Chapter 289 พร้อมต่อสู้เพื่อสำนัก.
“นายน้อยหลินเฟิงเหนื่อยมาก!”
“ผนึกฝ่ามือรวมวิญญาณ เป็นทักษะระดับสุดยอด แม้แต่ระดับบรรพชนยุทธ์ยังผลาญพลังวิญญาณมากมาย นี่เพียงแค่ระดับอาจารย์ยุทธ์ ไม่ต้องบอกว่าผลาญพลังวิญญาณไปมากมายขนาดไหน.”
“ตอนนี้หวังว่า ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง จะเหนื่อยล้า.....”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันเสียงดัง เซียวจุ้ยจื่อที่ใช้ท่าเท้าเหยียบเมฆาพุ่งเข้าไป หมัดระเบิดและฝ่ามือสะบั้นขุนเขาก็ถูกใช้ออกไป โจมตีอีกฝ่าย!
นี่เขาไม่เหนื่อยเลยรึ?
โทษที ก่อนหน้าเพียงแค่อุ่นเครื่อง!
ตูมม! ตูมม! ตูมม!
การโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรง แม้นว่าชิงหลินเฟิงจะรับได้ ทว่าจากที่เห็นเขาทำได้แค่หลบแทบจะล้มได้ทุกขณะ.
ทุกคนที่จะจ้องมุมปากกระตุก.
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง แบกรับฝ่ามือที่รุนแรงสองฝ่ามือ คาดว่าคงจะใช้พลังไปไม่น้อยเหมือนกัน.
ภายในใจของอาวุโสจินที่โอดครวญ “ทนไว้ เจ้าต้องทนให้ได้!”
เหมือนในอดีตที่สำนักเห่าฉี ผู้นำฉินที่เห็นศิษย์ของตัวเองคนแล้วคนเล่าพ่ายแพ้ อารมณ์ของเขาเองก็แทบพังทลายลงเช่นกัน.
ท้ายที่สุด?
ดูเหมือนว่าจะถูกอีกฝ่ายโจมตีฝ่ายเดียว ชิงหลินเฟิงไม่มีพลังโต้กลับเลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว.
ตูมม! ตูมม! ตูมม!
หมัดของเซียวจุ้ยจื่อเร็วขึ้นแลก็เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังแรงขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย.
กล้ามเนื้อที่ทุกอณูเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ ยิ่งโจมตีมากเท่าไหร่ พลังวิญญาณก็ยิ่งทะลักล้นออกมา!
เขาที่สัมผัสได้ว่า ชิงหลินเฟิงไม่สามารถทนได้แล้ว ตอนนี้จึงได้เผด็จศึกต่อยออกไปยังร่างของเขาด้วยความรุนแรง.
ตูมม---
หนึ่งหมัดที่รุนแรง กระแทกร่างของชิงหลินเฟิงลอยออกไป
ด้วยการใช้ฝ่ามือยอดผนึกรวมวิญญาณ ทำให้พลังวิญญาณของเขาหมดเกลี้ยง.
ตูมม!
ร่างของชิงหลินเฟิงกระแทกกำแพงหินกลายเป็นรูขึ้นที่ผนังห้องโถง ร่างของเขาจมเข้าไปด้านใน.
“อั๊ก!”
เขาพ่นโลหิตคำโต.
ชิงหลินเฟิงที่ยากจะโงหัวขึ้นได้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “เจ้า...เจ้า...แข็งแกร่งจริง ๆ...”
จากนั้นก็หมดสติไป.
ร่างกายของเขาที่หลุดล่วงออกมากจากหลุมบนผนัง หล่นมากองบนพื้น.
“ฟู่!”
เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนนิ่ง ยกมือประสานไปด้านหน้า ให้กับชิงหลินเฟิงที่หมดสติ “เจ้าปล่อยให้ข้าชนะ.”
จากนั้นเขาก็ก้าวลงจากเวทีไป.
ตลอดเวลา ที่เขาเดินลงมาไม่หันไปมองมู่หรงซินแม้แต่น้อย ราวกับว่านางไม่มีตัวตน.
เขาต่อสู้เพื่อสำนักไท่กู่เจิ้ง เขาไม่ได้ชนะศิษย์นิกายเซิ่งชวน เพื่อที่จะแสดงพิสูจน์ให้สตรีผู้นี้ได้เห็นแต่อย่างใด.
สองปีหลังจากนี้ ที่นิกายไป๋เหอเซิ่ง.
เมื่อข้าไปยืนที่ด้านหน้าเจ้าอีกครั้ง ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าได้เห็นเอง!
การต่อสู้จบลง ที่ในหูของจุนซ่างเซียวได้ยินเสียงดังขึ้น “ติ้ง! เอาชนะศิษย์สายตรงนิกายเซิ่งชวน 1/3.”
สบายอุรา!
เขาสบายใจ ส่วนอาวุโสจินที่เหมือนกับกำลังร้องไห้.
ศิษย์สายตรงนิกายเซิ่งชวน ใช้ท่าไม้ตาย ไม่เพียงไม่ชนะ ทว่ายังถูกทุบจนหมดสติ.
ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นเดียวกัน ชิงหลินเฟิงนับว่าแข็งแกร่งมาก.
น่าเสียดายที่มาพบกับเซียวจุ้ยจื่อ.
แม้นว่าเขาจะฝึกฝนเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น ทว่าการกลั่นร่างกายของเขานั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นอสุรกายก็ได้.
ฝ่ามือผนึกรวมวิญญาณ แม้นว่าจะทรงพลังแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรร่างของเขาได้.
แน่นอน.
หากเป็นเย่ซิงเฉินเป็นคู่ต่อสู้ ชิงหลินเฟิงคงจะล้มคว่ำพ่ายแพ้ไปนานแล้ว เพราะว่าเขาไม่มีทางที่จะใช้พลังความแข็งแกร่งรับฝ่ามืออีกฝ่ายตรง ๆ แน่.
เหล่าผู้ชมชาวยุทธ์ที่อ้าปากค้าง จ้องมองเซียวจุ้ยจื่อที่เป็นราวกับสัตว์ประหลาด.
สามารถต้านผนึกฝ่ามือรวมวิญญาณ แม้แต่ผลักมันออกไป และยังมีแรงเหลือโจมตีฝ่ายตรงข้ามจนพ่ายแพ้หมดรูป เขามีกายเนื้อที่แข็งแกร่งขนาดใหนกัน!
“น่าเกรงขามนัก!”หม่าหยุนเถิงที่ตื่นตะลึง.
เขาที่คาดการณ์เอาไว้ การปะทะกับชิงหลินฟางที่เป็นศิษย์พรสวรรค์ ถึงแม้นว่าจะชนะได้ แน่นอนควรจะจ่ายไปด้วยราคาที่สูงล้ำ.
หากแต่เซียวจุ้ยจื่อกับชนะได้โดยไร้รอยขีดข่วน ชื่อเสียงในครั้งนี้ เขาได้พิสูจน์ตัวเอง ลบนามขยะไปเรียบร้อยแล้ว.
เชื่อว่าข่าวนี้คงถูกส่งไปยังมนทลชิงหยาง ไปถึงตระกูลเซียวแน่ ๆ.
เกรงว่าพวกเขาคงจะถูกหัวเราะเยาะจากคนทั่วยุทธภพ อีกครั้งแน่ ที่ได้ไล่ยอดพรสวรรค์เช่นนี้ออกจากตระกูล.
และคงไม่ใช่แค่ตระกูลเซียว.
ผู้นำฉินและพวกก็ด้วย.
เมื่อชิงหลินเฟิงพ่ายแพ้ แต่ละคนที่พูดไม่ออก ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนกับกินแมงวันทั้งฝูงเข้าไป.
ศิษย์สายนอกของนิกายเซิ่งชวนที่พ่ายแพ้ไปแล้วคนแล้วคนเล่า นี่ก็แทบตบหน้าพวกเขาจนหูแว่วไปแล้ว ตอนนี้เซียวจุ้ยจื่อเอาชนะศิษย์สายตรง พวกเขาก็ถูกตบหน้าอย่างแรงอีกครั้ง เวลานี้เกรงว่าหน้าพวกเขาคงชาสมองบวมหาทางกลับไม่เจอแน่นอน.
มาเพื่อหัวเราะเยาะอีกฝ่ายรึ?
กลับกลายเป็นพวกเขาที่ถูกหัวเราะเยาะแทน!
ที่ตื่นตะลึงที่สุดคงจะเป็นมู่หรงซิน.
ใช้เพียงร่างกายรับท่าไม้ตายของชิงหลินเฟิง แม้แต่เอาชนะอีกฝ่ายลงด้วย!
หนึ่งปี.
เขาฝึกฝนอย่างไร ถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้.
นางที่จ้องมองแผ่นหลังของเซียวจุ้ยจื่อ พร้อมกับครุ่นคิด บุรุษผู้นี้คงจะกัดฟันอดทนฝึกฝนอย่างหนักหน่วงขนาดไหนถึงทำได้เพียงนี้.
“ซินเอ๋อ เซียวจุ้ยจื่อตระกูลเซียวนั้น พรสวรรค์ไม่เลว และเป็นคนเอาจริงเอาจังมาก อย่าได้ตำหนิปู่ ที่ไม่ได้ถามความเห็นเจ้าและได้หมั้นหมายไปแล้ว.”
เมื่อยังเด็ก เสียงของปู่นางยังคงก้องอยู่ในหู
ในเวลานั้นมู่หรงซินตอบปู่ “ท่านปู่ เขาจะไปได้ไกลเพียงใดเชียว ซินเอ๋อยังไม่เคยเห็นเขาเลย ทำไมถึงได้หมั้นหมายให้กับข้ากันล่ะ?.”
“ฮ่าฮ่าฮ่า.”
ประมุขชราที่หัวเราะ “เด็กคนนี้ ปู่ได้ตรวจสอบแล้ว เป็นคนที่มีศักยภาพมาก ในอนาคตจะต้องกลายเป็นมังกรในหมู่ผู้คน เหมาะสมที่จะควงคู่กับสตรีที่น่ารักเช่นเจ้า!”
“ฮึ.”
“เป็นได้แค่หนอนแมลงเท่านั้นล่ะ.”
ในเวลานั้น มู่หลงซินที่ได้แค่ต้องทำตามคำพูดของปู่ แต่หลังจากที่นางเติบโต นางก็ต้องการเป็นอิสระและยกเลิกหมั้นหมายไป.
วันนี้.
เซียวจุ้ยจื่อเอาชนะชิงหลินเฟิงได้ ทำให้นางตระหนักได้ว่า คำพูดที่ปู่นางเคยกล่าวไว้ เขาเป็นคนที่มีศักยภาพมากจริง ๆ.
“ชิ.”
ศิษย์พี่มู่หรงซินแค่นเสียง “ศิษย์สายตรงนิกายเซิ่งชวนอ่อนแอจริง ๆ สู้ไม่ได้แม้แต่ศิษย์สำนักระดับเจ็ด.”
“ศิษย์พี่เอาชนะเขาได้อย่างงั้นรึ?”
คำพูดของมู่หรงซิน ทำให้ศิษย์พี่ของนางเงียบไปในทันที แม้นว่านางจะมีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่หก ทว่าก็มีระดับสูงเท่านั้น.
ชิงหลินเฟิงมีระดับสุดยอดยังแพ้ หากนางออกไปสู้กับเซียวจุ้ยจื่อ คงยากจะเอาชนะได้เช่นกัน.
ศิษย์พี่ของนางเอ่ยออกมาว่า “ข้าไม่สามารถชนะ แต่เจ้าชนะเขาได้.”
นางเป็นเพียงศิษย์สายในนิกายไป๋เหอเซิ่ง ส่วนมู่หรงซินเป็นศิษย์สายตรงอาวุโส 11 เป็นคนที่โดดเด่นที่สุด.
......
“อาวุโสจิน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ท่านยังมีศิษย์สายตรงอีกหรือไม่?”
“ชิ.”
อาวุโสจินแค่นเสียงเย็นชา กล่าวออกไปว่า “ศิษย์สายตรงนิกายเซิ่งชวน มีมากกว่าศิษย์สายในของสำนักไท่กู่เจิ้งซะอีก.”
อยู่ในถิ่นตัวเองยังแพ้ เขายอมไม่ได้เด็ดขาด.
“เช่นนั้นก็ออกมาสู้อีก.”
จุนซ่างเซียวที่โบกมือ เถียนซีก้าวออกไป.
แม้นว่าเขาคือศิษย์สายในแต่ก็เป็นคนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำสุดในศิษย์สายใน ทว่าแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิ.
หากไม่มีสำนักไท่กู่เจิ้ง ข้าคงไม่อยู่ในสายตาของผู้ใด ตอนนี้เขายืนอยู่ต่อหน้านิกายเซิ่งชวน กำลังจะปะทะกับศิษย์สายตรงของอีกฝ่าย เขาต้องยืดอกเผยความอหังการเอาไว้.
อาวุโสจินที่ส่งศิษย์สายตรงคนที่สองออกไป.
คน ๆ นี้มีนามว่าหรานฮุย แม้นว่าจะมีพรสวรรค์ระดับสูง ทว่าก็มีความแข็งแกร่งอาจารย์ยุทธ์ขั้นเจ็ดแล้ว.
แม้นแต่รากวิญญาณระดับสุดยอดก็ไม่สามารถดูแคลนเขาได้ ดังนั้นเขาจึงเป็นศิษย์สายตรง ที่มีรากวิญญาณระดับสูงที่มีพลังบ่มเพาะสูงด้วย.
“เถียนซี.”
จุนซ่างเซียวที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเล็กน้อย ตั้งใจให้ดี อย่าทำให้เปิ่นจั้วผิดหวัง.”
“ครับ.”
เถียนซีที่ใช้เสียงผ่านวิญญาณตอบกลับ.
ทั้งสองที่ขานชื่อ จากนั้นกรรมการก็สั่งเริ่มทันที “เริ่มสู้ได้!”
ตูมม!
สิ้นเสียง หรานฮุยที่โจมตีที่หนักหน่วงออกมาทันที.
ครืนนนนนนน!
แขนทั้งสองข้างของเถียนซียกขึ้นต้าน ร่างกายของเขาที่ถูกกระแทกถอยออกไปหลายสิบเก้า สามารถบอกได้ว่าพลังของฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่น้อยกว่า 80,000 จิน.
ด้วยศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งชนะกันทุกคน เขาจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!
“อ๊าก!”
เถียนซีที่ใช้ท่าเท้าเหยียบเมฆาพุ่งออกไป พร้อมกับใช้หมัดระเบิดทันที.
เจ้าสำนัก.
ศิษย์จะสู้เต็มกำลัง เอาชนะให้ได้!