Chapter 278 ออกเดินทาง
ภารกิจมหากาพย์เกี่ยวกับนิกายเซิ่งชวนทั้งหมด เป็นเรื่องเกี่ยวกับจุนซ่างเซียวนำศิษย์ไปประลอง.
หากสำเร็จ ไม่เพียงสร้างชื่อเสียงให้สำนัก ทว่ายังได้แต้มมากมาย แม้แต่ตัดผ่านไปยังระดับบรรพชนยุทธ์ ยิงหินลูกเดียวได้นกสามตัว.
อย่างไรก็ตาม แผนการต้องเปลี่ยนไปเล็กน้อย.
ตอนแรก จุนซ่างเซียวคิดจะนำเพียงศิษย์สายในและโจวหงเดินทางไป ทว่าด้วยจำนวนภารกิจเวลานี้ เขาต้องนำศิษย์สายนอกไปด้วย.
เพื่อที่จะทำไห้ได้ตามเกณฑ์ การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง จำเป็นต้องนำศิษย์ขั้นต่ำ 33 คนไป.
นอกจากนี้.
การต่อสู้ที่หนักหน่วงนี้ จุนซ่างเซียวไม่สามารถการันตีว่าจะชนะทั้งหมด ดังนั้นหลังจากพิจารณา เขาตั้งใจนำศิษย์ 50 คนไปประลอง.
ไม่ต้องสงสัยว่าจำนวนนั้นคือกลุ่มที่เคยเข้าร่วมหาประสบการณ์ที่หุบเขาแห่งความตาย 25 คน.
ลี่ซ่างเทียน ซือหมาจงต้าและอีกหลายคน ผ่านมาไม่นาน พวกเขากับมีระดับแตกต่างจากคราวก่อนมาก.
นอกจากนี้ยังมีหลิงเจียงหางและซุยปู่เจี้ยนอีกด้วย.
และยังมีซ่งเสวียนโจวแม้นว่าจะเข้าสำนักมาช้าไป แต่ด้วยพรสวรรค์และพลังบ่มเพาะที่สูงตอนเข้ามา ดังนั้นเขาจึงถูกนำไปด้วย.
เจ้าสำนักจุนที่ทำการคัดเลือกด้วยตัวเอง นำศิษย์ระดับสูงไปในครั้งนี้.
อีกอย่าง เขาไม่ได้ส่งงูพิษและแมวภูเขาไปด้วย ต้องไม่ลืมว่า คนเหล่านี้มีอายุมากแล้ว ดูแล้วไม่เหมือนศิษย์.
“เจ้าสำนัก.”
ที่ทางเข้าโรงอาหาร หม่าหยงหนิงที่ถือดาบเอ่ยออกมาว่า “ข้าไปด้วยได้หรือไม่?”
คน ๆ นี้แม้นว่าจะเข้าร่วมสำนัก แม้นว่าจะช่วยเหลือหลิวหว่านซีอยู่ในโรงอาหาร ทว่าก็ไม่เคยหย่อยการฝึกฝนวิถีดาบเช่นกัน.
นอกจากนี้ เขายังทุ่มพลังการฝึกวิถีดาบอย่างสุดกำลัง!
มือดาบและมือกระบี่ พวกเขาต่างต้องมีพรสวรรค์เฉพาะ ในทวีปชิงหยุนถือว่าเป็นกลุ่มคนหายาก.
“เจ้าแก่เกินไปแล้ว งานนี้สำหรับผู้เยาว์.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
คำพูดที่ราวกับมีดอันแหลมคมกรีดหัวใจหม่าหยิงหนิง จนแทบกระอักเลือดออกมา.
“เจ้าสำนัก.”
เขาที่เอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “หน้าตาข้าดูมีอายุเล็กน้อย หากแต่ข้าอายุเพียง 29 ปีเท่านั้น.”
สัด!
หน้าตาราวกับอายุ 40-50 ปี!
มุมปากจุนซ่างเซียวที่กระตุก เอ่ยออกมาว่า “ดูเจ้ากระตือรือร้นไปไหม?”
แววตาของหม่าหยงหนิงกลายเป็นจริงจัง “โปรดให้ข้าไปต่อสู้ด้วย ให้ข้าได้แสดงความแข็งแกร่งให้เจ้าสำนักเห็น ข้าต้องการให้ตู้ตู้ได้เห็น!”
อ๋อ อยากไปต่อสู้ เพื่อทำเท่ให้หลิวหว่านซี่ เห็นว่างั้น.
ก่อนหน้านั้น เขาเห็นสาวน้อยนั่งมือค้ำคางที่โรงอาหาร จ้องมองศิษย์ที่ฝึกฝนอย่างขมักเขม่น บ่นพึมพำ “หวังว่าการไปประลองที่นิกายเซิ่งชวน เจ้าสำนักจะนำข้าไปด้วย.”
“ไปดูเพื่อความสนุกรึ?”หม่าหยงหนิงเอ่ย.
