ตอนที่แล้วChapter 269 ปรับแต่งยันต์เวทที่เป็นไปตามกฎเกณฑ์จริง จริ๊ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 271 คนของสำนักรับรองสิทธิ์มาด้วยตัวเอง

Chapter 270 รูปแบบของทวีปชิงหยุน.


จุนซ่างเซียวที่ใช้แต้มสนับสนุน 200 เพื่อซื้ออุปกรณ์เสริมพลังค่ายกล.

เขาที่นำมันไปยกระดับค่ายกลรวมวิญญาณทันที ด้วยสิ่งของชิ้นนี้ จะทำให้ค่ายกลรวมวิญญาณเพิ่มพลังขึ้น 100 % เรื่องนี้เป็นอะไรที่สุดยอดมาก.

เขามีศิษย์เป็นจำนวนมาก เม็ดยารวมวิญญาณไม่มีทางที่จะแจกจ่ายให้กับทุกคนได้.

ในเวลานี้การบ่มเพาะในค่ายกลรวมวิญญาณ คือเรื่องที่ดีที่สุด ต้องไม่ลืมว่าสามารถเข้าไปใช้ได้หลายคนพร้อม ๆ กัน.

“วูซซซซ!”

ค่ายกลรวมวิญญาณที่เพิ่มพลัง พลังวิญญาณที่หนาแน่นขึ้นเป็นสามเท่าของปรกติ.

แม้นว่าจะยกระดับขึ้นเพียงเท่าเดียว ทว่าการที่ศิษย์สามารถดูดซับพลังวิญญาณได้เพิ่มขึ้น ย่อมตัดผ่านระดับเร็วขึ้น.

จุนซ่างเซียวที่ให้ศิษย์ใหม่แยกกลั่นร่างกายและบ่มเพาะในค่ายกลรวมวิญญาณเท่า ๆ กัน.

หลังจากเสร็จทุกอย่าง เขาก็เข้าใช้งานหอคอยเก็บประสบการณ์ กลั่นร่างกายและเพิ่มความเร็ว.

หลังจากกลั่นร่างกายสี่ชั่วโมงและวิ่งหนีฝูงสัตว์ร้ายสองชั่วโมง เขาก็กลับออกมา.

หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและเย่ซิงเฉิน ทั้งสามคนยังคงจมอยู่ในชั้นที่หนึ่ง พวกเขาต้องการยกระดับร่างกายไปจนถึงขีดสุด ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ขึ้นไปบนชั้นที่สอง.

ซูเซียวโม่และลี่เฟย ทั้งสองเวลานี้จมอยู่แต่ในชั้นที่สอง เพื่อยกระดับท่าเท้าของตัวเองเช่นกัน.

ซ่งเสวียนโจวที่เวลานี้ใช้ชีวิตในสำนักมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว แม้นว่าต้องการเข้าไปใช้หอคอยเก็บประสบการเป็นอย่างมาก ทว่าก็ยังต้องอดใจใช้เพียงห้องปั้นกล้ามเนื้อ.

ด้วยการที่เขาเป็นอัมพาตมาเป็นเวลานาน สิ่งสำคัญที่สุดเวลานี้ คือการฟื้นฟูกล้ามเนื้อของตัวเองให้กลับมาสมบูรณ์ที่สุดอีกครั้ง.

ในสำนักไท่กู่เจิ้ง ยิ่งมีพรสวรรค์อาจจะก้าวได้มากกว่าคนอื่น ทว่าการจะเป็นผู้แข็งแกร่ง ก็ยังจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างหนักเช่นกัน.

ไม่สามารถเกียจคร้านได้เลยแม้แต่น้อย หากไม่ขยัน เหล่าพรสวรรค์ธรรมดาก็สามารถแซงได้เสมอ.

ไม่กี่วันหลังจากนั้น.

ศิษย์ที่ออกไปทำภารกิจก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์.

คะแนนความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นเป็น 500  คะแนนสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นเป็น 1287.

“เอ๊ะ ซื้ออะไรดี?”

“ข้าคิดว่าผงรวมวิญญาณคุ้มค่าที่สุด.”

