ตอนที่แล้วChapter 260 ธรรมเนียมยุทธภพ.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 262 ข้าบอกว่าพวกเจ้าคือขยะ ไม่ยอมรับอย่างงั้นรึ?

Chapter 261 บุรุษผู้น่าเกรงขามกลับมาแล้ว!


ให้ศิษย์ออกไปประลอง และยังย้ำว่าอย่าลงมือรุนแรง นี่มันยิ่งกว่าคำดูแคลนแล้ว.

เจ้าสำนักซุย สำนักมังกรทองโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก “จุนซ่างเซียว เจ้า....”

“เลิกพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว.”

จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้นขัด “เอาชนะศิษย์ของข้าได้ เปิ่นจั้วจะเก็บร้านกลับสำนักไท่กู่เจิ้งทันที และก็จะไม่ลงเขารับศิษย์อีกต่อไป.”

เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ได้ยินคำว่าไม่ลงเขาอีก จึงได้กล่าวเสียงเบา “เจ้าสำนักซุย ในเมื่อมันโอหังเช่นนี้ เพื่อพันธมิตรร้อยสำนัก ก็ขึ้นเวทีไปสู้กับศิษย์ของมันซะหน่อยเป็นไง?”

!

เจ้าพูดเอาแต่ได้นะสิ!

เจ้าสำนักที่มีเกียรติขึ้นไปต่อสู้กับศิษย์ หากชนะจะมีประโยชน์อะไร!

เจ้าสำนักซุยไม่ได้หวาดกลัวเซียวจุ้ยจื่อ แต่เพราะคิดถึงเกียรติยศของตัวเอง เขาจะขึ้นไปต่อสู้ได้อย่างไร?

“เพื่อพันธมิตรร้อยสำนัก เจ้าสำนักซุยโปรดขึ้นไปประลอง.

“ในเมื่อมันโอหังขนาดนี้ ก็สั่งสอนศิษย์ของมันหน่อยเป็นไง ให้มันได้อับอายกลับไปเลย!”

“คนจำนวนมากดูอยู่ เจ้าสำนักซุยโปรดอดกลั้น.”

เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรต่างก็กล่าวเกลี้ยกล่อม.

ทุกคน.

กลัวที่จะออกไปนะสิ.

เจ้าสำนักซุยไม่สามารถทนรบเร้าได้อีกต่อไป จึงได้กล่าวยอมรับ “ก็ได้ ซุยโหมวจะออกไปเอง คนที่ชนะเลิศการประลองสำนักจะแข็งแกร่งเท่าใด.”

เสียงที่เน้นไปที่คำว่าผู้ชนะเลิศการประลอง ที่ดังก้องให้ทุกคนได้ยิน.

เป็นการประกาศต่อชาวยุทธ์ ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ศิษย์ทั่วไป ไม่ใช่คนที่ตัวเองจะรังแกได้ง่าย ๆ นั่นก็เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้.

“เชิญ.”

เจ้าสำนักซุยและเซียวจุ้ยจื่อยืนอยู่บนเวทีประลอง.

ประมุขสำนักและศิษย์สำนัก การต่อสู้เช่นนี้ยากจะได้เห็น ทำให้ผู้คนมากมายพูดคุยกันเสียงดัง.

“ข้าได้ยินมาว่า เจ้าสำนักซุยนั้นอยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สามเมื่อเร็ว ๆ นี้ เซียวจุ้ยจื่อ แม้นว่าจะชนะเลิศการแข่งขัน ทว่าก็ยังยากจะเทียบได้.”

“เจ้าสำนักจุนที่เอาชนะผู้นำฉินได้ ทำไมไม่ลงมือเองล่ะ?”

“พ่ายแพ้ จะเลิกรับศิษย์ กลับขึ้นเขาอย่างงั้นรึ? นี่มั่นใจศิษย์ของตัวเองขนาดนั้นเลยรึ?”

ตูมม!ตูมม!ตูมม!

บนเวทีการแข่งขัน คนทั้งสองที่เริ่มต่อสู้กัน.

สายตาของผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังจ้องมองและพูดคุย เวลานี้เริ่มชะงักงัน เข้าใจแล้วว่าเจ้าสำนักจุนทำไมถึงไม่ลงมือเอง.

เพราะว่าศิษย์ของเขาก็เหลือเฟือแล้ว หมัดของเซียวจุ้ยจื่อที่ต่อยไปยังเจ้าสำนักซุยอย่างบ้าคลั่ง ที่เวลานี้ได้แต่ตั้งรับ ถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า.

“ตูมมมมมมม-”

เพียงไม่นาน เสียงหมัดที่หนักหน่วงหมัดสุดท้ายก็ดังขึ้น.

เจ้าสำนักซุยที่ลอยละลิ่ว ล่วงหล่นลงจากเวที ก่อนที่จะหมดสติไปในที่สุด.

“แฮก ๆ!”

ทุกคนที่หายใจเย็นเยือบเข้าไป.

เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรร้อยสำนัก ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.

เจ้าสำนักซุยที่อยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่สาม ต่อหน้าเซียวจุ้ยจื่อ ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่น้อย น่าเกรงขามเกินไปแล้ว!

เซียวจุ้ยจื่อบนเวที ได้แต่ส่ายหน้าไปมา.

ยังไม่ได้ลงมือเต็มที่ด้วยซ้ำ อีกฝ่ายก็ทนไม่ได้แล้ว.

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล “สวะ.”

ทุกคนได้แต่เงียบ.

เพียงแค่ศิษย์ก็เอาชนะเจ้าสำนักระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นสามได้ ตอนนี้พวกเขายังจะกล่าวอะไรได้อีก?

จุนซ่างเซียวที่กวาดสายตามองเหล่าเจ้าสำนักพันธมิตร เอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล“เพียงแค่ขยะ ที่ข้าพูดนั้นหมายถึงพวกเจ้าด้วย.”

กับคำพูดดังกล่าว ทำให้เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทันที.

“ไม่ยอมรับอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ชี้ไปบนเวที “ขึ้นไปบนเวทีประลองกับศิษย์ข้าสิ กฎเดิม หากชนะเขาได้ เปิ่นจั้วจะกลับขึ้นเขา ไม่ลงมารับศิษย์อีก.”

“ข้าเอง!”

เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามก้าวออกไปทันที.

เซียวจุ้ยจื่อที่มองเห็นว่าคนผู้นี้โกรธเกรี้ยวเจ้าสำนักของเขาเป็นอย่างมาก.

ดังนั้น เมื่อเริ่มการต่อสู้ เขาก็เอาจริงทันที ทุบตีอีกฝ่ายจนกระอักโลหิตออกมา.

“พรึด โครม!”

ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามก็ถูกทุบอย่างบ้าคลั่ง จนหมดสติไป.

สภาพของเขาดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บหนักกว่าเจ้าสำนักซุยซะอีก!

“ต่อไป ต่อไป.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วอนุญาตให้ขยะทุกคน ขึ้นไปต่อสู้กับศิษย์ของข้าได้ทุกคน!”

โอหัง โอหังจริง ๆ!

ได้ยินเช่นนั้น เหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรที่ครุ่นคิด และขึ้นเวที คนแล้วคนเล่า.

หลังจากผ่านไปสามสิบนาที.

เจ้าสำนักพันธมิตรกว่าสิบคนที่ถูกเซียวจุ้ยจื่อจัดการ โดยแต่ละคนอยู่บนเวทีได้ไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ.

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ชมอยู่เวลานี้ดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากหวอ

คนที่ขึ้นเวทีไปไม่ใช่ศิษย์แต่เป็นเจ้าสำนัก  นี่เจ้าสำนักพันธมิตรอ่อนด้อยขนาดนี้เลยรึ?

ปรกติมักทำตัวสูงส่ง ตอนนี้นอนหมดสติเกลื่อน ด้วยฝีมือของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง เรื่องนี้ราวกับว่าพวกเขากำลังฝันไป.

คนที่เหลือเวลานี้แทบล้มทั้งยืน.

เซียวจุ้ยจื่อยืนอยู่บนเวทีด้วยท่าทางอหังการ ไม่มีเหงื่อไหลออกมาสักหยด.

นี่หมายความว่าอย่างไร?

หมายความว่า เบาสบาย ไม่รู้สึกเหนื่อยแม้แต่น้อย!

ระดับศิษย์ยุทธ์ คาดไม่ถึงเลยว่าจะทรงพลังร้ายกาจขนาดนี้.

ความแข็งแกร่งของเซียวจุ้ยจื่อ ทำให้ชาวยุทธ์เมืองลี่หยางตื่นตกใจอย่างสมบูรณ์ แม้แต่เจ้าเมืองอ้าวที่จ้องมองอยู่ไกล ๆ เองก็ตะลึงไม่แพ้กัน.

ในเวลานี้ เขาเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ ทำไมอีกฝ่ายถึงเป็นผู้ชนะเลิศในมนทลเหอหยางได้!

ความแข็งแกร่งที่ระดับอาจารย์ยุทธ์ไม่สามารถเทียบเคียงได้ จะมีคู่ต่อสู้คนใหนในรุ่นเดียวกันต่อกรกับเขาได้ การได้รับชัยชนะเลิศกลับมาเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!

สำนักไท่กู่เจิ้งไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!

เจ้าเมืองอ้าวรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที ที่เขาไม่ได้ปฏิเสธจุนซ่างเซียวรับศิษย์ในเมืองนี้ พร้อมกับแสดงตัวเป็นกลาง ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเขายืนอยู่ข้างฝั่งพันธมิตรร้อยสำนักแล้วล่วงเกินอีกฝ่ายไป.

เมืองลี่หยาง อาจนับได้ว่าเป็นหนึ่งกลุ่มอิทธิพลที่ไม่ใช่สำนัก ดังนั้นเรื่องนี้ควรยกให้เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับสำนักต่าง ๆ หมายความว่าเขาไม่ได้ล่วงเกินใคร.

“ยังมีใคร ต้องการต่อสู้กับข้าหรือไม่?”

เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนอยู่บนเวที พร้อมกับผายมือเชิญชวนด้วยความอหังการ.

ด้วยการที่เซียวจุ้ยจื่อเป็นคนของเมืองนี้ การที่เขาเอาชนะเหล่าเจ้าสำนักพันธมิตร ทำให้เป็นที่จับตามองและชื่นชอบของทุกคน.

ด้วยเหตุนี้ จุนซ่างเซียวจึงได้นำเซียวจุ้ยจื่อตามมาด้วย ไม่ได้เลือกหลี่ชิงหยางหรือเย่ซิงเฉิน.

นี่คือศิษย์ที่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่า.

เป็นคนที่คนในเมืองลี่หยางรู้จัก.

หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ต่างถิ่นย่อมไม่ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกภาคภูมิไปกับชัยชนะในครั้งนี้แต่อย่างใด

ขอถามว่า จะมีใครที่ทำได้ เซียวจุ้ยจื่อที่เอาชนะเจ้าสำนักสิบกว่าคนพร้อมกัน เรื่องนี้ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงอย่างหนัก.

สุดยอดพรสวรรค์ของเมืองนี้ได้กลับมาแล้ว!

ผู้ฝึกยุทธ์เมืองลี่หยางที่ยอมรับความจริงในที่สุด พวกเขาที่เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ผู้ชนะเลิศการแข่งขันประลองยุทธสำนัก ไม่ได้โชคดีหรือบังเอิญอะไรทั้งนั้น!

ทว่าคนที่ต้องโกรธเกรี้ยว? คนที่ควรจะบ้าคลั่งนั้นควรเป็นใคร?

ตระกูลเซียวไงล่ะ!

ตระกูลที่มีสมบัติล้ำค่าอยู่แล้ว แต่กับหาว่าเป็นขยะไล่ออกไป เวลานี้พวกเขาที่ได้แต่มองด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว จ้องมองเงียบ ๆ มองเซียวจุ้ยจื่อเอาชนะเหล่าเจ้าสำนักพันธมิตรร้อยสำนัก.

ซึ่งในเวลานี้ ขณะที่เซียวจุ้ยจื่อประลองอยู่นั้น บนโรงน้ำชาไกลออกมา อาวุโสใหญ่ที่จ้องมองผ่านหน้าต่างผ่านออกมาเช่นกัน.

ระยะทางที่ห่างไกลอยู่เล็กน้อย.

แต่กระนั้นทุกคนก็สามารถรับรู้ได้.

ในเวลานั้นเซียวจุ้ยจื่อที่ยกยิ้มขึ้น ราวกับต้องการบอกอาวุโสใหญ่และคนของตระกูลเซียวทุกคน.

ข้า เซียวจุ้ยจื่อ ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง กลับมาแล้ว.

“กึก ซี่”

อาวุโสใหญ่ที่กำหมัดแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร.

เขารู้ได้ในทันที เรื่องที่เซียวจุ้ยจื่อเอาชนะเจ้าสำนักพันธมิตรหลายคนในเมืองครั้งนี้ จะต้องแพร่กระจายไปทั่วมนทล และตระกูลเซียวก็จะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะอีกครั้งแล้ว.

เขาที่เสียใจเรื่องในอดีต เสียใจในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น!

หากแต่ไม่ใช่เสียใจที่ไล่เซียวจุ้ยจื่อออกจากตระกูล.

แต่เป็นเสียใจที่ไม่ได้สังหารเจ้าขยะนี้ไป จนปล่อยให้มันฟื้นคืนกลับมาได้!

“เจ้าหมาแก่.”

จุนซ่างเซียวที่รับรู้ได้เช่นกัน บนโรงน้ำชาที่อยู่ไกลออกไป คนของตระกูลเซียวที่กำลังจ้องมองมานั้น เขาเอ่ยออกมาเบา ๆ “หากกล้าหาเรื่องศิษย์ของข้าอีกครั้งล่ะก็ ลืมไปได้เลยเรื่องหนสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองนี้ เปิ่นจัวจะลบตระกูลเซียวทิ้งไปอย่างแน่นอน.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด