1400 - ความลับของคุนหลุน
1400 - ความลับของคุนหลุน
เย่ฟ่านมองไปยังพื้นที่โดยรอบ คุนหลุนเป็นสุสานของมังกรขนาดใหญ่ แล้วใครนำศพของตัวเองมาฝังไว้ที่นี่?
เย่ฟ่านและเสี่ยวซงเข้าไปในภูเขาด้วยความสงสัย เสี่ยวซงยังคงถือตระกร้ายาศักดิ์สิทธิ์อย่างมีความสุข
แม้ว่าตระกร้ายานั้นจะมีขนาดที่เล็ก แต่ก็เป็นสมบัติที่เย่ฟ่านขัดเกลาขึ้นมาเพื่อมอบให้มันสำหรับใช้เก็บสมบัติวิญญาณ ดังนั้นเสี่ยวซงจึงมีความทะนุถนอมต่อตะกร้านี้เป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นเสียงร้องอย่างมีความสุขของเสี่ยวซงก็ดังขึ้นมา เพราะมันขุดพบวัชพืชที่สามารถเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ได้ พืชต้นนี้มีอายุประมาณหกหมื่นปี
แต่มันน่าแปลกใจ ในเป่ยโต้วที่เป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ก็ยากที่จะขุดพบวัชพืชที่เป็นยาศักดิ์สิทธิ์ แต่ภูเขาทั้งสิบเอ็ดลูกในคุนหลุนกลับเต็มไปด้วยวัชพืชที่ทรงพลังอย่างมาก
หรือจะเป็นการสะสมมาตั้งแต่สมัยโบราณ? แต่น่าเสียดายที่เย่ฟ่านสามารถเข้าไปได้แค่บางพื้นที่ ไม่สามารถลึกเข้าไปได้ไม่เช่นนั้นจะเจอกับค่ายกลสังหารระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
‘ตุบ’
ทันในนั้นเสี่ยวซงก็ตกลงไปในถ้ำ แล้วรีบวิ่งออกมาด้วยความตกใจอย่างรวดเร็ว
“มีหลุมฝังศพอยู่ที่นี่?”
เย่ฟ่านพบว่ามีโลงศพจำนวนมากอยู่ในถ้ำใต้ดิน ส่วนใหญ่ทำมาจากหิน เพราะโลงศพนั้นไม่พุพังยังคงไว้เช่นเดิมจนถึงทุกวันนี้แม้จะผ่านไปหลายแสนปีแล้วก็ตาม
“คนพวกนี้คือใคร?”
‘ปัง’
จู่ๆโลงศพก็ถูกเปิดออก และอสูรขนสีแดงตัวหนึ่งได้กระโดดออกมา ดวงตาของพวกมันช่างน่ากลัว
ในทันทีเย่ฟ่านมองเห็นอสูรที่มีเส้นขนสีแดงเหล่านี้เขาก็ทุบพวกมันจนกลายเป็นเนื้อบดทันที เสี่ยวซงที่ตกใจรีบถอยกลับมายืนด้านหลังของเย่ฟ่าน
เย่ฟ่านแผ่กระจายแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา และแสงสีดำในถ้ำก็สลายออก จากนั้นเขาก็ตัดพลังเต๋าทั้งหมดออกไปจากโลงศพหินพร้อมกับปลดปล่อยเปลวเพลิงให้เผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างภายในทันที
อสูรหลายร้อยตัวที่นอนอยู่ในโลงศพถูกเผาผลาญกลายเป็นเถ้าถ่าน พวกมันยังไม่มีโอกาสออกมาข้างนอกด้วยซ้ำ
เย่ฟ่านมองไปยังอสูรโบราณบนโลงศพเป็นเวลานาน ดวงตาของพวกมันมีสีแปลกๆ พวกมันเป็นอสูรชนิดเดียวกันกับที่ไล่ล่าเขาภายในเป่ยโต้ว พวกมันคือกลุ่มอสูรที่มีลักษณะคล้ายกับปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์นั่นเอง
“นี่คือกลุ่มผู้ที่ต้องการเป็นผู้อมตะแต่ประสบกับความล้มเหลว!”
ในอดีตมียอดฝีมือมากมายที่เดินทางเข้าสู่คุนหลุนเพื่อฝึกฝนและค้นหาความหวังที่จะเป็นอมตะ เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ก็ต้องพบกับหายนะครั้งใหญ่สุดท้ายซากศพของพวกเขาได้กลายเป็นหนึ่งในอสูรขนแดงที่นอนหลับไหลอยู่ภายในภูเขา
คุนหลุนเป็นดินแดนแห่งความอมตะ และมีพลังของมังกรอยู่ใต้ดินที่คอยหล่อเลี้ยงซากศพเหล่านี้จนทำให้พวกมันกลายเป็นอสูรระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์
เย่ฟ่านมองดูแผนที่ในมือของตัวเองแต่ไม่พบอันตรายใดๆ มันเป็นเพียงเส้นทางที่คดเคี้ยว แต่หากเข้าไปในส่วนลึกของภูเขา ร่างกายและจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์จะโดนทำลายอย่างแน่นอน
สองวันต่อมา เย่ฟ่านสัมผัสได้ถึงพลังอมตะเล็กน้อย มันอยู่เบื้องหน้าห่างไกลจากพวกเขาหลายร้อยลี้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเข้าใกล้จุดกึ่งกลางของภูเขาคุนหลุนอย่างยิ่งซึ่งทำให้เย่ฟ่านเกิดความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เมฆสีฟ้าลอยผ่าน กลิ่นที่ล้นออกจากต้นสนเล็กๆ กระตุกจมูกน่ารักของเสี่ยวซง ทำให้มันมึนเมา และกระพริบดวงตากลมโตถี่ๆ
มันเป็นยาศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ล้ำค่าถูกหล่อเลี้ยงด้วยเลือดมังกร กลิ่นหอมของยาทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
“มันจะเป็นราชาโอสถหรือเปล่า หรือว่าแท้จริงแล้วมันเป็นถึงยาเซียน?”
ในอดีตมีผู้คนเคยค้นพบกิ่งก้านของยาเซียนภายในภูเขาคุนหลุนนี้นั่นแสดงให้เห็นว่าที่นี่มีพืชระดับยาเซียนอยู่อย่างแน่นอน เพราะดินแดนนี้เป็นสุสานของผู้อมตะ
พลังที่แผ่ออกมาจากซากศพของพวกเขาเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดให้รากฐานของพวกมันแข็งแกร่งขึ้นได้
สุดท้ายพวกเขาก็ค้นพบพืชเหี่ยวเฉาที่ห้อยลงมาจากหน้าผาสูง รากของมันเหมือนกับใบหน้าของมนุษย์ชรา เสี่ยวซงหวาดกลัวรีบวิ่งกลับไปซ่อนด้านหลังของเย่ฟ่านทันที
มันคือเถาวัลย์ที่ถูกเล่าขานในตำนาน!
การกินมันเข้าไปจะทำให้ร่างกายของผู้คนแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก แต่เผาวันที่รากของมันเปลี่ยนแปลงเป็นใบหน้าของมนุษย์แล้วนั้นเย่ฟ่านไม่เคยเห็นมาก่อน
เย่ฟ่านเดินตามเสี่ยวซงออกไป ระหว่างทางเถาวัลย์ที่มีใบเป็นสีเขียว รากสีทองใบหน้าของมันคล้ายกับมนุษย์จมลงสู่พื้นดินพร้อมกับเลื้อยออกจากเส้นทางของเย่ฟ่านหลังจากที่สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่แข็งแกร่งจากกลิ่นอายของเขา
เสี่ยวซงหยุดวิ่ง ประสานมือของมันขอร้องเย่ฟ่านเพื่อให้จับต้นไม้ต้นนี้กลับไปด้วย
นี่เป็นราชาโอสถที่มีจิตวิญญาณเป็นของตัวเองเทียบเท่าได้กับโสมบรรพชนในภูเขาภูเขาฉางไป๋ หากพวกเขารวบรวมราชาโอสถเหล่านี้ได้ถึงสี่ต้นมันจะเทียบเท่ากับยาเซียนที่แท้จริงได้เลย
เถาวัลย์โบราณที่ดูน่ากลัวถ่ายทอดจิตสำนึกออกมาอย่างครุมเครือและขอให้เย่ฟ่านไว้ชีวิตมัน ในขณะนี้มันไม่กล้าหลบหนีแต่ทำได้เพียงนอนนิ่งๆอยู่บนพื้น
นี่เป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุยืนยาวหลายหมื่นปี มันมีสติปัญญาไม่เป็นรองมนุษย์และรู้ดีว่าชายที่อยู่ตรงหน้าทรงพลังมากเพียงใด
เย่ฟ่านพยักหน้า เขาไม่ต้องการทำร้ายแก่นแท้ของยาศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ เพราะเขารู้ดีว่ามันมีความสำคัญกับการพัฒนาโลกมนุษย์ให้กลายเป็นดินแดนที่เหมาะสมกับการบ่มเพาะมากเพียงใด
ตัวเย่ฟ่านในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องกินยาศักดิ์สิทธิ์ เพราะการทำเช่นนั้นเป็นเพียงความสิ้นเปลืองอย่างไร้ความจำเป็น
เถาวัลย์ขอบคุณเย่ฟ่านผ่านจิตสำนึกอย่างคลุมเครือ หากเย่ฟ่านต้องการความช่วยเหลือก็สามารถมาที่นี่ได้ เมื่อเขาต้องการมันจะปรากฏขึ้นในทันที อย่างน้อยมันก็สามารถช่วยให้พวกเขาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้เร็วขึ้น
เย่ฟ่านตะตะลึง เขาไม่คิดว่าเขาจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้กับราชาโอสถขึ้นโดยบังเอิญ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ร่างของมนุษย์แต่เห็นได้ชัดว่านี่เป็นราชาโอสถที่มีจิตใจดีงามอย่างยิ่ง
จากนั้นเย่ฟ่านจึงถามเกี่ยวกับทุกสิ่งของเทือกเขาคุนหลุน จนกระทั่งตระหนักถึงความจริงที่ว่าภายในภูเขาแห่งนี้ยังมีจักรพรรดิหลงเหลืออยู่!
คนผู้นั้นเป็นจักรพรรดิจากเผ่าพันธุ์โบราณหรือมนุษย์เถาวัลย์ไม่สามารถบอกกับเย่ฟ่านได้ เพราะการเข้าใกล้สถานที่พำนักของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จะทำให้ร่างกายและวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของมันถูกทำลายทันที
ท้ายที่สุดมันได้เย่ฟ่านไปยังดินแดนลับโดยบอกกับเย่ฟ่านว่ามีบางสิ่งที่ผู้เป็นอมตะโบราณทิ้งไว้
วัชพืชเหล่านี้มีชีวิตอยู่มาเป็นเวลานาน พวกมันได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมาจากร่างของสิ่งมีชีวิตอมตะ นั่นทำให้พวกมันมีวิญญาณและสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์
อย่างไรก็ตามพวกมันไม่สามารถบ่มเพาะได้นั่นเป็นเหตุผลให้ไม่ว่าพวกมันจะมีชีวิตยืนยาวหลายแสนปีแต่ก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองจากผู้บงเพราะเหมือนเช่นเย่ฟ่าน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันเคยเห็นสิ่งที่เป็นความลับมากมายที่นี่ อย่างไรก็ตามด้วยความอ่อนแอของพลังวิญญาณทำให้มันไม่กล้าเข้าใกล้สิ่งนั้น
หัวใจของเย่ฟ่านกระตุก เขากำลังสื่อสารกับพืช เมื่อพูดถึงก่วงเฉิงจื่อมันก็ให้คำอธิบายอย่างละเอียด ยิ่งไปกว่านั้นเองมันยังบอกอีกว่ามียาเซียนถูกค้นพบอยู่ที่นี่
มันจำเหตุการณ์ในอดีตได้ทันทีว่า ยาเซียนถูกเอาไปโดยก่วงเฉิงจื่อ
เย่ฟ่านยังรู้สึกงุนงง
มันกล่าวว่ายาเซียนต้นนี้คือสมบัติที่แสวงหาความโชคดีและหลีกเลี่ยงจากหายนะได้ พวกเขารู้ดีว่ามันจะมีหายนะครั้งใหญ่เกิดขึ้นในคุนหลุนดังนั้นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดจึงติดตามก่วงเฉิงจื่อออกไปข้างนอกด้วย
สิ่งนี้ทำให้เย่ฟ่านพูดอะไรไม่ออก เถาวัลย์โบราณบอกว่าก่วงเฉิงจื่อมีพลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก ในยุคสมัยนั้นไม่มีผู้ใดสามารถท้าทายเขาได้
มันยังบอกกับเย่ฟ่านอีกว่า ก่วงเฉิงจื่อไม่ได้เป็นคนแข็งแกร่งที่สุดที่มันเคยเห็น เพราะยังมีคนที่คล้ายกับเขาเคยมาที่นี่เช่นกัน
ในตอนที่นางปรากฏขึ้นตอนนั้นยาศักดิ์สิทธิ์ทั่วขุนเขาต่างต้องการติดตามนางไปด้วย อย่างไรก็ตามนางไม่ได้มีความสนใจที่จะนำพวกมันติดตัวไปด้วยแม้แต่น้อย
เย่ฟ่านตกตะลึงในความลับเรื่องนี้ ดูเหมือนโลกมนุษย์จะชุมนุมไว้ด้วยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มากกว่าที่เขาจินตนาการไว้
“นางมีหน้าตาเช่นไร?” เย่ฟ่านสอบถามอีกครั้ง
มันบอกกับเย่ฟ่านว่านั่นเป็นหญิงสาวที่งดงามอย่างยิ่งคนหนึ่ง เหนือศีรษะของนางมีหม้อสีดำแกะสลักด้วยใบหน้าผีลอยอยู่ด้านบน หม้อใบนี้มีความชั่วร้ายอย่างยิ่ง
“จักรพรรดินีผู้โหดเหี้ยม?!”
…….