หลิวหว่านซีกล่าวอย่างจริงจัง “ก็ต้องไปเชียร์ศิษย์พี่นะสิ!”
เพียงคำพูดไม่กี่คำ ที่สะกิดใจหม่าหยงหนิง ทำให้เขาต้องการไปประลองที่นิกายเซิ่งชวน เพื่อแสดงความแข็งแกร่ง ให้หลิวหว่านซีได้ดีใจเป็นอย่างมาก.
เมื่อวานนี้ นางไปขอเจ้าสำนัก ขอตามไปเชียร์และได้รับอนุญาตแล้ว ดังนั้นเขาจึงปรารถนาต้องการร่วมการประลองเช่นกัน.
“เคร้ง!”
หม่าหยงหนิงที่ชักดาบออกมา กล่าวอย่างขึงขัง “เจ้าสำนัก โปรดให้ข้าไปด้วย ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าตัวตายต่อหน้าท่าน.”
“......”
มุมปากของจุนซ่างเซียวถึงกับกระตุกไปมา.
เห็นหลิวหว่านซีได้ไป เลยต้องการจะไปด้วยให้ได้รึอย่างไร!
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อต้องการไป ก็ไม่เสียหายอะไร “ไปก็ไป ทว่าขอดูสถานะการณ์ก่อน ว่าเจ้าควรจะออกไปประลองหรือไม่?”
“ตกลง.”
หม่าหยงหนิงเก็บดาบกลับไป.
ดำหนึ่งและดำสองเดินออกมาเช่นกัน เอ่ยออกไปว่า “เจ้าสำนัก พวกเราหนุ่มกว่าเขามาก ให้ข้าไปประลองด้วยเถอะ!”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว หม่าหยางหนิงแทบจะชักดาบออกมาอีกครั้ง เฉือนเจ้าสองคนนี้เลยได้ไหม?
ดำหนึ่งและดำสอง นับว่ายังเยาว์มาก พวกเขามีอายุ 20 นิดหน่อย ตอนนี้มีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย จุนซ่างเซียวจึงตัดสินใจนำพวกเขาไปด้วย.
......
การเดินทางที่วางแผนไว้ที่จะให้ 50 ตอนนี้นำไป 53 คน.
จากนั้น จุนซ่างเซียวก็เลือกศิษย์สายนอกอีก 147 คน จาก 200 คน.
การประลองในครั้งนี้เป็นการเดินทางไปนอกถิ่น ย่อมมีแรงกดดัน ดังนั้นศิษย์สายนอกเหล่านี้ ถูกนำไปเพื่อที่จะช่วยส่งเสียงเชียร์นั่นเอง.
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็เหลืออีกห้าวันที่จะประลอง จุนซ่างเซียวเรียกทุกคนมาประชุมเตรียมพร้อม.
ศิษย์ทุกคนในสำนักรับรู้ว่า เจ้าสำนักกำลังจะนำศิษย์พี่ไปประลองกับนิกายเซิ่งชวน เวลานี้ได้มามุงรอบ ๆ ลานยุทธ์อย่างคับคั่ง.
จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้องโถงใหญ่ กล่าวออกมาเสียงดัง “การต่อสู้ครั้งนี้นับว่า ค่อนข้างยาก ทว่าพวกเราต้องแสดงให้โลกได้รับรู้ ถึงต่อหน้าจะเป็นภูเขาที่สูงใหญ่ สำนักไท่กู่เจิ้งก็จะก้าวข้ามไปให้ได้!”
“คนของสำนักไท่กู่เจิ้ง ตั้งขบวน!”
ศิษย์ทุกคนที่ชูมือตะโกนเสียงดัง ก่อนที่จะเข้าแถวเตรียมเคลื่อนขบวน!
“ฟุ๊บ!”
จุนซ่างเซียวตะโกนเสียงดัง “ออกเดินทาง!”
“รับทราบ!”
การเดินทางในครั้งนี้ ศิษย์ที่นำไปประลอง 53 คน ส่วนอีก 147 คนถูกนำไปเชียร์ พวกเขากำลังลงเขาเดินทาง.
ลี่ลั่วฉิวที่จ้องมองพวกเขาจากไป พร้อมกับตะโกนไล่หลัง “เจ้าสำนัก ข้าจะเตรียมเหล้ามงคลไว้ โปรดนำชัยชนะกลับมา!”
“ได้.”
จุนซ่างเซียวตอบรับ.
ศิษย์หลายคนที่ออกมาส่ง ตอนนี้กลับเข้าไปในสำนัก เริ่มบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาต้องแข็งแกร่งขึ้น หลังจากนี้พวกเขาต้องการที่จะออกไปสร้างชื่อเสียงให้กับสำนักด้วยเช่นกัน!
ในเวลานี้.
ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง 200 คน เจ้าสำนักรุ่นสอง ลงจากเขา มุ่งตรงไปยังเส้นทางที่เต็มไปด้วยป่าเขาลำเนาไพร.
การประลองในครั้งนี้ ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นอย่างไร?
......
“สำนักไท่กู่เจิ้งออกเดินทางแล้ว!”
“รีบไปรายงานผู้นำพันธมิตรเร็ว!”
สายสืบที่รอคอยที่เชิงเขามานานแล้ว เร่งรีบแจ้งข่าวไปยังสำนักเห่าฉีทันที.
จุนซ่างเซียวที่พบคนหลายคนเหมือนกัน ที่ลอบตามเขามา ทว่าเขาหาได้สนใจ.
เพียงไม่นาน.
ข่าวก็ถูกส่งถึงฉินเห่าหราน ที่เวลานี้เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา “จุนซ่างเซียวใจกล้าจริง ๆถึงกับกล้าเดินทางไปท้าทายนิกายเซิ่งชวนจริง ๆ.”
เจ้าสำนักดาบใหญ่ที่เผยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ที่เทือกเขาหลิงชวน ต่อหน้าผู้คนมากมายกล้าพูดจาใหญ่โตเช่นนั้น คงไม่มีทางที่จะกลับคำพูดได้.”
ซือถูหวังผู้ที่เคยชอกช้ำจนพ่นโลหิตกับคำพูดของจุนซ่างเซียว เอ่ยออกมาว่า “ผู้เยาว์ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่รู้จักนิกายระดับห้านั้นน่าเกรงขามขนาดใหน.”
“ไป.”
ฉินเห่าหรานเอ่ย “พวกเราก็ออกเดินทาง.”
จุนซ่างเซียวที่เดินทางออกไปไม่นาน กลุ่มของเจ้าสำนักพันธมิตรร้อยสำนักก็ได้นำศิษย์จำนวนหนึ่งเดินทางไปยังนิกายเซิ่งชวนเช่นกัน.
สำนักไท่กู่เจิ้งท้าทายนิกายเซิ่งชวน เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน.
หลากหลายกลุ่มอิทธิพลที่เดินทางไป เพราะต้องการไปดูตัวตลก.
มีบางคนที่เดินทางไปเชียร์เช่นกัน!
ใคร?
เซี่ยกวนคุนและตระกูลอ้ายนั่นเอง.
พวกเขาที่รอพบจุนซ่างเซียวที่กลางทาง ซึ่งมีประมุขหลากหลายตระกูลใหญ่ราว ๆสิบคนตามมาด้วย.
“เจ้าสำนักจุน.”
เซี่ยกวนคุนที่ยกมือประสาน “ข้าและประมุขตระกูล ตลอดจนประชาชนเมืองชิงหยาง ยินดีที่จะเดินทางร่วมกับสำนักไท่กู่เจ้ง!”
“ขอบคุณ!”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานตอบรับ.
ในเวลานี้การมีคนเดินทางไปเชียร์เพิ่มทำให้เขาซาบซึ้งแน่นอน ในโลกใบนี้จะมีมิตรแท้จริง สักกี่คนกัน.
“ท่านพ่อ.”
หลี่ชิงหยางที่เอ่ยออกมา.
ประมุขหลี่เอ่ย “บุตรข้า เจ้าคือความภาคภูมิใจของตระกูลเรา!”
“เจ้าสำนักจุน.”
หลังจากเดินทางไปได้อีกชั่วขณะ ระหว่างทางก็พบกับอ้ายซางหนี่นำอ้ายซางฟางและอ้าวซางเกอเข้ามาพบ ตลอดจนเหล่าประมุขตระกูลของเมืองฮู่หยาง กระทั่งบิดาของซ่งเสวียนโจวและคนของตระกูลซ่งด้วย.
ใครบอกว่า ในโลกที่โหดร้าย ทุกคนจะต้องต่อสู้ ชิงดีชิงเด่นอย่างบ้าคลั่งเพียงอย่างเดียว.
ในโลกที่ดุร้ายแห่งนี้ ย่อมมีมิตรภาพดำรงอยู่ด้วยเช่นกัน.
ถึงแม้นว่ามันจะแฝงด้วยธุรกิจด้วย ทว่าการที่พวกเขากล้าอยู่ข้างสำนักไท่กู่เจ้ง ทั้งที่เขาท้าทายนิกายระดับห้า ก็ถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นแล้ว!
“ทุกท่าน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “วันนี้เดินทางมาเชียร์สำนักไท่กู่เจิ้ง บุญคุณนี้จุนโหมวจะจดจำเอาไว้ หากว่าวันข้างหน้ามีเรื่องอะไรที่สำนักไท่กู่เจิ้งช่วยได้ ข้าต้องทำอย่างเต็มที่แน่นอน!”
คำพูดที่มั่นคงจริงใจ.
พวกเขาเดินทางมาด้วยกันต่างก็เผยยิ้ม.
แม้นว่าจะไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่คำพูดที่จริงใจเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นสิ่งล้ำค่า!