ตอนที่แล้วChapter 97 ทักษะยุทธ์คมวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 99 สั่นสะเทือนไปทุกหนแห่ง.

Chapter 98 ปาฏิหาริย์กำลังมา


ทักษะวิชาพลังวิญญาณถูกปรับให้เป็นวิชาสำนักโดยอัตโนมัติรึ?

จุนซ่างเซียวที่เปิดรายการ สำนักบนคอนโซลแสดงผล.

ชื่อสำนัก: ไท่กู่เจิ้ง.

ชื่อเจ้าสำนัก : จุนซ่างเซียว.

ระดับสำนัก : ระดับเก้า.

สิ่งก่อสร้างสำนัก: เลเวล 2.

ฟังก์ชันสำนัก : หอปรุงยา.

วิชาสำนัก : เปลี่ยนเส้นเอ็น【เทวะขั้นต้น】 คมวิญญาณ【กลางขั้นต้น】

สมาชิกสำนัก: 102 / 500.

คะแนนสนับสนุนสำนัก: 177 / 500.

ความสำเร็จสำนัก: 0 / 500.

ภารกิจสำนัก : ยังไม่มีชั่วคราว.

ภารกิจหลักสำนัก : ภายในหนึ่งร้อยปี......

......

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “ทักษะยุทธ์ที่ศิษย์ทุกคนสามารถฝึกได้.”

ระหว่างกล่าว เขาที่กดเลือกเมนูวิชาสำนัก เลือกคมวิญญาณ คัดลอก 1000 เล่มเอาไว้ทันที.

“ติ๊ง! โฮสน์ใช้ 10 แต้ม คัดลอกตำราคมวิญญาณหนึ่งพัน ถูกส่งเข้าไปในแหวนมิติแล้ว.”

จุนซ่างเซียวนำมันออกมาหนึ่งเล่มเมื่อตรวจสอบอ่านดูแล้ว ก็เผยท่าทางประหลาดใจ “เป็นวิชาที่ง่ายจะเข้าใจจริง ๆ!”

ขณะกล่าว เขาก็เริ่มโคจรพลังวิญญาณตามคำแนะนำในตำรา ไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ ก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่มาอัดแน่นกันที่ฝ่ามือ.

เขาก้าวออกมาจากห้อง ตรงไปยังลานยุทธ์คนเดียว ก่อนที่จะเหวี่ยงมือข้างหนึ่งออกไป.

“ฟิ้ว-”

พลังวิญญาณที่ระเบิดออกจากฝ่ามือ พุ่งตรงไป เป็นพลังอัดแน่นรูปจันทร์เสี้ยว แหวกอากาศลอยพุ่งตรงไปยังหุ่นไม้ที่อยู่ในลานยุทธ์.

“ตูมมมมม!”

หุ่นไม้ที่แตกเปิดออกมา เหล่าศิษย์ที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างก็ตกใจหันหน้ามามองเป็นสายตาเดียวกัน.

“โอ้ว สวรรค์!”ซูเซียวโม่ที่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนัก นี่มันวิชาอะไร อ๊าก!”

จุนซ่างเซียวปรบมือ กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “คมวิญญาณ เป็นทักษะพลังวิญญาณ.”

“ทักษะพลังวิญญาณอย่างงั้นรึ?”ซูเซียวโม่ที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.

เขาเคยได้ยิน ทักษะพลังวิญญาณคือทักษะที่รวมพลังวิญญาณไว้ที่จุดเดียวกัน แล้วปล่อยออกไปเพื่อโจมตี นอกจากนี้ในร้านค้าตำรา ยังเป็นสินค้าที่แสนหายาก ราคาเองก็แพงลิบลิ่ว!

“...”

จุนซ่างเซียวที่ส่งตำราคมวิญญาณออกไป ตบไหล่ของเขา “เจ้านำมันไปฝึกฝน ควรจะเข้าใจวิชาอื่นบ้างนอกจากฝึกฝนร่างกาย.”

กล่าวเสร็จ เขาก็หันหลังกลับก้าวเข้าไปในห้องโถง.

ซูเซียวโม่ถือตำรายุทธ์ไว้แน่น ขณะจ้องมองชื่อวิชา คมวิญญาณ แววตาที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงขึ้นมาในทันที ก่อนที่จะกล่าวออกมาเสียงดัง “ศิษย์จะต้องตั้งใจฝึกอย่างแน่นอน!”

หลังจากกลับเข้ามาในห้องโถง จุนซ่างเซียวได้เรียกลู่เชียนเชียน หลี่ชิงหยางและเถียนซี เพื่อมอบทักษะคมวิญญาณให้พวกเขาไปฝึกฝน.

“นี่มันทักษะพลังวิญญาณอย่างงั้นรึ?”

“โอ้วสวรรค์ นี่เป็นวิชาที่ไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็น!”

“เจ้าสำนัก มอบมันให้พวกเรา!”

ลู่เชียนเชียนที่เห็นว่าเป็นวิชาระดับกลางขั้นต้น ตอนแรกนางไม่ต้องการที่จะฝึก ทว่าหลังจากเปิดออกดู พบว่าสัจจะคาถานั้นง่ายมาก ๆ จึงได้ทดลองฝึกฝนดู.

ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งคนอื่น ๆ ที่รู้ว่าสำนักมีทักษะพลังวิญญาณ พวกเขาก็เริ่มบ่มเพาะอย่างจริงจัง เพราะเจ้าสำนักได้บอกว่าขอเพียงก้าวไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์ ก็จะได้รับมัน!

ต้องขยัน ต้องขยันมากกว่านี้!

ด้วยวิชาที่ล่อใจ ทำให้ศิษย์ทุกคนต่างก็ขยันขันแข็งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองไม่หยุดหย่อน.

ส่วนมือดาบหม่าหยงหนิง ที่ถูกขังห้าวันก็ถูกปล่อยตัว ทว่าเวลานี้กับไปไม่ยอมจากสำนักไป.

ทำไมไม่ยอมจากไปนะรึ?

เพราะว่าหลายวันที่ถูกคุมขัง ได้ถูกสยบด้วยอาหารของหลิวหว่านซีไปแล้ว แม้แต่ยอมที่จะทิ้งดาบเพื่อก้าวเข้าไปในโรงอาหาร.

“ยังไม่ไปอีกรึ?”จุนซ่างเซียวกล่าว.

หม่าหยงหนิงที่อาศัยความหน้าด้านเข้าไว้ กล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน ความแค้นของพวกเราถือว่าหายกัน ขอเพียงเจ้าให้ข้าได้อยู่กินอาหารของแม่นางหลิว จะให้ทำอะไรก็ยอม!”

จุนซ่างเซียว“......”

มารดามันเถอะ หากรู้เช่นนี้ ไม่ให้มันได้กินข้าวก็ดี.

“เจ้าสำนัก.”หลิวหว่านซีที่ขยิบตากล่าวออกมาว่า “โรงอาหารยังขาดคนล้างถ้วยล้างชาม คงไม่มีปัญหาอะไรที่จะให้เขาอยู่แล้วช่วยงานเหล่านี้.”

“ได้เลย!”หม่าหยงหนึ่งที่ลุกขึ้นยืน พร้อมกับชูมือทั้งสองข้างขึ้น กล่าวอย่างภาคภูมิ “มือทั้งสองข้างของหม่าโหม่ว เกิดมาเพื่อล้างถ้วยชามโดยเฉพาะ!”

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “ตู้ตู้ต้องยุ่งวุ่นวายกับโรงอาหารทุก ๆ วัน เป็นการดีที่จะมีคนคอยช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ.”

“เสี่ยวโม่.”

“อยู่นี่แล้ว.”

“ไปลากมือสังหารสองคนนั่นออกมาด้วย ให้พวกเขามาทำงานให้โรงอาหาร หากไม่ให้ความร่วมมือ ก็ทรมานพวกเขาได้เลย.”

“ครับ!”

ซูเซียวโม่ที่ไปยังห้องคุมขัง ที่มุมปากกระตุก ”คนทั้งสอง ถูกขังมานานพอแล้ว.

จากนั้น หม่าหยงหนิงและมือสังหารทั้งสองก็ถูกใช้ทำงานในโรงอาหาร นอกจากนี้พวกเขายังยินดีเป็นอย่างมาก เพราะว่าอาหารของหลิวหว่านซี อร่อยมากไปจริง ๆ.

สำนักไท่กู่เจิ้งสมัยก่อน ข้าวหนึ่งจานยังยากจะหาได้ ตอนนี้ต่อหน้ามือสังหารที่ดุร้าย ยังต้องก้มหัวให้กับอาหารของพวกเขา.

......

ศิษย์ของเขา เวลานี้กำลังฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง จุนซ่างเซียวกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับตึกฝนพรำ “ส่งมือสังหารสามคนมาไม่กลับไป ฝ่ายตรงข้ามต้องลงมืออีกแน่.”

ต้องทำลายให้สิ้นซากรึ?

ไม่ ไม่สามารถทำได้.

จุนซ่างเซียวที่ล้มเลิกความคิดไป เพราะว่ามือสังหารทั้งสามที่ถูกส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่า ได้กระตุ้นภารกิจสองครั้งแล้ว หากว่าเขาทำลายองค์กรนักฆ่าไป ไม่เท่ากับว่าเขาได้ทำลายหม้อข้าวตัวเองไปหรอกรึ?

ระบบเอ่ย “โฮสน์คิดมากเกินไป.”

“ไร้สาระ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “หากว่าคิดน้อย แล้วหลังจากนี้จะอยู่รอดในทวีปซิงหยุนที่โหดร้ายได้อย่างไร.”

......

เหล่าศิษย์ภายในสำนักไท่กู่เจิ้งที่ทุ่มแรงกายแรงใจเพื่อบ่มเพาะพลัง.

จุนซ่างเซียวเองก็ไม่หยุดหย่อน เขาเข้าห้องปั้นกล้ามเนื้อและบำเพ็ญโคจรวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นไม่ว่างเว้นเช่นกัน.

ตลอดหลายวันมานี้ ภายในมนทลชิงหยาง มีข่าวที่ทุกคนสนใจ เพราะว่าตระกูลอ้ายเมืองฮู่หยาง ที่ประกาศต่อสาธารณะชนเกี่ยวกับเม็ดยาฟื้นฟูที่เป็นยาแบบใหม่ สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว.

เร็วขนาดใหน?

จากข้อความโฆษณา-ขอเพียงแค่เหลือหนึ่งลมหายใจ ขอเพียงยังไม่ตายไป เม็ดยาฟื้นฟู จะสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บกลับมาในเวลาสอง-สามลมหายใจ ร่างกายกลับมาสมบูรณ์ ไม่มีอาการบาดเจ็บหลงเหลือ!

มันจะเกินจริงหรือไม่? หะ?

เหล่าชาวยุทธ์ทั่วมนทลชิงหยางที่ตื่นตะลึงงันกับข่าวดังกล่าวหลาย ๆ คนไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย.

ทว่าคิดถึงตระกูลอ้ายที่สืบทอดกันมาหลายรุน การเผยข่าวลือเช่นนี้ออกมา ไม่เป็นการทำลายเกียรติที่สะสมมาอย่างงั้นรึ?

“สามวันหลังจากนี้ ตระกูลอ้ายจะทำการประมูลสินค้าดังกล่าวที่เมืองฮูหยาง เขาบอกว่ามันมีเพียงเก้าเม็ดเท่านั้น ตระกูลใหญ่และสำนักต่าง ๆ ล้วนแต่ต้องการทั้งนั้น.”

“ไป พวกเราไป! ต้องไปดูอะไรสนุก ๆ กัน.”

เพียงไม่นานชาวยุทธ์ทั่วมนทลชิงหยางต่างก็หลั่งไหลไปยังเมืองฮูหยาง ผู้คนมากมายต่างก็หลั่งไหลไปยังเมืองดังกล่าวไม่หยุด ทำให้มีคนหนาแน่นยิ่งกว่ามีงานประลองยุทธ์สำนักซะอีก เห็นชัดเจนว่าเม็ดยาที่สามารถรักษาได้อย่างรวดเร็ว ดึงดูดพวกเขาเป็นอย่างที่สุด.

แน่นอน.

หลากหลายตระกูลและหลากหลายสำนัก ที่ยังคงสงสัยเกี่ยวกับประสิทธิ์ภาพของมันเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน.

ตระกูลอ้ายเข้าใจเรื่องนี้ดี ชาวยุทธ์เวลานี้ยังมีเรื่องคลางแคลงใจอยู่กับผลของเม็ดยา พวกเขาจะต้องพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น ดังนั้นก่อนการประมูลจะเริ่ม ตระกูลอ้ายได้เชิญนายน้อยตระกูลซ่งเมืองซุนหยาง ที่เป็นอัมพาตเพื่อมาทดสอบเม็ดยา.

“นั่นมันนายน้อยรองของตระกูลซ่ง!”

“ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นยอดพรสวรรค์รองมาจากเซียวจุ้ยจื่อ หากแต่เขาออกไปฝึกฝนที่ป่าเขา ถูกสัตว์ร้ายระดับต่ำขั้นห้าโจมตี จนเวลานี้ร่างกายเป็นอัมพาต อนาคตของเขาดับวูบลง.”

“นี่ตระกูลอ้ายเชิญเขามา เพื่อพิสูจน์ผลของยาให้พวกเราเห็นเลยอย่างงั้นรึ?”

“นายน้อยสองของตระกูลซ่งเป็นอัมพาตนอนอยู่บนเตียง  จะสามารถรักษาได้อย่างงั้นรึ?”

ผู้คนที่พูดคุยกันเสียงดังอื้ออึง.

“ท่านสุภาพบุรุษและสภาพสตรี.”

อ้ายซางหนี่ กล่าว “เพื่อพิสูจน์ผลของยาฟื้นฟู เมื่อวานนี้ข้าและประมุขซ่งได้ตกลงกันไว้ ว่าจะขายยาในราคา 30,000 เงินต่อหนึ่งเม็ด เพื่อใช้รักษานายน้อยรอง และเพื่อให้ทุกคนได้เห็นประสิทธิภาพของยาด้วยเช่นกัน.”

กล่าวเสร็จอาวุโสตระกูลอ้ายก็มอบเม็ดยาให้ประมุขซ่ง.

สายตาของทุกคนที่จ้องมองเป็นสายตาเดียวกัน.

ประมุขซ่งที่ถือเม็ดยาแขนสั่นเล็กน้อย.

เมื่อวานนี้ ตระกูลอ้ายรับรองอย่างหนักแน่นถึงผลของเม็ดยาว่าใช้ได้อย่างแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะทำให้เขา ไม่สามารถสงบใจอยู่ได้.

“ท่านพ่อ.”

นายน้อยลำดับสองตระกูลซ่งที่นอนเรียบอยู่บนเก้าอี้ กล่าวเสียงแผ่ว ๆ “บุตรอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว ถึงแม้นว่าจะเป็นยาพิษข้าก็ยินดีทดลอง.”

เขาที่เป็นยอดพรสวรรค์ลำดับถัดมาจากเซียวจุ้ยจื่อ เพราะว่าต้องกลายเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง ไม่สามารถที่จะขยับได้ ภายในใจก็เหมือนกับตายไปแล้ว หากว่าเขาสามารถขยับได้ คงจบชีวิตด้วยตัวเองไปนานแล้ว.

ประมุขซ่งที่ก้าวเดินเข้ามาหา พร้อมกับป้อนยาให้กับลูกชายด้วยตัวเอง แววตาที่คาดหวังอย่างที่สุด.

และแล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น นายน้อยสอง ตระกูลซ่งที่กินยาเข้าไป แขนขาที่สั่นไปมาเล็กน้อย จากนั้นสายตาของทุกคนที่จับจ้อง ถึงกับเบิกกว้างกลมโต ....ยืนขึ้นแล้ว!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด