ตอนที่ 19 : ทาเลียยืนอยู่บนปลายเข็ม
พระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า สายลมพัดผ่านมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์
พื้นที่วิทยาเขตหลายแห่งต่างมีหน้าจอเวทมนตร์ติดตั้งไว้ รวมถึงถนนย่านการค้า
หน้าจอเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงผลข้อมูล การแจ้งเตือน และกิจกรรมทางวิชาการแก่นักศึกษาและเจ้าหน้าที่แบบตามเวลาจริงเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้รับชมฉากภายในโลกแห่งภาพฉายและการถ่ายทอดสดกิจกรรมสำคัญของมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ บางครั้งหน้าจอเหล่านี้จึงกลายเป็นจุดสนใจและพื้นที่พูดคุยสนทนาระหว่างช่วงพักในมหาวิทยาลัย
เช่นเดียวกับตอนนี้.
การสอบเข้าซึ่งค่อนข้างน่าสนใจสำหรับนักศึกษารุ่นพี่จำนวนมากทุกชั้นปีกำลังถูกถ่ายทอดสด
หลายๆ คนเพียงแค่อยากเห็นนักศึกษาใหม่ต้องทุกข์ทรมานหรือไม่ก็อับอาย ยังมีรุ่นพี่อีกบางส่วนที่ต้องการค้นหามือใหม่ล่วงหน้าและชักชวนพวกเขาเข้าร่วมทีม
และฉากในหน้าจอที่ทุกคนกำลังรับชมอยู่
สายลมและหิมะส่งเสียงโหยหวน ทิวทัศน์กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ในขณะที่ผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ยังคงดิ้นรนอยู่บนพื้นน้ำแข็งและหิมะ แรนช์กลับปฏิบัติตามเงื่อนไขในการผ่านการทดสอบแล้ว
เขากำลังนั่งอยู่ในห้องที่อบอุ่นพลางปิ้งขนมปังอยู่ข้างเตา
ท่าทางเขาดูผ่อนคลายและสบายใจ ปราศจากความกังวลใดๆ เกี่ยวกับการท้าทายโลกแห่งภาพฉายโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าเขากำลังถ่ายทำโฆษณาชิ้นใหม่สำหรับขนมปังรสชาติของชาวอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
หลังจากนี้เขาเพียงแค่ต้องรอให้ระยะเวลาในโลกแห่งภาพฉายสิ้นสุดลง แผงควบคุมเกทจึงจะคำนวณคะแนนของเขาให้เสร็จสิ้น
แม้ว่าตอนนี้จะมีนักศึกษาไม่มากนักที่ให้ความสนใจกับการกระทำของแรนช์
แต่บนหัวพวกเขาก็มีเครื่องหมายอัศเจรีย์เผยให้เห็นเล็กน้อย
เหล่านักศึกษาเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที
“รู้ไหมว่าผู้ชายคนนี้ทำอะไรลงไป!?”
“ทำอะไร?”
“เขามันโคตรชั่วร้าย! เขาตรงไปจับกุมครอบครัวนั้น!”
“นี่มันเรียกว่าใช้ช่วงเวลาฤดูหนาวอันอบอุ่นได้ด้วยเหรอ?”
“เพิ่งพูดว่าเขาล้มเลิกการสอบกลางคัน แต่สุดท้ายเขากลับทำเสร็จแล้ว”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างเป็นอัจฉริยะด้านตรรกะจริงๆ!”
ระเบียงของอาคารการเรียนรู้และการศึกษา
ที่แห่งนี้มีทั้งคนที่นั่งและกำลังยืนอยู่ หลายคนรวมตัวกันเป็นวงกลมรอบๆ หน้าจอที่ติดตั้งไว้บนที่สูง แลดูมีชีวิตชีวามาก
พวกเขาเริ่มถกเถียงถึงที่มาของชายหนุ่มนามว่า “แรนช์ วิลฟอร์ด” ผู้เป็นดาวรุ่งดวงนี้
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
มีเพียงนักศึกษาคนหนึ่งที่สวมเครื่องแบบจากสถาบันนักเล่นแร่แปรธาตุบอกว่าเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับองค์กรชื่อ “หอการค้าวิลฟอร์ด” และว่ากันว่าเจ้าของหอการค้ามีลูกชายผู้ชั่วร้ายคนหนึ่ง
แต่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับผู้กล้าแรนช์คนนี้มาก่อนเลย
“...”
ทาเลียฟังบทสนทนาของเหล่านักศึกษาที่ค่อยๆ เริ่มให้ความสนใจแรนช์
นั่งอยู่บริเวณขอบของระเบียง รออยู่บนเก้าอี้ไม้กลางแจ้ง เธอก้มศีรษะลงอย่างเงียบๆ พลางละสายตาออกมาจากหน้าจอเวทมนตร์
แม้ว่าเธอจะสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของแรนช์ที่มุมหนึ่งของหน้าจอแยกมาโดยตลอด
แต่เมื่อเธอเข้าใจจริงๆ ว่าแรนช์กำลังทำอะไรอยู่พร้อมๆ กับผู้คนรอบตัวที่เริ่มกรีดร้องขึ้น
เธอก็ต้องการจะหนีจากที่นี่ให้ไกลที่สุด
เพราะเธอเริ่มได้ยินคนพูดว่า: “พฤติกรรมของชายที่ชื่อว่าแรนช์คนนี้ดูไม่เหมือนมนุษย์เลย เป็นไปได้ไหมที่เขาอาจเป็นสายลับของเผ่าปีศาจ?”
สิ่งนี้ทำให้กระดูกสันหลังของเธอเย็นเยียบลงทันที
ทาเลียไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเป้าหมายอันตรายซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะว่าเธออยู่ใกล้กับแรนช์มากเกินไป
เธอไม่เคยสอนให้เขาทำแบบนี้จริงๆ…
ในความเป็นจริง สามเดือนที่ผ่านมาของการใช้เวลาร่วมกับแรนช์ เธอค่อยๆ พบว่าความคิดและบุคลิกภาพของชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างผิดปกติ
จนกระทั่งตอนนี้ในที่สุดเธอก็มั่นใจ
ชายคนนี้ป่วยหนักไม่มากก็น้อย!
เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ข้างๆ เขาโดยไม่ตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่น
อย่างไรก็ตาม.
ตามข้อตกลง.
เธอต้องปกป้องแรนช์และยังคงเป็นอาจารย์ของแรนช์ต่อไป
เมื่อเธอคิดไปถึงเรื่องที่จะต้องก้าวออกจากมหาวิทยาลัยพร้อมกับแรนช์ และอาจจะต้องอยู่ในเมืองหลวงกับเขาอย่างน้อยอีกสักพักหนึ่ง
เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกย่างบนกองไฟ
หากความอดทนในช่วงที่ผ่านและความปรารถนาที่จะกอบกู้อาณาจักรของเธอถูกค้นพบในที่สุดเพราะมนุษย์คนนี้ สิ่งที่เธอวาดฝันไว้ก็คงจะพังทลายอย่างไม่มีชิ้นดี
จากนั้นก็คงไม่พ้นการที่เธออยากจะตายไปพร้อมๆ กับแรนช์
เธอได้แต่หวังว่าตอนนี้แรนช์จะออกจากห้องสอบโดยเร็วและจากที่นี่ไปพร้อมกับเธอ
เธอยังหวังว่าแรนช์จะไม่ออกมา เธอไม่อยากเห็นฉากที่ทั้งคู่ต้องอยู่ด้วยกัน
“แรนช์…”
ทาเลียพึมพำด้วยเสียงลอดไรฟัน
เธอกำหมัดแน่น ทุกวินาทีที่ผ่านรู้สึกราวกับถูกเข็มหมุดทิ่มแทง
หลังจากที่อาณาจักรของเผ่าปีศาจถูกทำลาย เธอก็เร่ร่อนอยู่ตามลำพังมานานหลายทศวรรษ
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มนุษย์ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดเช่นนี้
…
ห้องโถงชั้นเจ็ดของอาคารการเรียนรู้และการศึกษาผสมผสานการออกแบบที่ทันสมัยเข้ากับองค์ประกอบทางธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและสง่างาม
ช่องรับแสงช่วยให้แสงกลางวันส่องเข้ามาทั่วทั้งพื้นที่ ทำให้เกิดเป็นแสงและเงาสลับกัน ต้นไม้สีเขียวในร่มล้อมรอบห้องโถงใหญ่ มีงานศิลปะและประติมากรรมจัดวางไว้ที่ข้างๆ ช่วยเพิ่มบรรยากาศมนุษยนิยมอันน่าลุ่มหลงให้กับตัวห้องโถง
ภายในห้องโถงใหญ่ ผู้คุมสอบลอเรน คณบดีของสถาบันนักปราชญ์ กำลังยืนกำหมัดอย่างเงียบๆ
บททดสอบครั้งนี้ถูกเลือกโดยเขาเป็นการส่วนตัว
ตามการวิเคราะห์ของนักประวัติศาสตร์ โลกแห่งภาพฉายระดับหนึ่ง [เปลวไฟที่หลบซ่อนอยู่ในเหมันต์] เดิมทีควรจะเป็นปัญหาที่เผชิญโดยจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์องค์สุดท้ายผู้มีชื่อเสียงในด้านความเมตตากรุณาและความชอบธรรมของเขาในอารยธรรมโบราณของโลกนี้เมื่อหลายหมื่นปีก่อน
บุคคลในตำนานที่ลอเรนเคารพนับถือมากที่สุดก็คือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ผู้มีเมตตากรุณาและชอบธรรมผู้นี้มาโดยตลอด
ลอเรนชื่นชมทุกการกระทำของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
อันที่จริง สำหรับการสอบครั้งนี้ ลอเรนไม่เพียงต้องการทดสอบ “สติปัญญาและจิตใจ” ของนักศึกษาใหม่เท่านั้น
เขายังหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจสถานการณ์และสภาพจิตใจที่จักรพรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์ต้องเผชิญเมื่อยามช่วยเหลือชาวบ้าน
พร้อมทั้งความสิ้นหวังและความโศกเศร้าที่จักรพรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์รู้สึกเมื่อเขาค้นพบความจริง
แต่ถึงอย่างนั้นเขายังสามารถรักษาความมุ่งมั่นและยังคงปฏิบัติตามความเชื่ออันแน่วแน่ในความเมตตากรุณาและความชอบธรรมต่อไปได้แม้หลังจากนั้น
“ให้ตายเถอะ…”
อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มผู้มีนามว่าแรนช์ วิลฟอร์ด
การกระทำของเขา
ดูเหมือนว่าจะทำให้จักรพรรดิ์ศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นพวกโง่เขลาไปแล้ว
ยอมเสียสละหัวใจแห่งความเมตตากรุณาและความชอบธรรมทิ้งไปเพื่อแลกกับพลังปีศาจ?
หลังจากทำทั้งหมดเขาก็กำลังนั่งรอให้เวลาสอบหมดลง
ลอเรนเงยหน้าขึ้นและจ้องมองไปยังแรนช์ผู้ซึ่งกำลังปิ้งขนมปังอย่างสบายๆ บนจอเวทมนตร์ขนาดใหญ่ในห้องโถง
เขารู้สึกเหมือนมีไฟลุกท่วมอยู่ในหัวใจ
หากตอนนี้เขาสามารถเข้าสู่โลกแห่งภาพฉายได้ เขาอยากจะเข้าไปเตะไอ้เตาปิ้งขนมปังนั่นให้พังจริงๆ!
“พลังเวทย์ของชายคนนี้อ่อนแอมาก ทำไมเขาถึงเป็นผู้เข้าสอบในสถาบันของเราล่ะ?”
ในที่สุดลอเรนก็สงบลง เขาพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน
นับตั้งแต่วินาทีที่เขามาถึงห้องสอบ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังเวทมนตร์ของผู้เข้าสอบทุกคน
เขาจำได้ว่าพลังเวทมนตร์ของแรนช์นั้นต่ำที่สุดในบรรดาเหล่าผู้เข้าสอบ แม้กระทั่งด้อยกว่าผู้เข้าสอบของสถาบันอัศวิน
ถ้าเขาไม่สังเกตเห็นแรนช์บนหน้าจอเวทมนตร์ ลอเรนเกือบจะเข้าใจผิดว่าแรนช์เป็นผู้เข้าสอบของสถาบันอัศวิน
“ถ้าเขาผ่านการทดสอบคุณสมบัติรอบแรกเมื่อตอนสมัครเข้าเรียนก็บอกได้แค่ว่าคุณสมบัติทางจิตของเขาคงจะสูงมาก ซึ่งจะชดเชยการประเมินโดยรวมหลังจากการวัดแบบถัวเฉลี่ย…”
“แต่เขาจะผ่านการสอบภาคปฏิบัติได้ยังไง…”
การสอบรอบที่สามจะแตกต่างจากการสอบสองรอบแรก นอกจากการใช้พละกำลังอันหนักหน่วงของตนเองแล้วก็ไม่มีวิธีอื่นให้ฉวยโอกาส
ลอเรนเชื่อว่าแรนช์ไม่น่าจะเป็นสมาชิกของเหล่านักบวช
เพราะเขาไม่รู้สึกถึงรัศมีแห่งการปกป้องจากทวยเทพเลย
ดังนั้นแรนช์จึงไม่น่าจะสามารถใช้การ์ดเวทมนตร์ธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่ “ส่งผลต่อปริมาณการรักษาด้วยความแข็งแกร่งทางจิต” ได้
...
มุมของแสงตกกระทบที่ลอดผ่านโดมแก้วจะค่อยๆ เปลี่ยนไปในห้องโถงใหญ่ ราวกับเข็มนาฬิกาคอยบันทึกการเคลื่อนตัวของทุกช่วงเวลา
ในที่สุดการสอบก็มาถึงจุดสิ้นสุด
ผู้เข้าสอบถูกส่งออกมาจากประตูเกลียวกลวงขนาดใหญ่ตามลำดับที่พวกเขาเข้าไป
จนกระทั่งคนทั้งหมดออกจากโลกแห่งภาพฉายแบบจำลอง ลอเรนจึงแตะกุญแจลับบนแผงควบคุมอย่างอ่อนโยนเพื่อปิดเกทแห่งความว่างเปล่า
ต่อจากนั้น เกทเข้าสู่โลกแห่งภาพฉายแบบจำลองเริ่มทำงานอีกครั้งเพื่อทำการคำนวณผลการสอบขั้นสุดท้าย
ลอเรนยืนอยู่บนแท่นสูงพลางมองไปยังรอบๆ เขาเห็นผู้เข้าสอบที่มีคุณสมบัติหลายคนยังไม่ออกจากห้องสอบและกระจัดกระจายกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ บางคนไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของตนเองได้ ในขณะที่บางคนมีสีหน้าเรียบเฉย
แม้ว่าจะไม่มีทางทราบสถานะของการพิชิตโลกแห่งภาพฉายของผู้เข้าสอบคนอื่นในระหว่างการสอบได้
แต่เห็นได้ชัดว่ามีผู้เข้าสอบหลายคนที่ดูมีความมั่นใจมาก พวกเขามั่นใจมากว่าคะแนนของตนเองในโลกแห่งภาพฉายนั้นเป็นหนึ่งในอันดับที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
(จบตอน)