Chapter 203: Refining the Formation Heart Gu, Manipulating the Mysterious Insects of the Myriad Formations
หลายวันผ่านไป
การอพยพของของนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์กำลังดำเนินไปอย่างคึกคัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์จากไปคราวนี้ คาดว่าคงไม่กลับมาอีกเป็นเวลานาน
ดังนั้นจึงขนย้ายทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถนำติดตัวไปได้ ไม่ปล่อยให้ทรัพยากรใดตกหล่น
นิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ทั้งนิกายมีเหมืองหินวิญญาณอย่างน้อย 7 แห่ง และเหมืองแร่โลหะ 18 แห่ง
เหมืองเหล่านี้สามารถขุดได้นานถึงหลายร้อยปี
แต่ตอนนี้ กำลังถูกขุดอย่างเร่งด่วนและทำลายล้าง เพื่อนำทรัพยากรมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โจวสุ่ยยังใช้พลังของหนอนกินทอง
หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับสองขั้นกลาง ความเร็วในการกินแร่และหินวิญญาณก็เร็วขึ้นมาก พื้นที่ภายในก็ขยายกว้างขึ้นมาก เปรียบเสมือนคลังสินค้าขนาดใหญ่
ที่สำคัญกว่านั้น จำนวนหนอนกินทองระดับสองเหล่านี้มีมากกว่าสองพันตัว
นี่ถือเป็นจำนวนที่น่าทึ่ง
เมื่อหนอนกินทองเหล่านี้ถูกปล่อยออกมา พวกมันจะสร้างหายนะอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยเหตุนี้ โจวสุ่ยจึงส่งหนอนกินทองเหล่านี้ไปขุดกินเหมืองหินวิญญาณและเหมืองแร่โลหะของนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำทรัพยากรทั้งหมดกลับมา
ท้ายที่สุดแล้ว ชามกู่ศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นมหาศาล สามารถรองรับเหมืองแร่ทั้งเหมืองได้อย่างสบาย
ไม่ว่าจะมีทรัพยากรมากแค่ไหน พวกมันก็สามารถรองรับได้ทั้งหมด
ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือความมั่งคั่ง และพวกมันไม่สามารถสูญเสียในสถานที่แห่งนี้โดยเปล่าประโยชน์
แน่นอน โจวสุ่ยไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก เขาปล่อยให้ภรรยาของเขาจัดการ
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาคือการยกระดับการบ่มเพาะของตัวเอง
"หากข้าต้องการเพิ่มพลังการต่อสู้ในตอนนี้ การวางค่ายกลคือกุญแจสำคัญ"
โจวสุ่ยลูบไล้คางของเขา
(ผมสงสัยมานานพระเอกเรื่องมุงชอบลูบคางตัวเองจังหวะ555+)
พูดตามตรง การวางค่ายกลนั้นเป็นทักษะที่ยากที่สุดในบรรดาศิลปะการบ่มเพาะทั้งสี่
แม้ว่าการเรียนรู้การวางค่ายกลจะไม่ต้องการทรัพยากรมากเท่าการปรุงยา การเขียนยันต์และการกลั่นอาวุธ แต่ก็ต้องใช้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
เหมือนกับคณิตศาสตร์ คนที่เข้าใจก็เข้าใจ คนที่ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ ไม่สามารถฝืนได้
แน่นอนว่า เมื่อคุณเรียนรู้สำเร็จแล้ว ประโยชน์จะมากมาย
ทักษะการบ่มเพาะอื่นๆ เช่น คาถา การใช้ดาบ และศิลปะการต่อสู้ การจะเอาชนะผู้มีระดับพลังเหนือกว่านั้นยากมากๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่การวางค่ายกลนั้นแตกต่าง
เมื่อคุณเรียนรู้แล้ว คุณจะอยู่ยงคงกระพันในระดับเดียวกัน และแม้แต่ท้าทายระดับที่สูงกว่า
เพราะแก่นแท้ของพลังการวางค่ายกลคือการจัดการพลังของสวรรค์และโลกใช้พลังเพียงหยิบมือเดียว ขับเคลื่อนพลังอันยิ่งใหญ่
นี่เปรียบดั่งคานงัด แม้ด้วยพลังเพียงน้อยนิด ก็สามารถขยับพลังมหาศาลของสวรรค์และโลก
แม้แต่ผู้บ่มเพาะสร้างรากฐาน ด้วยความช่วยเหลือของพลังการวางค่ายกล ก็สามารถต่อสู้กับผู้บ่มเพาะระดับแกนทองได้
นี่แหละคือเสน่ห์ของการวางค่ายกลที่แท้จริง
"บางทีข้าอาจใช้พลังของกู่หนอนเพื่อพัฒนาความเข้าใจของข้าเกี่ยวกับการวางค่ายกลได้อย่างรวดเร็ว"
ดวงตาของโจวสุ่ยสว่างไสว
แม้ว่าพลังของ กู่หนังสือ จะเร่งความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับการวางค่ายกลได้แต่เขากลับไม่มีเวลาศึกษาให้ลึกซึ้งมากอย่างที่ใจต้องการ นิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์อาจอพยพได้ทุกเมื่อ หรือศัตรูก็อาจบุกจู่โจมเข้ามา
ดังนั้นเขาจึงต้องการพัฒนาความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับการวางค่ายกลได้เร็วขึ้น
ดังนั้น เขาจึงเริ่มค้นหากู่หนอนที่เหมาะสมในชามกู่ศักดิ์สิทธิ์
ครึ่งวันต่อมา เขาพบกู่หนอนที่เหมาะแก่การกลั่นในที่สุด
"กู่หัวใจแห่งค่ายกล แมลงกู่ชนิดนี้คือกุญแจสำคัญสู่วิชาค่ายกล มันสามารถกลายเป็นหัวใจของค่ายกล ควบคุมค่ายกลนับหมื่นได้!”
ทันใดนั้น ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับกู่หัวใจแห่งค่ายกลก็หลั่งไหลเข้าสู่จิตสำนึกของโจวสุ่ยจากส่วนลึกของจิตใจ
กู่หนอนชนิดนี้ไม่สามารถสร้างค่ายกลด้วยตัวเองได้
อย่างไรก็ตาม มันสามารถเข้าสู่แกนกลางของค่ายกลและกลายเป็นวิญญาณที่ควบคุมค่ายกล
ในโลกแห่งการบ่มเพาะ ค่ายกลส่วนใหญ่ไม่มีชีวิต ต้องใช้นักวางค่ายกลบังคับด้วยตนเอง อานุภาพของค่ายกลที่มีผู้ควบคุมกับไร้ผู้ควบคุมนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
พลังของกู่หัวใจแห่งค่ายกลนั้นอยู่ที่ความสามารถนี้ หากรวมเข้ากับค่ายกลระดับสาม มันสามารถกลายเป็นวิญญาณของค่ายกลระดับสาม
ด้วยวิธีนี้ มันสามารถปลดปล่อยพลังของค่ายกลระดับสามได้อย่างสมบูรณ์แบบราวกับถูกควบคุมโดยนักวางค่ายกลขั้นสาม ศัตรูไม่มีโอกาสต่อต้าน
และที่กล่าวมาเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของความอัศจรรย์ในกู่หัวใจแห่งค่ายกล เมื่อกลายเป็นหนึ่งเดียวกับค่ายกลแล้ว ตัวกู่จะวิเคราะห์ทุกความลับภายในค่ายกลนั้น
ในฐานะเจ้าของกู่หัวใจแห่งค่ายกล บุคคลนั้นสามารถเข้าใจความลับของค่ายกลต่างๆ ผ่านมันได้
ด้วยวิธีนี้ บุคคลนั้นสามารถเรียนรู้ค่ายกลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือของกู่หัวใจแห่งค่ายกล
กล่าวได้ว่ากู่หัวใจแห่งค่ายกลนี้เป็นเพียงเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์สำหรับการเรียนรู้ค่ายกล
"วัสดุหลักสำหรับการกลั่นกู่หัวใจแห่งค่ายกลคือ ผลไม้วิญญาณสุดขั้ว"
"ผลไม้วิญญาณสุดขั้วคือเป็นผลไม้วิญญาณชนิดพิเศษ เมื่อรับประทานเข้าไปจะสามารถยกระดับความเข้าใจของผู้บ่มเพาะได้ชั่วคราว"
"วัสดุนี้นั้นหายากมากในโลกแห่งการบ่มเพาะและมีค่ามาก หายากมาก"
"แต่โชคดีที่นิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ก็มีผลไม้นี้หนึ่งผล ซึ่งสามารถนำมาจากห้องเก็บสมบัติได้"
โจวสุ่ยลูบไล้คางของเขา
เขารู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่ได้รับการสนับสนุนจากนิกายแกนทองอย่างนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งช่วยให้เขาสามารถรวบรวมสมุนไพรและวัสดุวิญญาณจากทั่วทุกมุมโลกได้หากเขาต้องหาด้วยตัวเอง คงไม่มีวันทำสำเร็จ
ไม่น่าแปลกใจที่นักบ่มเพาะที่ทรงพลังอย่างผู้บ่มเพาะระดับแกนทองและบรรพบุรุษแยกวิญญาณ ยังคงต้องการสร้างนิกายและสร้างกองกำลังของตนเอง แม้จะสามารถครอบครองโลกได้ก็ตาม
ท้ายที่สุด ประโยชน์ของการมีกองกำลังนั้นไม่อาจบรรยายได้สำหรับพวกเขา
หากต้องการสิ่งใด เพียงประกาศออกไป ก็จะมีผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนออกตามค้นหา ประหยัดทั้งเวลาและความพยายามได้อย่างมาก
...
หนึ่งวันต่อมา
ด้วยความช่วยเหลือของเล้งอวี้ซี โจวสุ่ยได้รับผลไม้วิญญาณสุดขั้วและวัสดุเสริมอื่นๆ อีกมากมายจากห้องเก็บสมบัติของนิกายหมอกศักดิ์สิทธิ์ จากนั้น เขาวางวัสดุทั้งหมดเหล่านี้ลงในชามกู่ศักดิ์สิทธิ์
วูบ~~~
ในวินาทีต่อมา เขาทุ่มหินวิญญาณระดับกลางไปถึงสองพันก้อนและเปิดใช้งานชามกู่ศักดิ์สิทธิ์
จากนั้น วัสดุจำนวนมากถูกกลั่นในทันทีและเปลี่ยนเป็นเส้นพลังงานสีเทา กลายเป็นหมอกนับไม่ถ้วน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หมอกสีเทาเหล่านี้ก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วและควบแน่นเป็นรูปร่างที่เป็นของแข็ง
ทันใดนั้น กู่หนอนสีเทาก็ปรากฏขึ้นในชามกู่ศักดิ์สิทธิ์
มันปกคลุมไปด้วยอักษรรูนหนาแน่นและลึกลับ ดูเหมือนจะจารึกด้วยการวางค่ายกลลึกซึ้ง
บูม~~~
ทันใดนั้น ข้อความก็พุ่งออกมาจากมันและเข้าสู่จิตสำนึกอันลึกซึ้งของโจวสุ่ย
"กู่หัวใจแห่งค่ายกล หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของสวรรค์และโลก เป็นกู่หนอนที่เกิดจากการวางค่ายกลนับไม่ถ้วน มันคือวิญญาณโดยกำเนิดของการวางค่ายกลและมีการควบคุมโดยกำเนิดเหนือการวางค่ายกล*
มันเกิดจากค่ายกล กินอาหารจากค่ายกล ดังนั้นเลี้ยงดูมันให้ดี นี่คือกู่หนอนที่ยอดเยี่ยมซึ่งสามารถควบคุมค่ายกลนับไม่ถ้วนในโลก แม้แต่เทพเซียนก็ยังปรารถนา เพราะมันมีปริศนาที่ไม่มีที่สิ้นสุด"
กู่สีเทาตัวนี้พลันหลอมรวมเข้าร่างกายโจวสุ่ยในฉับพลัน แทรกตัวเข้าสู่สมองของเขา และเขาสัมผัสได้ชัดเจนว่า กู่หัวใจแห่งค่ายกลได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขาไปแล้ว
นี่…ก็ถือเป็นกู่ตัวที่สิบที่เขาหลอมสำเร็จ!
(จบตอนนี้)