ตอนที่ 93 ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ!
ตอนที่ 93 ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ!
"ทะ...ท่านอยากรู้เรื่องอะไรงั้นรึ?" เล่ยซีอองถามด้วยความระวัง
ในโลกแห่งการต่อสู้ ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีคนให้ความเคารพมากเท่านั้น
ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาแม้ว่าจะดูอายุน้อยแต่ก็เป็นถึงนักศิลปะการต่อสู้ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง ซึ่งทำให้เล่ยซีอองไม่กล้าแสดงความเย่อหยิ่งออกมา
ลู่ชางเฉิงคลายมือของเขาและถามอย่างใจเย็น “ข้าต้องการรู้ข้อมูลสมบัติของกบสี่ตาทั้งหมด”
“มันเป็นแบบนี้ครับท่าน...”
หลังจากนั้นเล่ยซีอองก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดของสมบัติของกบสี่ตาโดยไม่ปิดบังอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือแพร่กระจายไปว่าสมบัติของกบสี่ตาได้ปรากฏขึ้นในเมืองหยานเฉิง
ซึ่งนั้นทำให้ดึงดูดนักศิลปะการต่อสู้จํานวนมากมาที่เมืองหยานเฉิงในทันทีแน่นอนว่ารวมถึงเล่ยซีอองด้วย
เล่ยซีอองต้องการได้รับสมบัติของกบสี่ตาเพื่อเสริมพลังร่างกายของเขา เพื่อทําให้เขามีโอกาสก้าวไปสู่ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์
"แล้วตอนนี้ใครเป็นผู้ครอบครองสมบัติของกบสี่ตาอยู่?" ลู่ชางเฉิงถามอีกครั้ง
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ข้าได้ตรวจสอบกลุ่มวารีทมิฬเมื่อไม่นานมานี้และได้รู้ว่ากลุ่มวารีทมิฬเป็นกลุ่มที่ก่อตั้งในเมืองหยานเฉิงซึ่งมีความเป็นไปได้มากที่สมบัติของกบสี่ตาจะอยู่กับคนกลุ่มนี้”
“แม้ว่ากลุ่มวารีทมิฬจะยังไม่ได้รับสมบัติของกบสี่ตา แต่พวกเขาก็น่าจะมีข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับมันซ่อนเอาไว้อยู่ครับท่าน”
ลู่ชางเฉิงกำลังคิดอย่างจริงจัง
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หันหลังและจากไปทันที
เล่ยซีอองมึนงงไปชั่วครู่ แต่หลังจากนั้นเขาก็ตื่นตัวอย่างเต็มที่เมื่อเขาได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากข้างหูของเขาอีกครั้ง “ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ก่อน ว่าเจ้าควรอยู่ให้ห่างจากสมบัติของกบสี่ตาซะ ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะตายโดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้…”
คําพูดของลู่ชางเฉิงดังก้องอยู่ในหูของเขา แต่เล่ยซีอองกลับมองไม่เห็นร่างของเขาด้วยซ้ำ
การแสดงออกของเล่ยซีอองเปลี่ยนไปมาก แต่สุดท้ายเขาก็กัดฟันและพึมพําเบาๆว่า “ฮึๆ ข้าคงวางมือจากสมบัติของกบสี่ตาจริงๆ เพราะมันได้ดึงดูดนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าหากข้าคิดจะชิงมันจริงๆข้าอาจไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อใช้มันก็ได้…”
แม้ว่าสมบัติของกบสี่ตาจะมีความสําคัญอย่างมากต่อเขา แต่ชีวิตของเขานั้นสำคัญยิ่งกว่า!
ดังนั้นเล่ยซีอองจึงหันหลังจากไปและออกจากเมืองหยานเฉิงไปทันที
เขาตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับสมบัติของกบสี่ตาอย่างเด็ดขาด!
ส่วนลู่ชางเฉิงที่เห็นว่าเล่ยซีอองออกไปจากเมืองหยานเฉิงแล้ว เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่าเล่ยซีอองจะไม่ได้โกหกเขา
อันที่จริงเล่ยซีอองนั้นเป็นคนดี ซึ่งลู่ชางเฉิงเองก็ไม่ต้องการให้เขามาเสี่ยงชีวิตเพื่อไล่ตามสมบัติของกบสี่ตา เพราะถ้าหากถึงตอนที่ต้องชิงสมบัติกัน เล่ยซีอองจะเอาชนะเขาได้ยังไง?
"กลุ่มวารีทมิฬงั้นรึ?" แววตาของลู่ชางเฉิงเริ่มเต็มด้วยความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาแล้ว
แต่เนื่องจากตอนนี้เขายังไม่ว่าง ดังนั้นเขาจะหาข้อมูลเรื่องนี้ในตอนเย็นแทน
หลังจากนั้นลู่ชางเฉิงก็ตรงกลับไปที่บ้านพักตระกูลเซี่ย
….
ภายในฐานของกลุ่มวารีทมิฬ หน่วยลาดตระเวนกําลังตรวจสอบพื้นบริเวณโดยรอบทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นภายในฐานหรือภายนอกฐาน กลุ่มวารีทมิฬตอนนี้กำลังตื่นตัวมาก
ทุกวันนี้การใช้ชีวิตของกลุ่มวารีทมิฬนั้นยากลำบากอย่างสุดขั้ว
เนื่องจากข่าวที่แพร่กระจายออกไปว่าสมบัติของกบสี่ตานั้นตกอยู่ในมือของกลุ่มวารีทมิฬ ส่งผลให้นักศิลปะการต่อสู้หลายคนได้บุกเข้ามาโจมตีกลุ่มวารีทมิฬ
ตอนนี้สมาชิกของกลุ่มวารีทมิฬหลายคนได้รับบาดเจ็บ และที่แย่กว่านั้นคือพวกเขาไม่สามารถระบุตัวผู้กระทําได้
เพราะในบรรดาผู้ที่กล้าเข้ามาโจมตีกลุ่มวารีทมิฬส่วนใหญ่เป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงในโลกแห่งการต่อสู้ และพวกเขาก็ไม่ง่ายที่จะรับมือ
“ท่านครับ สมาชิกมากกว่าสิบคนในห้องโถงที่สามของข้าถูกลักพาตัวและจับไปรีดข้อมูลอยู่สามวันแล้ว ตอนนี้สภาพของเขาใกล้จะตายเต็มทีแล้วครับ!!”
“ช่วยด้วยครับท่าน หลี่ฮวนบุกเข้ามาที่ฐานของเราครับ!”
“ท่านครับ ห้องโถงที่สี่ของพวกเราถูกโจมตีครับ!...”
ภายในห้องโถงในฐานใหญ่ของกลุ่มวารีทมิฬ เหล่าผู้คุมห้องโถงหลายคนกำลังรายงานสถานการณ์กับผู้นำของพวกเขา
ผู้นำของกลุ่มวารีทมิฬ “จางเทียนหวู่” ตอนนี้มีสีหน้าเศร้าหมองมากเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา และกลุ่มวารีทมิฬก็ไม่สามารถรับมือกับนักศิลปะการต่อสู้จำนวนมากได้
"ฟิ้ววว"
ทันใดนั้น กริชบินได้ก็พุ่งเข้ามาและฝังอยู่ในโต๊ะน้ำชาข้างๆจางเทียนหวู่ทันที
การแสดงออกของจางเทียนหวู่เปลี่ยนไปอย่างมาก เขามองออกไปนอกห้องโถงด้วยสายตาที่เย็นชา
ภายนอกห้องโถง ชายร่างผอมในวัยสามสิบที่มีผิวซีดซีดกำลังเดินเข้าไปในห้องทีละก้าว
“หลี่ฮวน นี่เจ้าหมายความว่าอะไรกัน? เจ้าคิดว่ากลุ่มวารีทมิฬของข้าอ่อนแอมากเลยงั้นรึ?!” ใบหน้าของจางเทียนหวู่เริ่มเปลี่ยนไป
หลี่ฮวนส่ายหัวและยิ้มจางๆ “ท่านจาง ครั้งนี้ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายเลย ข้าแค่อยากเห็นสมบัติของกบสี่ตาเท่านั้น ข้าหวังว่าท่านจาง จะสามารถตอบสนองต่อคําขอเล็กๆน้อยๆของข้าได้นะ”
“สมบัติของกบสี่ตางั้นเรอะ? ข้าเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่าสมบัติของกบสี่ตามันเป็นอย่างไร? แต่น่าเสียดายที่สมบัติของกบสี่ตา ไม่ได้อยู่ในมือของข้า!” จางเทียนหวู่รีบปฏิเสธทันที
“ท่านจางไม่สามารถทำตามคําขอเล็กๆน้อยๆของข้าเลยงั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้นข้าขอเดินเล่นรอบๆฐานของเจ้าแทนได้ไหม?” หลี่ฮวนมองไปที่จางเทียนหวู่ด้วยรอยยิ้ม
"บังอาจนัก!"
“หลี่ฮวน ที่นี่คือเมืองหยานเฉิงที่ตั้งของกลุ่มวารีทมิฬของข้า อย่าคิดว่าวิชากริชบินของเจ้านั้นแข็งแกร่งมากนัก กลุ่มวารีทมิฬ ของข้าสามารถรับมือกับเจ้าได้โดยที่ไม่เกรงกลัวเจ้าเลยแม้แต่น้อย!” จางเทียนหวู่ตะคอกใส่
หลังจากนั้นจางเทียนหวู่ก็ผายมือของเขาทันที
"ครืน ครืน ครืน"
ทันใดนั้น สมาชิกกลุ่มวารีทมิฬหลายร้อยคนก็เข้ามาล้อมหลี่ฮวนเอาไว้จากทุกทิศทาง
ซึ่งแต่ละคนกำลังถือหน้าไม้และเล็งไปที่หลี่ฮวน
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ต่ำกว่าขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ แต่พลังของหน้าไม้นั้นก็ถือว่าสูงมาก
“อะไรกัน นี่พวกเจ้ามีกันมากขนาดนี้เลยงั้นรึ? กลุ่มวารีทมิฬนั้นยิ่งใหญ่จริงๆ”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังเข้ามาในหูของทุกคนทันที
พร้อมกันนั้น หญิงสาวในชุดสีแดงก็ลงมาจากด้านบนและโปรยผงสีขาวลงบนสมาชิกของกลุ่มวารีทมิฬเบาๆ
"อ๊ากกก..."
"นี่มันอะไรกันน่ะ?!"
"คะ..คัน..คันมาก…ทำไมมันถึงได้ทั้งคันทั้งแสบแบบนี้?!"