Chapter 273 สำนักไท่กู่เจิ้ง ความหวังของเมืองชิงหยาง.
3A มีเพียงแค่สำนักในดินแดนระดับสี่เท่านั้น ที่มีประชาชนที่โดดเด่น พื้นที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ จึงสามารถสร้างตัวตนที่ทรงพลังได้ พวกเขาที่มีคนเต็มไปด้วยศักยภาพมากมาย.
ทว่าวันนี้ เวลานี้.
หลังจากเห็นการทดสอบของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง อาวุโสโจวที่ออกปากให้3A ไม่ต้องสงสัยเลยว่าน่าตื่นตะลึงขนาดใหน!
นี่มันสำนักระดับเจ็ด!
ในมนทลระดับเก้าที่แสนธรรมดา!
เจ้าเมืองเซี่ยที่ได้ยินการประเมินของอาวุโสโจว ร่างกายถึงกับสั่นสะท้านด้วยความตกใจ แววตาหวาดผวา.
ต้องรู้ด้วยว่าสำนักไท่กู่เจิ้งได้ผลประเมิน 2A เขาก็ยากจะเชื่อลงแล้ว ตอนนี้ทดสอบอีกครั้งได้รับประเมิน 3A เรื่องนี้มันทำให้เขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง.
ในดินแดนของข้า!!! มีสำนัก 3A!
โอ้วสวรรค์!
ข้ากำลังฝันไปหรือไม่ เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
บางทีหากไม่ห่วงภาพพจน์เจ้าเมือง เซี่ยกวนคุนคงยกมือตบหน้าตัวเอง เพื่อพิสูจน์ความจริงไปแล้ว.
ดินแดนระดับเก้า มีสำนักสามA!
หากเรื่องนี้แพร่ออกไปทั่วยุทธภพ คงจะกลายเป็นเรื่องใหญ่สั่นสะเทือนไปทุกหย่อมหญ้าอย่างแน่นอน.
“อาวุโสเจิ้น.”
อาวุโสโจวเอ่ย “มีปัญหากับผลประเมินของเหล่าฟู่(ชายชรา)หรือไม่?”
อาวุโสเจิ้นที่เงียบไปเล็กน้อย พร้อมกับกล่าวออกมาว่า “ไม่มี.”
แม้นว่าอยากจะโต้เถียงอาวุโสโจวยิบ ๆ ทว่าการทดสอบของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งก่อนหน้านี้ เขาก็ประเมิน 3A เช่นกัน.
ทำไม?
เพราะว่า ระดับอาจารย์ยุทธ์ระดับหนึ่งทั่วไปมีพลัง 10,000 จิน อย่างน้อยมีมากกว่า 50 คน ก็ได้รับการประเมินสาม A แล้ว!
อีกทั้งพวกเขามีระดับศิษย์ยุทธ์กันหมดเลยไม่ใช่รึ? อ๊าก!
จากที่เห็น พวกเขาที่ระเบิดพลังเทียบกับระดับอาจารย์ยุทธ์ได้ ประสิทธิภาพไร้ที่สุดสุด สามารถให้ 3A ได้อย่างไม่ต้องสงสัย.
เป็นความจริง เพียงไม่กี่เดือน เขาก็สามารถทำให้ศิษย์ระดับศิษย์ยุทธ์มีพลังเทียบเท่าระดับอาจารย์ยุทธ์ได้ เป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมมาก.
ต้องไม่ลืมว่าพวกเขามีเม็ดยาบูรณะร่างกาย ห้องปั้นกล้ามเนื้อ และหอคอยเก็บประสบการณ์!
ในเวลานี้จวีซือเจารู้สึกงงงวยโง่งมอยู่เล็กน้อย.
ดูเหมือนว่าสำนักไท่กู่เจิ้งเอาจริง น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก เขาได้ประเมินต่ำไปด้วยซ้ำ!
“อาวุโสเจิ้น.”
อาวุโสโจวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่ท่านสงสัย ไม่เช่นนั้นสมาคมรับรองสิทธิ์ของพวกเราคงจะทำเรื่องผิดพลาดแล้ว.”
พูดอะไร....
ใบหน้าของอาวุโสเจิ้นที่แดงกล่ำขึ้นมาทันที รู้สึกราวกับถูกตบหน้าอย่างรุนแรง.
การฟื้นฝอยหาตะเข็บ คิดว่าอีกฝั่งกำลังหลอกลวง ทำให้อีกฝ่ายได้รับการประเมิน 3A สถานะการณ์เวลานี้ทำให้เขาอักอ่วนเล็กน้อย.
อาวุโสโจวยื่นมือประสานกล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน พวกเราจะต้องกลับสำนักงานใหญ่ในคืนนี้ คงไม่รบกวนแล้ว!”
สำนักไท่กู่เจิ้งได้รับการประเมิน 3A เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ แน่นอนว่าต้องกับไปแจ้งสำนักงานใหญ่ เพื่อเปลี่ยนแปลงบันทึกของพวกเขา.
จุนซ่างเซียวยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า “อาวุโสทั้งสอง สำนักไท่กู่เจิ้งเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น เป้าหมายสำนักของพวกเราคือต้องการอยู่อย่างถ่อมตนสงบเสงี่ยม เรื่องนี้ได้โปรดอย่าได้เปิดเผยให้คนอื่นรับรู้.”
ให้ศิษย์ทดสอบอย่างเต็มกำลัง ทว่ากับบอก ต้องการอยู่อย่างถ่อมตนสงบเสงี่ยมอย่างงั้นรึ?
เจ้าเมืองเซี่ยถึงกับพูดไม่ออก.
เจ้าสำนักจุน เป้าหมายสำนักของท่านมันมีหลายข้อจริง ๆ!
อาวุโสโจวที่ตะลึงงันเล็กน้อย.
หากเป็นสำนักอื่นได้รับการประเมิน 3B พวกเขาก็โฆษณาไม่หยุด เพื่อยกระดับชื่อเสียงของสำนัก.
สำนักไท่กู่เจ้งได้รับประเมิน 3A คาดไม่ถึงว่าต้องการอยู่อย่างถ่อมตน เป็นเรื่องที่ผิดปรกติจริง ๆ.
ที่จริงได้รับประเมิน 3A แล้วอย่างไร สำหรับจุนซ่างเซียวแล้ว หาได้สำคัญเลย เพราะว่า ไม่ว่าพวกเจ้าจะยอมรับหรือไม่ ข้าก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว.
อาวุโสโจวเอ่ย “ในเมื่อเจ้าสำนักจุนต้องการให้เก็บเรื่องการประเมินเป็นความลับ พวกเราก็จะไม่ประกาศต่อสาธารณะชน.”
“ขอบคุณ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เช่นนั้นโปรดอยู่รับประทานอาหารธรรมดา ๆ ก่อนค่อยไปดีหรือไม่?”
“เรื่องนี้....”
อีกฝ่ายที่รับรองอย่างอบอุ่น แม้นว่าต้องการปฏิเสธแต่ก็อยู่รับประทานอาหารก่อน จากนั้น....พวกเขาที่ได้กินอาหาร อร่อยมากจนน้ำตาไหล.
อาวุโสทั้งสองที่เคยกินอาหารอร่อยมาจากทั่วทุกที่ ทว่ากับอาหารที่หลิวหว่านซีทำครั้งนี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่าอาหารที่เคยกินมาก่อนหน้านี้ไม่ต่างจากอาหารธรรมดาทั่วไป.
สำนักระดับเจ็ด มีสุดยอดแม่ครัว ไม่แปลกใจเลยว่าศิษย์ของพวกเขาทรงพลัง.
หลังจากกินอาหารจนหนำใจแล้ว อาวุโสโจวก็กล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน พวกเราต้องขอลาก่อน!”
จุนซ่างเซียวที่ออกมาส่งที่หน้าประตูด้วยตัวเอง.
ในเมื่อเป็นประมุขสำนัก แน่นอนจะต้องประพฤติตัวให้ดี หากไม่เพราะว่าต้องอาศัยพวกเขาในวันข้างหน้าอีก เขาคงจะไม่เจียมเนื้อเจียมตัวต่อหน้าคนเหล่านี้อย่างแน่นอน.
การอาศัยอยู่ต่างโลกเช่นนี้ สามารถทำเท่ได้ ทว่าก็ต้องมีสมองรู้จักเวลาใหนควรไม่ควร.
“เจ้าเมืองเซี่ย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ท่านไม่กลับอย่างงั้นรึ?”
เซี่ยกวนคุนที่แววตากลายเป็นจริงจัง “เจ้าสำนักจุน ข้าขอกล่าวตามตรงเลยนะ เซี่ยโหมวยังรู้สึกไม่อิ่มอยู่เลย.”
จุนซ่างเซียวรู้สึกหมดแรงแทบล้มไปทั้งอย่างนั้น.
......
เจ้าเมืองเซี่ยที่ชื่นชอบอาหารของหลิวหว่านซีเป็นอย่างมาก จึงได้กลับมากินอาหารอีก พร้อมกับพูดคุยเรื่องบางอย่าง “เจ้าสำนักจุน สำนักไท่กู่เจิ้งที่มีท่านเป็นผู้นำ เพียงไม่กี่เดือน ก็หลายเป็นน่าเกรงขามไปแล้ว.”