“ไม่ผิด อาวุธนั้นยังไม่จำเป็น ซื้อผงรวมวิญญาณดีกว่า!”

ศิษย์หลายคนที่สำเร็จภารกิจ ได้รับคะแนนของตัวเอง สามารถซื้อผงรวมวิญญาณในเครื่องขายสินค้าได้.

แม้นว่าประสิทธิภาพจะไม่เท่ากับเม็ดยารวมวิญญาณ ทว่าด้วยการใช้ร่วมกับค่ายกลรวมวิญญาณ ก็ทำให้ความสามารถของผงรวมวิญญาณไม่ธรรมดา ช่วยยกระดับพลังบ่มเพาะได้เร็วขึ้น.

สิบวันหลังจากนั้น ศิษย์ใหม่ 400 คน ยกเว้นเหยาเมิ่งหยิงที่ยังไม่ได้ฝึกยุทธ์ ก็สามารถก้าวไปถึงระดับเปิดชีพจรขั้นที่ 12 ได้ทั้งหมด.

แม้แต่มีศิษย์บางคนได้รับเม็ดยาผสานวิญญาณในการก้าวสู่ระดับศิษย์ยุทธ์แล้ว.

จากวันรับเข้าสำนักผ่านมา 50 วัน ก้าวไปถึงระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง นี่เป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อมาก.

......

ทวีปชิงหยุนนั้นมีพื้นที่ขนาดใหญ่ แบ่งออกไปสิบสองดินแดน หรือที่เรียกว่า 12 จังหวัด.

เก้าจังหวัดที่ไกลและไม่เชื่อมต่อกัน แทบจะถูกตัดขาดออกจากกัน นอกจากนี้สามจังหวัดที่ถูกกั้นด้วยทะเลที่กว้างใหญ่ กล่าวได้ว่าดินแดนทั้งสามนี้เป็นพื้นที่ ที่โลกลืม.

แต่ละดินแดนนั้นมีวัฒนาธรรมของตัวเอง หลาย ๆ พื้นที่ที่แยกตัวออกจากกัน จนดูเหมือน เป็นโลกที่อิสระเสรี.

นอกจากจะแบ่งแยกพื้นที่ออกจากกันแล้ว ไม่เพียงแบ่งออกเป็นจังหวัด ยังแบ่งเป็นมนทล เมืองและหมู่บ้าน.

ยกตัวอย่าง จังหวัดซีเหนียนหยาง (หยางตะวันตกเฉียงใต้) มีดินแดน 200-300 มนทล ประชาชนรวมกันกว่า 10 ล้านคน.

มนทลชิงหยางเป็นหนึ่งในจังหวัดซีเหนียนหยาง และเป็นดินแดนระดับเก้าต่ำที่สุด.

จังหวัดซีเหนียนหยาง เป็นหนึ่งในดินแดนของทวีปชิงหยุน เป็นดินแดนที่มีขนาดใหญ่มาก.

เพราะเหตุผลทางด้านตำแหน่งภูมิศาสตร์ ด้วยมีมนทลระดับต่ำจำนวนมาก ทำให้จังหวัดซีเหนียนหยางเป็นเพียงดินแดนระดับเก้าที่ไม่แข็งแกร่ง อยู่ในระดับต่ำขั้นกลาง.

จังหวัดซีเหนียนหยางไม่รวมตัวกันเป็นหนึ่งอาณาจักร แต่ละมนทลมีการปกครองตัวเอง มีกฎเกณฑ์ของตัวเอง เป็นการแตกแบ่งอำนาจเล็ก ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก.

มนทลที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นดินแดนระดับสาม มนทลเทียนยวี.

มนทลเทียนยวีนั้นมี เมืองเทียนยวีเป็นเมืองหลวงของจังหวัดซีเหนียนหยาง ซึ่งเป็นเมืองระดับกษัตริย์.

ไม่ผิด.

ไม่เพียงแค่แบ่งแยกดินแดน เมืองเองก็มีการแบ่งระดับเช่นกัน.

การแบ่งแยกของเมืองนั้น.

การจะมีระดับกษัตริย์ ไม่เพียงแค่เป็นเมืองใหญ่ที่แข็งแกร่งมีประชาชนมากพอ ผู้ปกครองเองก็ต้องมีระดับกษัตริย์ยุทธ์เป็นผู้ปกครองด้วย.

ในจังหวัดซีเหนียนหยาง บางเมืองอาจจะมีเจ้าเมืองอยู่ในระดับกษัตริย์ยุทธ์ทว่าก็ยังมีจำนวนประชาชนไม่เพียงพอ จึงถูกเรียกแค่เมือง ไม่สามารถเรียกเมืองกษัตริย์ได้.

เหนือเมืองกษัตริย์ ก็ยังมีเมืองจักรพรรดิ เมืองศักดิ์สิทธิ์ และเมืองราชันย์.

เมืองจักรพรรดิและเมืองศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าผู้ปกครองย่อมเป็นจักรพรรดิยุทธ์และปราชญ์ยุทธ์.

ในทวีปชิงหยุน เก้าจังหวัด เมืองกษัตริย์นั้นมีมากกว่าหนึ่งร้อยเมือง ทว่าเมืองจักรพรรดิและเมืองศักดิ์สิทธิ์นั้นค่อนข้างหายาก.

ส่วนเมืองราชันย์นั้น เคยปรากฏแต่ในอดีตเท่านั้น คาดว่าน่าจะผ่านมาหลายหมื่นปีแล้ว.

ตามบันทึกที่มี มีสามราชันย์ปกครองเมือง จึงถูกเรียกว่าเมืองราชันย์.

กล่าวกันว่าทวีปชิงหยุนมีเก้าราชันย์เก้าจังหวัด ส่วนอีกสามราชันย์ปกครองเมืองเดียวกันแยกออกไปไกลที่อีกโพ้นทะเล  ทว่าเรื่องในยุคโบราณ เป็นเรื่องบอกเล่า ยากจะรับประกันความจริงได้.

กลับมายังเมืองกษัตริย์เทียนยวี สมาคมรับรองสิทธิ์สำนัก.

ในเวลานี้ ชายชราผมขาว นั่งอยู่ในห้องโถง มือที่เหี่ยวแห้งยกชาขึ้นดื่ม.

เขามีนามว่าอี้เทียนเจียน.

จ้าวสมาคมรับรองสิทธิ์สำนักงานใหญ่ของจังหวัดซีเหนียนหยาง.

ที่รอบ ๆ เองก็มีชายชราอีกสี่คนสวมชุดสีทองนั่งอยู่.

พวกเขาคืออาวุโสสมาคมรับรองสิทธิ์สำนัก หนึ่งในนั้นเผยแววตาขุ่นมั่ว แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามออกมา เพียงแค่จ้องมองก็รู้ว่าเป็นยอดฝีมือ.

“ทุกท่าน.”

อี้เทียนเจียนที่เป็นคนเอ่ยปากออกมา “มีความเห็นอย่างไรกับรายงานที่จวีซือเจาส่งมา?”

อาวุโสเอ่ย “สำนักมนทลระดับเก้า ได้รับประเมิน 2 A มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ.”

อีกคนเอ่ย “ตั้งแต่ตาเฒ่าเป็นอาวุโสของสมาคม ยังไม่เคยเห็นมนทลระดับเก้ามีประสิทธิภาพที่จะได้รับ 2 A เลย.”

“หนำซ้ำ.”

เขาหยุดและเอ่ยออกมาว่า “ยังยกระดับสำนักไท่กู่เจิ้งให้เป็นสำนักขั้นที่เจ็ดไปแล้ว.”

อาวุโสอีกคนเอยออกมาว่า “คิดว่าประเมินผิดอย่างงั้นรึ?”

“เจาซิงหมิงเป็นจวีซือมา 350 ปี ที่สาขามนทลชิงหยาง.”

อาวุโสอีกคน “แม้นว่าจะไม่ได้โดดเด่น แต่ควรจะมีความชำนาญ ไม่ควรประเมินผิด.”

“อาวุโสโจว เจ้าคิดว่า เจาซิงหมิงถูกเงินซื้องั้นรึ?”อาวุโสอีกคนที่กล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ.

อาวุโสโจวขมวดคิ้ว “อาวุโสเจิ้น เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

อาวุโสเจิ้นเอ่ย “เท่าที่ข้ารู้นั้น เจาซิงหมิงในมนทลชิงหยางนั้น ได้ทำข้อตกลงบางอย่างกับพันธะมิตรร้อยสำนัก แม้แต่แอบจัดเตรียม คนที่จะได้ยกระดับต้องได้รับใบรับรองจากพันธมิตรร้อยสำนักก่อน.”

หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง.

เรื่องของจวีซือเจาที่มนทลชิงหยาง กับถูกส่งมาถึงอาวุโสได้.

ใบหน้าของอาวุโสโจวที่กลายเป็นอัปลักษณ์ทันที.

เจาซิงหมิงนั้นเป็นคนของเขา หากว่าสืบสวนเรื่องนี้ เจ้าสมาคมเอาเรื่อง แน่นอนว่าจะต้องลามมาถึงเขาแน่.

น่ารังเกียจนัก.

สมองของมันถูกลาถีบรึอย่างไร? ถึงได้แอบตกลงกับพันธมิตรร้อยสำนักอย่างลับ ๆ!

คำพูดของอาวุโสเจิ้น ที่ทำให้บรรยากาศในห้องโถงหนักอึ้งขึ้นมาทันที.

อาวุโสสองคนด้านข้างไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา.

อาวุโสโจวและอาวุโสเจิ้น ไม่ค่อยกินเส้นกันนัก ประชุมทีไรก็โต้เถียงกันตลอด.

อี้เทียนเจียนเอ่ย “พวกเรามาประชุมเรื่องใหญ่กันก่อน ส่วนเรื่องเจาซิงเหมิงนั้น ค่อยพูดกันวันหลัง.”

อาวุโสเจิ้นยกมือประสานออกไป “เจ้าสมาคม จวีซือเจารับสินบน ตาเฒ่าเชื่อว่าเรื่องประเมิน 2A ของสำนักไท่กู่เจิ้งจะต้องมีอะไรไม่ถูกต้องอยู่แน่.”

“อาวุโสเจิ้น.”

อาวุโสโจวกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “หากไม่มีหลักฐาน ไม่ควรกล่าวพร่อย ๆ ตัดสิน ราวกับว่าจวีซีเจาผิดไปแล้ว.”

“ชิ.”

อาวุโสเจิ้นที่กล่าวออกมาทันที “เรื่องที่เจาซิงหมิงทำข้อตกลงกับพันธมิตรร้อยสำนักนั่น ตาเฒ่ายากจะหาหลักฐานได้ ทว่าการประเมินที่ผิดพลาดนี้ หมายความว่าอย่างไร.”

ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่มีใครยอมใคร!

อาวุโสโจวที่เจ้าคิดเจ้าแค้น ฟื้นฝอยหาตะเข็บ.

อี้เทียนเจียนที่คร้านจะฟังการโต้เถียงของคนทั้งสอง จึงเอ่ยออกมาว่า “ส่งคนไปยังมนทลชิงหยาง ให้ตรวจสอบอีกครั้งก็แล้วกัน.”

“ไม่เลว.”

อาวุโสคนหนึ่งที่ราวกับต้องการดูเรื่องสนุกเอ่ยออกมาว่า “ตาเฒ่าก็คิดว่า ส่งคนของสำนักงานใหญ่ออกไป น่าจะยุติธรรมที่สุด.”

อาวุโสเจิ้นเอ่ย “เจ้าสมาคม ตาเฒ่ายินดีที่จะไปเอง.”

“ข้าเองก็ด้วย!”อาวุโสโจวเอ่ย.

อาวุโสสองคนได้แต่ส่ายหน้าไปมา.

เพียงแค่สำนักในมนทลระดับเก้า จำเป็นต้องส่งอาวุโสสองคนของสำนักงานใหญ่ออกไปตรวจสอบเลยรึ? ทำราวกับเป็นเรื่องใหญ่โต.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด