ตอนที่ 96 ประสบการณ์ที่ต่างกัน!
ตอนที่ 96 ประสบการณ์ที่ต่างกัน!
"จวงซี่หนานแห่งเมืองหนานหยางงั้นรึ?"
มีผู้คนมากมายจากโลกแห่งการต่อสู้ในตอนนี้รวมถึงนักศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงบางคนนั้นรู้จักนักศิลปะการต่อสู้ที่โด่งดังเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับไม่เคยได้ยินชื่อของ "จวงซี่หนาน" มาก่อน
เพราะ “จวงซี่หนาน” ในตอนนี้ยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวีรกรรมของเขาในการทำลายล้างนิกายเลือดและตัดหัว หยานเจียงเฉิงนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่เรื่องราวนี้จะกระจายออกไป
“เดี๋ยวนะ ดูเหมือนข้าจะเคยได้ยินชื่อของจวงซี่หนานมาบ้าง ดูเหมือนว่าเมื่อนานมาแล้วเขาสามารถเอาชนะนักศิลปะการต่อสู้ของกลุ่มนักพเนจรทั้งสิบสามแห่งทะเลทรายได้”
“กลุ่มนักพเนจรทั้งสิบสามแห่งทะเลทรายรึ? อ้อข้าจำได้แล้ว ถ้าจำไม่ผิดพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกนิกายดอกบัวขาวด้วย ซึ่งในบรรดานักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะ เขาถือว่าแข็งแกร่งมากทีเดียว”
“เฮอะๆ แข็งแกร่งมากในหมู่นักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะรึ? หลี่ฮวน เจาหยวนบา พวกเขาทั้งคู่ก็ถือว่าแข็งแกร่งมากในหมู่นักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะไม่ใช่รึไง? แล้วเขาจะทำอะไรจางเทียนหวู่ที่เป็นนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ได้!”
“ถูกของเจ้า ไม่ว่านักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะจะแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเขาก็อยู่ในระดับขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะเท่านั้น ซึ่งเทียบไม่ได้กับขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์โดยสิ้นเชิง”
จางเทียนหวู่นั้นดูเหมือนจะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ บางทีเขาอาจกำลังคิดเรื่องตัวตนของจวงซี่หนานอยู่
“จวงซี่หนานแห่งเมืองหนานหยางผู้กวาดล้างกลุ่มนักพเนจรทั้งสิบสามแห่งทะเลทรายเพียงลําพังนั้น ถือได้ว่าแข็งแกร่งมากในหมู่นักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะอย่างแท้จริง!”
รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นที่มุมปากของจางเทียนหวู่ “ว่าแต่เจ้าเองก็สนใจสมบัติของกบสี่ตาด้วยงั้นรึ?”
“ใช่ ถ้าหากเจ้ายังมีสมบัติของกบสี่ตาเหลืออยู่หนึ่งชิ้น จวงซี่หนานผู้นี้ก็ต้องการมัน!”
ลู่ชางเฉิงดูเหมือนจะไม่ได้ยินการพูดคุยของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ชื่อของจวงซี่หนานยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง อันที่จริงการมีชื่อเสียงก็ถือว่าเป็นข้อเสียเช่นกัน เพราะมันสามารถดึงดูดความสนใจได้มากขึ้นและทำให้ถูกขุดข้อมูลได้
ถ้าหากลู่ชางเฉิงมาที่นี่เพียงแค่สวมหน้ากากสีดํา เขาจะถูกขุดข้อมูลและถูกตามล่าอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ การที่เขาใช่ชื่อจวงซี่หนาน มันทําให้ทุกคนนึกถึงจวงซี่หนานแห่งเมืองหนานหยางเท่านั้น
สําหรับปัญหาที่เกิดจากจวงซี่หนาน ลู่ชางเฉิงนั้นก็ไม่กลัว เพราะนั่นคือปัญหาของจวงซี่หนานและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
แม้ว่าพวกเขาจะถูกออกตามล่าและค้นหาทั่วเมืองหนานหยาง พวกเขาคงไม่ได้พบกับจวงซี่หนานตัวจริง
จวงซี่หนานเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลัง ในขณะที่ลู่ชางเฉิงเก่งกาจในทักษะทางการแพทย์แห่งสำนักเมียวชู
ชื่อทั้งสองนั้นเป็นตัวแทนของสองบทบาทที่แตกต่างกัน
หากพวกเขาต้องการต่อสู้เพื่อชิง "สมบัติของกบสี่ตา" การใช้ตัวตน "จวงซี่หนาน" นั้นจะเหมาะสมกว่า
"เจ้าคิดจะชิงมันงั้นรึ?"
สายตาของจางเทียนหวู่เริ่มเฉียบคมขึ้นทันที
เนื่องจากพลังของเขาถูกทำให้เปิดเผยออกมาในวันนี้ เขาจึงไม่กลั้นพลังเอาไว้อีกต่อไป เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่านักศิลปะการต่อสู้เหล่านี้ก่อน จากนั้นจึงจัดการกับกองกําลังอื่นๆในเมืองหยานเฉิง
"บู้มมมม"
ทันใดนั้น จางเทียนหวู่ก็ปะทุขึ้นด้วยออร่าพลังฉีและเลือดของเขา
พลังฉีและเลือดที่พุ่งพล่านนั้นทําให้ทั้งห้องโถงกลายเป็นสีเลือด
แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวราวกับภูเขาที่กำลังกดลงทับร่างกาย ซึ่งทําให้หลายๆคนต่างรู้สึกราวกับว่าพวกเขากําลังหายใจไม่ออก
นี่คือการเปิดเผยพลังที่แท้จริงของออร่าแรงกดดันเต็มรูปแบบของนักศิลปะการต่อสู้ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์!
ในขณะเดียวกัน นักศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นจากโลกแห่งการต่อสู้ต่างก็รู้สึกสิ้นหวัง
ด้วยออร่าแรงกดดันเต็มรูปแบบนี้ พวกเขาแทบจะขยับตัวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วพวกเขาจะหลบหนีจากการโจมตีของจางเทียนหวู่ ได้อย่างไร?
การจะทำแบบนั้นได้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว!
ส่วนลู่ชางเฉิงในตอนนี้กำลังยืนนิ่งๆอย่างเงียบๆ
แม้ว่าจะเผชิญกับออร่าแรงกดดันเต็มรูปแบบของจางเทียนหวู่ที่พุ่งเข้าหาเขา แต่ลู่ชางเฉิงก็ยังคงนิ่งสงบอยู่
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว...
ทันใดนั้นจางเทียนหวู่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติไป
เขาเกือบจะอยู่ตรงหน้าจวงซี่หนานแล้วก็จริง แต่การแสดงออกของจวงซี่หนานยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแน่ๆ!
แต่ในฐานะนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ เขาเองก็เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งที่จะเอาชนะจวงซี่หนานได้
ไม่ว่าจวงซี่หนานจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็มั่นใจว่าเขาสามารถจัดการกับจวงซี่หนานได้อย่างง่ายดาย
"ตายซะ!"
จางเทียนหวู่ปล่อยหมัดพร้อมกับออร่าที่รุนแรงเข้าปกคลุมร่างของลู่ชางเฉิงทันที
ทันใดนั้น ลู่ชางเฉิงจึงเริ่มขยับตัว!
เขาก้าวไปข้างหน้าเพียงก้าวเดียว โดยการกระทืบเท้าซ้ายของเขาบนพื้นอย่างแรง
"ตู้มมม"
ด้วยการกระทืบเท้านี้ หลุมขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นทันทีบนพื้น และรอบๆหลุมก็มีรอยแตกที่หนาแน่นและซับซ้อนเหมือนกับใยแมงมุมแพร่กระจายออกไป
ในขณะเดียวกัน เขาได้ใช้ประโยชน์จากพลังนี้และรวบรวมพลังทั้งหมดในร่างของลู่ชางเฉิงให้ปะทุขึ้น
"คลื่นลูกแรก!"
ลู่ชางเฉิงปล่อยหมัดตรงออกไป ซึ่งมันพุ่งเข้าหาจางเทียนหวู่ราวกับคลื่นที่ซัดไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะนี้ การแสดงออกบนใบหน้าของจางเทียนหวู่ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก
ทันทีที่จวงซี่หนานยืนตรงหน้าเขาและปล่อยหมัดนี้ออกมา เขาก็ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจวงซี่หนานทันที
ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์รึ!
จวงซี่หนานเองก็เป็นนักศิลปะการต่อสู้ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน!
"เป็นไปได้ยังไงกัน?!"
หัวใจของจางเทียนหวู่เริ่มสั่นและความตื่นตระหนกปรากฏก็เริ่มขึ้นในดวงตาของเขา
ใช่ ตอนนี้เขากำลังตื่นตระหนกอยู่จริงๆ
จางเทียนหวู่เพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นานและเขาก็ไม่เคยได้ต่อสู้กับนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ มาก่อนด้วยซ้ำ
แต่ลู่ชางเฉิงนั้นแตกต่างออกไป
เขาได้ต่อสู้กับหยานเจียงเฉิงมาแล้วและทำได้แม้กระทั่งฆ่าเขาให้ตายได้
เมื่อได้พบกับนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ลู่ชางเฉิงจึงถือมามี "ประสบการณ์" ที่เหนือกว่าจางเทียนหวู่มาก
ด้วยจังหวะที่สมบูรณ์แบบ เขาได้ปล่อยพลังวิชาคลื่นสามระลอกออกมาทันทีเพื่อดูว่าพลังของมันจะมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน?
"ตู้มมม"
หมัดของลู่ชางเฉิงและหมัดของจางเทียนหวู่เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง
จางเทียนหวู่รู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่พุ่งพล่านออกมาจากมือของจวงซี่หนานทันที
นี่มันพลังของสามสิบเก๋า!
ลู่ชางเฉิงไม่ได้ใช้เทคนิคลับการเปลี่ยนแปลงเทพเจ้าแห่งมังกร เขาเพียงแค่ปล่อยหมัดออกมาด้วยความแข็งแกร่งในร่างกายของเขาเท่านัน้
แต่ถึงอย่างนั้น พลังสามสิบเก๋าก็ถือว่าสูงมากๆแล้ว
ทันใดนั้น กระดูกแขนของจางเทียนหวู่ก็เริ่มหัก
"อ๊ากกกกกก..."
จางเทียนหวู่ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและรีบถอยไปข้างหลัง
แต่ถึงอย่างนั้น ลู่ชางเฉิงก็ไม่มีความคิดที่จะหยุดโจมตี
วิชาคลื่นสามระลอกเป็นวิชาต่อสู้ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ โดยแต่ละพลังของคลื่นจะเหนือกว่าคลื่นก่อนหน้าและเมื่อปลดปล่อยออกไปแล้วจึงไม่ทิ้งโอกาสที่จะหลบหนีไปได้
ลู่ชางเฉิงใช้ความได้เปรียบนี้เข้ากดดันจางเทียนหวู่โดยไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตอบโต้เลย!