นี่ไม่ได้ประจบใช่ใหม?.
สำนักไท่กู่เจิ้งที่ไม่ได้เป็นที่นิยมนัก หากแต่เมื่องานรับศิษย์ร้อยสำนักเกิดเปล่งประกายขึ้นมา จนกลายเป็นที่จับตามอง ทำให้เซี่ยกวนคุนไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่น้อย.
ก่อนหน้านั้นพวกเขาที่ทำลายล้างสำนักหลิงชวน ไม่หวาดกลัวต่อผู้นำฉินเลย การกระทำของจุนซ่างเซียว เต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์.
จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างถ่อมตน “นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น เส้นทางยังอยู่อีกยาวไกล.”
เจ้าเมืองเซี่ยเอ่ย “ในความเห็นของเซี่ยโหมวแล้ว สำนักของเจ้าสำนักจุน คู่ควรจะเป็นมังกรหลับที่ยังไม่มีใครเห็น รอวันที่จะทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์!”
คำพูดเหล่านี้จับใจจุนซ่างเซียวไม่น้อย.
เพราะว่าในโลกเดิมของเขานั้น มีคำบอกเล่าเกี่ยวกับมังกรตะวันออก ที่ใช้เวลาหลายสิบปีในการตื่นขึ้นช้า ๆ ทว่าเมื่อมันตื่นเสียงคำรามของมันนั้นจะสั่นสะเทือนทะลวงไปยังเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า!
ประเทศของข้า ครอบครัวของข้า.
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ข้าจะกลับไปได้ พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!
แม้นแต่บางครั้งเขายังอยากเปลี่ยนชื่อสำนักเป็นสำนักหัวเซี่ย(ประเทศจีน) เพื่อย้ำตัวเอง ไม่ให้ลืมชีวิตเดิม แม้นว่าจะอยู่ต่างโลก ทว่าเขาก็ยังเป็นคนหัวเซี่ย.
เจ้าเมืองเซี่ยเอ่ย “มนทลชิงหยางของข้ามีสำนักที่น่าเกรงขามเช่นนี้ นับว่าเป็นโชควาสนาจริง ๆ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าเมืองเซี่ยชมเกินไปแล้ว.”
เซี่ยกวนคุนที่พูดคุยอีกหลายเรื่อง ก่อนที่จะขอลา.
ขณะเขาก้าวลงมาถึงเชิงเขา จ้องมองขึ้นไปยังยอดเขาที่มีพลังวิญญาณหนาแน่น แววตาของเขาเผยความจริงจัง “เจ้าสำนักจุน โปรดพัฒนาอย่างสบายใจ ประชาชนเมืองชิงหยาง 3.6 ล้านคน อยู่ข้างท่าน เป็นความภาคภูมิใจของพวกเรา!”
ประชาชน 3.6 ล้านคน : เป็นตัวแทนที่ภาคภูมิของพวกเขานั่นเอง.
ในใจของเจ้าเมืองเซี่ย สำนักไท่กู่เจิ้งเป็นความหวังของเมืองชิงหยางไปแล้ว
หนึ่งคนบรรลุเป็นเซียน หมูหมากาไก่รอบตัวพลอยได้ดีลอยขึ้นสวรรค์ไปด้วย สำนักในการดูแลของเขา ไม่ช้าก็เร็วจะต้องแข็งแกร่งขึ้น เป็นความภาคภูมิใจของเขาย่อมเป็นเรื่องธรรมดา.
......
เพราะว่าจุนซ่างเซียวต้องการอยู่อย่างถ่อมตน เจ้าเมืองเซี่ยกลับเมืองชิงหยางจึงได้เก็บเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้งได้รับการประเมิน 3A เอาไว้ในใจ.
ชัดเจนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองตัวเอง แต่กลับพูดไม่ได้ เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก.
ที่น่าเจ็บปวดที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าสมาคมในเวลานี้.
มนทลระดับเก้า ได้รับการประเมิน 3A เรื่องนี้หากประกาศสู่สาธารณะ จะต้องได้รับการชื่นชมไปทั่วอาณาจักรอย่างแน่นอน.
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อสำนักไท่กู่เจิ้งเลือกที่อยู่อย่างถ่อมตน ก็ทำได้แค่บันทึก ไม่สามารถประกาศเรื่องนี้ออกไปได้.
“เจ้าสมาคม.”
อาวุโสโจวเอ่ย “ตามที่เหล่าฟู่เห็นนั้น เจ้าสำนักจุนกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงมาก ไม่ต้องการที่จะให้มีปัญหา ดังนั้นจึงเลือกที่จะอยู่อย่างสงบเงียบเจียมตัว.”
อี้เทียนเจียนได้แต่ส่ายหน้า “ได้รับประเมิน 3A มีสมาคมของพวกเราปกป้อง กับเลือกไม่ประกาศสู่สาธารณะชน เรื่องนี้คิดว่าตัดสินใจถูกแล้วรึ?”
อ๊าก?
เรื่องนี้?
หากจุนซ่างเซียวรู้ คงล้มตกโต๊ะไปแน่นอน.
ที่เขาทำตัวไม่เป็นจุดเด่นนั้น เพราะกังวลว่าจะมีคนมาหาเรื่อง เป็นหมูกลัวน้ำร้อน แต่กลับกลายเป็นว่าการประกาศออกไปนั้น สมาคมรับรองศิษย์จะเป็นคนออกมาปกป้องพวกเขา หากรู้ว่ามีเรื่องเช่นนี้ เขาคงได้ยืดทำเท่ตามที่เขาต้องการไปแล้ว!
*****
一人得道 鸡犬升天
อี้เหรินเต๋อต้าว จีฉ่วนเซิงเทียน
อี้ คือ หนึ่ง/ เหริน คือ คน/เต๋อ คือ ได้มา ได้/ ต้าว คือ เต๋า ลัทธิเต๋า เต๋อต้าว หมายถึง บรรลุเป็นเซียนในลัทธิเต๋า/
จี คือ ไก่/ ฉ่วน คือ สุนัข หมา/ เซิง คือ ขึ้น ลอยขึ้น/ เทียน คือ ฟ้า สวรรค์
แปลรวมคือ หนึ่งคนบรรลุเป็นเซียน หมูหมากาไก่รอบตัวก็พลอยได้ดีได้ลอยขึ้นสวรรค์ไปด้วย
เช่น สมมุติใครคนใดคนหนึ่งได้ดี ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็พลอยได้ดิบได้ดีได้ผลบุญไปด้วย
ตำนานที่มาเรื่องนี้มีหลายเวอร์ชั่น เวอร์ชั่นที่เห็นในคลิป คือ เวอร์ชั่นที่เกิดสมัยราชวงค์ฮั่น มีอ๋องท่านหนึ่ง มียศเป็น หวยหนานหวาง (ฮ๋องหวยหนาน) ชือ หลิวอาน สนใจบำเพ็ญพรตเพื่อเป็นเซียน วันๆก็เที่ยวปรุงโอสถวิเศษเพื่อให้ตัวเองได้กินแล้วบรรลุเซียน (เป็นความเชื่อในลัทธิเต๋าสายบำเพ็ญพรตเพื่อสำเร็จเป็นเซียน) วันหนึ่ง ก็ปรุงยาสำเร็จ ได้กินยาเข้าไป เลยลอยขึ้นฟ้าไปเป็นเซียนแล้วเสียนั่น ส่วน สัตว์เลี้ยงในบ้าน เช่น ไก่ สุนัข ก็พลอยได้กินยาที่ร่วงหล่นกระจายทั่วบ้านเข้าไปแล้วได้ลอยขึ้นฟ้าไปด้วย ทั้งหมดได้ขึ้นไปบนสวรรค์ทส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวก้องทั่วฟ้าทีเดียว
ตัวอย่างประโยคการใช้เปรียบเปรยที่มีชื่อเสียงคือ สมัยราชวงค์ถัง นางสาว หยางยูวี่หวน ได้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ นางได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมหยางกุ้ยเฟย หนึ่งในสี่สาวงามของจีนโบราณนะ พอนางเป็นที่โปรดปราน พี่น้องของนางก็พลอยได้ดิบได้ดี พี่ชายนางได้เป็นขุนนางชั้นหนึ่ง บรรดาพี่สาวทั้งสามของนางได้รับอวยยศเป็นฮูหยินท่านผู้หญิงกันถ้วนหน้า ชาวบ้านสมัยนั้นเลยบอกว่า ครอบครัวสกุลหยางนี่นะ คนหนึ่งได้เป็นเซียน หมูหมาไก่กาพลอยได้ขึ้นสวรรค์ไปด้วย
ปรากฎการณ์ คนหนึ่งได้เป็นเซียน หมูหมากาไก่พลอยได้ขึ้นสวรรค์ นี่ คงเป็นแนวคิดในสังคมอุปภัมภ์แบบตะวันออกเนอะ ความเชื่อคล้ายๆกันนี้มีในพุทธศาสนาแบบบ้านเราเหมือนกัน เช่นความเชื่อที่ี่พ่อแม่อยากให้ลูกชายบวช เพื่อว่าพ่อแม่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองลูกเพื่อขึ้นสวรรค์