Chapter 90 ไม่อาจทำอิฐโดยไม่ใช้ฟาง
“ใครต้องการจะประลองอีก?”
ด้วยคำพูดของจุนซ่างเซียว ที่เผยท่าทางดูแคลนเหยียดหยันอย่างชัดเจน เขาจงใจยั่วยุเต็มที่ เพื่อให้เจ้าสำนักต่าง ๆ รอบเวทีขึ้นมา.
กับตัวตนระดับสูง มีรึที่จะทนได้.
อย่างไรก็ตาม!
กลับเงียบ ไม่มีใครเสนอตัว.
เฉินถงที่มีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นเก้า ยังถูกทุบจนสลบ หากพวกเขาขึ้นไปไม่ขายหน้าเอารึ?!
เหล่าเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ต่างก็โกรธเกรี้ยว แต่กับไม่มีใครแม้แต่คนเดียวกล้าก้าวขึ้นเวที.
เห็นกลุ่มคนที่เผยท่าทางโกรธเกรี้ยว แต่กับเงียบกริบไม่กล้ามีปากมีเสียง จุนซ่างเซียวที่ยักไหล่ กล่าวออกมาว่า “นี่นะรึ? พันธมิตรร้อยสำนัก ก็แค่กลุ่มกาก ๆ.”
ผู้นำฉินที่อยู่ไกลออกมาดวงตาเย็นยะเยือบ ขณะกำลังจะก้าวเข้าไป เพื่อขึ้นไปประลอง.
“เจ้าสำนักจุน.”
ในเวลานั้น ก็มีเสียงของเซี่ยกวนคุนดังขึ้น และก้าวเดินเข้ามา เผยยิ้ม “เพียงสองกระบวนท่าก็เอาชนะเจ้าสำนักเฉิน ร้ายกาจ ทำให้เซี่ยโหมวได้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ!”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือขึ้นประสานกล่าวออกมาว่า “เจ้าเมืองเซี่ยชมเกินไปแล้ว.”
เซี่ยกวนคุนจ้องมองไปยังฉินเห่าหราน กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าผู้นำฉินวางแผนจะขึ้นเวทีประลองกับประมุขจุน ที่ยังเป็นผู้เยาว์อย่างงั้นรึ?”
เขาไม่ได้เอ่ยเพียงประมุขจุน แต่ยังเพิ่มคำว่ายังเป็นผู้เยาว์เข้าไปด้วย.
ทำให้ผู้นำฉินเข้าใจในทันที เป็นการสื่อถึงเขา ว่าไม่ให้ข่มเหงผู้เยาว์.
เป็นการกล่าวข่มเขานั่นเอง.
ผู้นำฉินเอ่ยออกมาเบา ๆ “ในฐานะอาจารย์ยุทธ์ แน่นอนว่าฉินโหมวไม่คิดที่จะขึ้นไปประลองกับผู้เยาว์ดังที่เจ้าเมืองเซี่ยคิด.”
“อาจารย์ยุทธ์รึ?”
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ “ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาเหมือนกัน.”
เจ้าเมืองเซี่ยที่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ”พันธมิตรร้อยสำนักทุกท่าน เมื่องานประชุมจบแล้ว ไปเถอะ เซี่ยโหมวได้เตรียมต้อนรับ เชิญทุกท่านไปยังตำหนักเจ้าเมือง.
ผู้นำฉินที่ยกมือขึ้นประสานอก กล่าวออกมาเล็กน้อย “ฉินโหมวมีเรื่องต้องจัดการ คงต้องขอลาก่อน.”
กล่าวเสร็จ เขาสะบัดแขนเสื้อและจากไป.
แน่นอนว่าเขาเร่งรีบจากไป เพราะต้องระงับความโกรธเกรี้ยวในใจของเขาเอาไว้ด้วยนั่นเอง.
“เจ้าเมืองเซี่ย ข้าเองก็มีเรื่องที่ต้องจัดการเช่นกัน คงไม่มีเวลา ขอลา!”
เหล่าเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการไปยังคฤหาสน์เจ้าเมือง เร่งรีบกล่าวลา ในเวลานี้พวกเขารู้สึกอับอายขายหน้า จึงต้องการจากไปให้เร็วที่สุด.
พวกเขาจะมีหน้าอยู่ได้อย่างไร.
ก่อนหน้าการประชุมจะเริ่ม พวกเขาคิดหาวิธีมากมายเพื่อจะเอาโทษตายจุนซ่างเซียว ท้ายที่สุดกับต้องกลืนน้ำลายแม้แต่กล้ำกลืนความอัปยศกลับมาด้วย.
หนึ่งเจ้าสำนักถูกพูดตอบจนกระอักโลหิต อีกเจ้าสำนักได้รับบาดเจ็บหนัก ผู้นำฉินและเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ที่จากไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างหนัก การประชุมพันธมิตรครั้งนี้ พวกเขาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์.
จุนซ่างเซียวที่กระโดดลงมาจากเวทีชำระแค้น ยกมือผสานกล่าวออกมาว่า “ขอบคุณเจ้าเมืองเซี่ย ไม่เช่นนั้น ผู้นำฉินคงต้องขึ้นเวทีประลองกับจุนโหมวแน่.”
เจ้าเมืองเซี่ยส่ายหน้าไปมา “เจ้าสำนักจุน ไม่ควรจะท้าทายใคร ไม่เช่นนั้นอาจจะได้รับภัยเข้าในสักวัน.”
จุนซ่างเซียวกล่าว “สำนักไท่กู่เจิ้งนั้นมีเป้าหมายสมถะเก็บเนื้อเก็บตัว ขอเพียงไม่มีคนมาหาเรื่องข้า ข้าก็จะไม่ไปหาเรื่องใคร.”
หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่นที่ใบหน้ากระตุกอีกครั้ง เป้าหมายสำนักเปลี่ยนอีกแล้วใช่ใหม?
เจ้าเมืองเซี่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ตราบเท่าที่ผู้นำฉินเป็นผู้นำพันธมิตรร้อยสำนัก สำนักไท่กู่เจิ้งของเจ้าที่เป็นสมาชิกจะไม่ลำบากอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้าได้ส่งใบลาออกจากพันธมิตรแล้ว.”
เจ้าเมืองเซี่ยที่ตกใจ ก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นกล่าวออกมาว่า “พันธมิตรร้อยสำนักตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมา ก็มีสำนักมากมายเร่งรีบขอเข้าร่วม เจ้าสำนักจุนกับเป็นคนขอถอนตัว ช่างอหังการนัก!”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาเบา ๆ “พวกหัวมงกฎท้ายมังกร สำนักไท่กู่เจิ้งที่ต้องเป็นพรรคพวกด้วย มีแต่จะทำให้เสียเกียรติสำนัก.”
เหล่าชาวยุทธ์ที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว ภายในใจได้แต่คิดว่าเจ้าสำนักจุนนับเป็นยอดฝีมือจริง ๆ!
(乌合之众 ความหมายคือ (wū hé zhī zhòng)พวกหัวมังกุฏท้ายมังกร พวกเสเพล มีอะไรที่ไม่เข้ากัน ไม่กลมกลืน ดูแล้วขัดกัน)
......
เจ้าเมืองเซี่ยที่เชิญจุนซ่างเซียวไปยังตำหนักด้วยเช่นกัน หากแต่ ก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน เพราะเขาได้นัดหมายที่จะไปยังตระกูลหลี่แล้ว เขาต้องนำหลี่ชิงหยางกลับไปพบกับบิดา.
ในเวลานี้ การที่ได้เป็นพยานเห็นเจ้าสำนักจุนเอาชนะเจ้าสำนักดาบใหญ่ ประมุขหลี่ที่ตื่นตะลึง ตื่นเต้นดีใจ แม้แต่จัดงานเลี้ยงต้อนรับ.
หลังจากกินเลี้ยงพูดคุยในงานเลี้ยงแล้ว.
จุนซ่างเซียวได้ออกมาจากตระกูลหลี่เพื่อไปทำธุระส่วนตัว เขาต้องการค้นหาวัตถุดิบปรุงยานั่นเอง.
ในฟังก์ชันหอปรุงยานั้นมียาสี่ชนิด เขาสามารถค้นหาเม็ดยาฟื้นฟูสามัญได้ ส่วนเม็ดยาอื่น ๆ นั้นค่อนข้างหายาก เขาที่ค้นหาร้านต่าง ๆ หลายร้าน ท้ายที่สุดก็ได้เพียงเม็ดยาบูรณะร่างกายเพิ่มขึ้นมาแค่สองเม็ด.
ส่วนเม็ดยารวมวิญญาณและเม็ดยาผสานวิญญาณนั้น ไม่สามารถค้นหาวัตถุดิบใด ๆได้เลย.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวถอนหายใจ “แม้นว่าจะปรุงยาได้อย่างรวดเร็ว แต่วัตถุดิบหายากมาก ไม่มีวัตถุดิบ ก็ทำอะไรไม่ได้.”
ระบบกล่าว “โฮสน์ควรปลูกด้วยตัวเอง.”
จุนซ่างเซียวถึงกับต้องหรี่ตา กล่าวออกมาว่า “เพียงแค่โสมป่าที่ใช้ปรุงยารวมวิญญาณก็ต้องใช้เวลาร้อยปีแล้ว จะให้ข้าปลูกตอนนี้นะรึ? กว่ามันจะโต ข้าไม่ตายเพราะทำภารกิจหลักล้มเหลวไปแล้วรึไง!”
ระบบกล่าว “ในร้านค้านั้นมีสินค้าเพิ่มการเจริญเติบโตของสมุนไพรด้วย ขอเพียงแค่โฮสน์รีเฟรชเจอเท่านั้น.”
จุนซ่างเซียวถึงกับหมดคำพูด “ไม่รีเฟรช ให้พบเอง นี่เจ้าคิดแต่จะให้ข้ารีเฟรชอย่างเดียวเลยรึไง?”
ระบบกล่าว “การรีเฟรซขึ้นอยู่กับความต้องการของโฮสน์ แต่หากต้องการสินค้าที่จำเป็น ก็จำเป็นต้องรีเฟรช.”
จุนซ่างเซียวรู้สึกเบื่อหน่าย “การจะได้สินค้าที่ต้องการ ไม่ต่างจากหลุมดำที่ผลาญแต้มสนับสนุน!”
ระบบกล่าว “เช่นนั้นโฮสน์ก็ต้องหาแต้มสนับสนุนให้ได้มาก ๆ เพราะว่ายิ่งมีแต้มสนับสนุนมาก ก็จะยิ่งค้นหาสินค้าที่ต้องการได้ง่าย.”
“ก็ดี.”
จุนซ่างเซียวที่ขี้เกียจจะโต้แย้ง เขายังคงค้นหาวัตถุดิบ เดินทางไปยังร้านขายสมุนไพรต่ออีกหลายร้าน.
จนกระทั่งเขากลับมายังตระกูลหลี่ วัตถุดิบที่ได้สามารถปรุงยา เม็ดยาฟื้นฟู 4เม็ด เม็ดยาบูรณะร่างกาย 3 เม็ด เม็ดยารวมวิญญาณ 1 เม็ด และเม็ดยาผสานวิญญาณ 0.
เขาต้องการให้ตัวเองและศิษย์ยกระดับอย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้ฟังก์ชันหอปรุงยา แต่กับไม่มีวัตถุดิบซะนี่.
“เจ้าสำนักจุนกังวลเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?”
ขณะที่เขากลับมาถึงตระกูลหลี่ ประมุขหลี่ก็เห็นใบหน้าห่อเหี่ยวใจจึงได้สอบถามออกมา.
จุนซ่างเซียวกล่าว “เมื่อเร็ว ๆ นี้ เปิ่นจั้วกำลังศึกษาวิถีปรุงยา แต่ขาดวัตถุดิบ ได้ไปค้นหาทั่วทั้งเมืองแล้ว แต่ก็ไม่พบวัตถุดิบที่ต้องการเลย.”
ประมุขหลี่ที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ “นี่เจ้าสำนักจุนเข้าใจวิถีปรุงยาด้วยรึ?”
ภายในทวีปชิงหยุนนั้น มีผู้เชี่ยวชาญหลอมอุปกรณ์ ผู้เชี่ยวชาญค่ายกล ผู้เชี่ยวชาญพลังวิญญาณ ซึ่งในแต่ละเส้นทางล้วนแต่เป็นที่เคารพนับถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เชี่ยวชาญปรุงยาและผู้เชี่ยวชาญวิญญาณ จะได้รับความเคารพที่สุด.
เม็ดยาและศิลาวิญญาณ นั้นจะช่วยชาวยุทธ์ในการบ่มเพาะเป็นอย่างมาก ทำให้ทุกสำนักต่างก็ต้องการนักปรุงยาและนักจิตวิญญาณ แม้แต่เชิญพวกเขาเป็นแขก มอบสิทธิพิเศษมากมายให้พวกเขา.
“เข้าใจบ้างเล็กน้อย.”จุนซ่างเซียวตอบกลับ.
ประมุขหลี่ที่เผยท่าทางประหลาดใจอย่างหนัก.
เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งไม่ใช่ธรรมดาจริง ๆ การที่บุตรชายของเขากลายเป็นศิษย์ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด.
“ประมุขจุน เมืองชิงหยาง แม้นว่าจะเป็นเมืองหลวงของมนทลชิงหยาง ทว่าเกี่ยวกับธุรกิจเม็ดยาก็นับว่าอ่อนด้อย เกี่ยววัตถุดิบปรุงยานั้น ควรจะเดินทางไปยังเมืองฮูหยาง.”
เมืองฮูหยาง?
จุนซ่างเซียวที่นึกถึงตระกูลอ้ายในทันที แววตาที่เป็นประกายแอบคิดในใจ ”ตระกูลอ้ายที่ทำธุรกิจเม็ดยาจากรุ่นสู่รุ่น บางทีพวกเขาควรจะมีวัตถุดิบมากมายที่ใช้ในการปรุงยา.
......
เช้าวันถัดมา.
จุนซ่างเซียวและประมุขหลี่ที่กล่าวลากัน เขาได้นำศิษย์ทั้งสี่กลับสำนักไท่กู่เจิ้ง.
ทว่าหลังจากกลับมา ที่หน้าประตูสีแดง ปรากฏคนสวมหมวกไม้ไผ่ อุ้มดาบเอาไว้ พร้อมกับยืนหลับแม้แต่ส่งเสียงกรนออกมาเป็นระยะ.
เขาอีกแล้ว!
ใครนะรึ?
มือดาบ หม่าหยงหนิง.
ซูเซียวโม่ที่ก้าวออกมา พร้อมกับส่ายหน้าไปมา กล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนัก คนผู้นี้มายืนหลับอีกแล้ว.”
จุนซ่างเซียวกล่าว “จุ้ยจื่อ เอาเขาออกไป อย่าให้มายืนขวางหน้าประตู.”
“ครับ.”
เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวออกไป พร้อมกับยกหม่าหยงหนิงหลบทางเข้าประตู.
ฝ่ายตรงข้ามแม้แต่ถูกจับยกออกไป ยังไม่รู้สึกตัวและยังคงกรนออกมาอย่างต่อเนื่อง.
“ฟิ้ว!”
เซียวจุ้ยจื่อที่อุ้มเขาไปวางไว้ที่ขอบบันใดหิน ก่อนที่จะหันหลังจากมา ในเวลานี้ทุกคนที่มองออกไป ก็จะเห็นเขาที่อยู่ขอบบันใด ราวกับกลายเป็นเครื่องประดับทางเข้า.
ตอนนี้เขายืนนิ่งเป็นรูปปั้นหิน เป็นการหลับที่แปลกประหลาด สามารถคงสภาพกายโดยไม่เสียสมดุลแรงโน้มถ่วงให้ล้มลงมา....
……