึ?
คำตอบคือ ไม่!
ดังนั้น หลังจากใช้พลังวิญญาณไปมากมาย ตอนนี้จึงเป็นการรับหมัดด้วยกายเนื้อ ร่างของเขาถูกกระแทกให้ถอยหลังออกไปก้าวแล้วก้าวเล่า.
การโจมตีที่พลิกกลับ กลายเป็นเถียนซีที่กระหน่ำอยู่ฝ่ายเดียว!
“ข้าจะไม่แพ้ ข้าจะต้องชนะ!”
ความคิดที่ลอยในจิตใจของเถียงซี ทำให้เขากระหน่ำอัดอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง.
จนกระทั่ง.
แทบบอกได้ว่าเขาได้กลายเป็นบ้าไปแล้ว.
จนเขารู้สึกว่าได้ใช้พลังวิญญาณหายไปหมดแล้ว ร่างกายจึงรู้สึกเจ็บ เถียนซีจึงหยุด พร้อมกับหายใจหอบ ๆ.
ส่วนหรานฮุยนั้น เวลานี้นอนหมดสติบนพื้นแล้ว บนร่างกายของเขาที่ปรากฏร่องรอยหมัดและฝ่ามือเขียวช้ำดำไปทั่วร่างกาย.
“ศิษย์พี่เถียนชนะ!”หลิวหวานซีที่ตะโกนออกไปเสียงดัง.
เสียงของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งก็ดังกระหึ่ม.
พวกเขาที่ส่งเสียงเชียร์ดัง ทว่าการที่เห็นศิษย์พี่ชนะได้ก็ทำให้พ่นลมหายใจอย่างวางใจและใบหน้าเปลี่ยนเป็นสุขุม.
ทุกอย่างที่พลิกกลับอย่างรวดเร็ว จนทำให้ฝ่ายที่จะชนะอยู่แล้ว กลับกลายเป็นพ่ายแพ้.
เวลานี้มีเสียงที่ร้องตะโกนเชียร์ตัวเอง เถียนซีที่มุมปากเผยยิ้ม จากนั้นก็ระงับความเจ็บ ลากร่างที่อ่อนแรงกลับลงเวที.
เขายังยืนอยู่ได้อย่างไร ยังมีแรงเดินอีกรึ?!
ระยะทางหลายสิบเมตร เถียนซีรู้สึกมันไกลเหลือเกิน จนกระทั่งไปยืนอยู่ด้านหน้าจุนซ่างเซียว “เจ้าสำนัก...ศิษย์โชคดีที่ไม่ทำให้ภารกิจล้มเหลว...”
เหมือนว่าจะกล่าวไม่จบด้วยซ้ำ ความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าที่กระหน่ำ จนทำให้เขายากจะยืนตรง ร่างกายเอียงล้ม.
“ศิษย์น้อง!”
ซูเซียวโม่ที่ก้าวออกไปรับ.
เถียนซีที่เหนื่อยล้า จนไม่สามารถลืมตาอยู่ได้อีก.
ก่อนที่จะหมดสติ มุมปากของเขาที่ยกยิ้ม เอ่ยเสียงอ่อน “ข้า...ข้าชนะ....”
“เจ้าชนะ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ทุกคนเห็นแล้ว!”
เอาชนะคนที่เหนือกว่าสามขั้น หนำซ้ำหรานฮุยยังเป็นอาจารย์ยุทธ์ระดับสูง แม้ว่าเถียนซีจะหมดสติไปในที่สุด แต่ก็สามารถประกาศศักดิ์ดาของนิกายไท่กู่เจิ้งได้.
สำนักไท่กู่เจิง(เพรชกระดูกเหล็ก)
นามนี้คงจะก้องอยู่ในหูของทุกคน
เถียนซีได้พิสูจน์แล้ว พวกเขาที่อดทนกระดูกเหล็กไม่เคยล้ม ไม่เคยยอมแพ้ ตราบเท่าที่มีลมหายใจ!