ตอนที่แล้วChapter 87 นั่งก่อนแล้วค่อยพูด.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 89 ขอโทษที่ลงมือหนักเล็กน้อย

Chapter 88 สงครามน้ำลาย


เป้าหมายของสำนักไท่กู่เจิ้ง ครั้งแรกนั้น คนของสำนักไท่กู่เจิ้ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรจะไม่ขลาดเขลายอมตายดีกว่าโดยดูถูก มาตอนนี้เป็นตาต่อตาฟันต่อฟันอย่างงั้นรึ?

แม้นว่าเป้าหมายจะเปลี่ยนไป ทว่าความหมายทั้งหมดก็มีเพียงห้ามมาหาเรื่องข้าเท่านั้น!

สำนักหลิงชวนที่มาหาเรื่อง ดังนั้นจึงถูกสังหารไปทั้งสำนัก.

“ชิ.”

เจ้าสำนักดาบใหญ่แค่นเสียงเย็นชา “ไม่ว่าสำนักหลิงชวนจะหาเรื่องเจ้าอย่างไร เจ้าก็ไม่ควรที่จะทำลายพวกเขาไปทั้งสำนัก!”

จุนซ่างเซียวที่จ้องมองตาเดียว กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล“หากศิษย์ที่ทรงเกียรติของเจ้ามาหาเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้ง ชะตาเจ้าก็จะจบลงเหมือนกับสำนักหลิงชวน.”

บ้าไปแล้ว โอหังเกินไปแล้ว!

เจ้าสำนักดาบใหญ่ที่โกรธเกรี้ยวจนไม่สามารถสะกดเอาไว้ได้.

เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าสำนักจุน การบ่มเพาะก็คือการขัดเกลาตัวเอง ไม่เช่นนั้นสักวันหนึ่งก็ต้องจบสิ้นหายไปจากยุทธ์ภพไม่ใช่รึ?”

จุนซ่างเซียวที่นั่งพิงหลัง ข้าขางหนึ่งที่กระดิกเท้า กล่าวออกมาเบา ๆ “ใครหาเรื่องข้าต้องถูกทำลายไป ไม่มีความว่าจบสิ้นหายไป.”

คน ๆ นี้!

เหล่าเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ที่โกรธเกรี้ยวขึ้นมาพร้อม ๆ กัน.

ในอดีตเจ้าสำนักหวัง การประชุมร้อยสำนักเมื่อไหร่ ก็ได้แต่นั่งหลบมุมไม่มีปาก ไม่มีเสียง แล้วเจ้าสำนักรุ่นสองนี้มันอะไร โอหังเกินไปแล้ว จะให้พวกเขาทนได้อย่างไร.

เจ้าสำนักอีกคนที่เอ่ยกล่าวออกมาอย่างชอบธรรม “เจ้าละเมิดกฎของพันธมิตร ทำลายสมาชิกในพันธมิตร ความผิดนี้ไม่สามารถยอมความได้ ขอให้ผู้นำฉินลงโทษ เพื่อไม่ให้คนอื่นได้กระทำเป็นเยี่ยงอย่าง!”

เหล่าเจ้าสำนักอื่น ๆ ที่เวลานี้เริ่มกดดัน หลากหลายคนที่เริ่มออกเสียงกดดันเพื่อเอาโทษเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งให้ได้.

“คนทำผิดก็ต้องได้รับโทษอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “พวกเจ้าสำนักที่ตามืดบอดทั้งหลาย เปิ่นจั้วขอถามพวกเจ้าจริง ๆ สำนักที่ติดต่อกับโจรภูเขา ว่าจ้างมือสังหาร วางแผนทำลายผู้อื่น มีโทษใดในพันธมิตร?”

“...........”เจ้าสำนักคคนอื่น ๆ ที่ไม่มีใครตอบกลับ.

เจ้าสำนักคนหนึ่งที่เอ่ยกล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง มีหลักฐาน พันธมิตรย่อมให้ความเป็นธรรม แต่หากไร้ซึ่งหลักฐาน แน่นอนว่าจะต้องได้รับโทษด้วยเช่นกัน!”

“ให้ความเป็นธรรมอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวออกมาเบา ๆ “ถึงสิ่งที่เปิ่นจั้วกล่าวเป็นความจริง เจ้าก็ไม่มีทางให้ความเป็นธรรม อย่าได้ อย่าแสร้งเป็นคนดี.”

“เจ้า......”เจ้าสำนักคนดังกล่าวที่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก.

จุนซ่างเซียวกล่าวออกมาเบา ๆ “สำนักหลิงชวนสมคบกับโจรภูเขา ว่าจ้างมือสังหาร สิ่งที่เปิ่นจั้วทำควรจะได้รับความชอบด้วยซ้ำ มีโทษอันใดกัน?”

“แท้จริงแล้วพวกเจ้าหวาดกลัวนิกายเซิ่งชวน เป็นพวกขี้ขลาดตาขาว มีสิทธิ์อ้างความยุติธรรมของยุทธภพได้อย่างไร แม้แต่เรื่องพวกโจรยังไม่ก้าวออกไปจัดการ ทำได้แต่แอบอ้างความเป็นธรรม ยังมีหน้ามาพูดเรื่องแบบนี้กับข้าอีก?”

“แก....แก....”เจ้าสำนักคนดังกล่าวที่ร่างกายสั่นเทิ้มเอ่ยเสียงสั่น.

จุนซ่างเซียวที่กล่าวตำหนิซ้ำไปอีก “พวกเจ้าสำนักอันยอดเยี่ยมทั้งหลาย แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเพื่อผู้คน เอาแต่พูดความชอบธรรมปากเปล่า ตอนนี้ข้ากำจัดพวกสมรู้ร่วมคิดกับโจรภูเขา พวกเจ้ากับมาพูดสำบัดสำนวน เหมือนหมาไม่มีเขี้ยวได้แต่เห่าไล่คนอื่น เปิ่นจั้วไม่เคยเห็นพวกหน้าด้าน ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อนเลย!”

“พรึด!”

เจ้าสำนักคนดังกล่าวที่ได้ยิน ถึงกับพ่นโลหิตออกมา.

จุนซ่างเซียวที่พ่นควันบุหรี่ออกมา ลอบคิดอยู่ในใจ “คำพูดแบบจูเก๋อข่งหมิง(จูกัดขงเบ้ง) ร้ายกาจจริง ๆ.”

คิดจะเล่นสงครามน้ำลายรึ?

มา มาเลย บุกมาได้เลย!

คิดจะรามหัวรุมเหล่าจื่อล่ะก็ เดี๋ยวได้เห็นดีกัน!

เหล่าเจ้าสำนักที่เวลานี้เริ่มหลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมา.

ดูเหมือนว่าคนหนึ่งใจฝ่อพ่นโลหิต ทำให้คนอื่น ๆใจเสียไปด้วย.

ใบหน้าของผู้นำฉินเวลานี้กลายเป็นมืดครึ้ม เห็นชัดเจนว่าคาดไม่ถึงเลย แม้แต่น้อย ชายอายุ 20 ปีคนนี้ คาดไม่ถึงเลย จะปากคอเราะร้าย จนพวกของเขาไม่สามารถโต้เถียงสู้ได้เลย?

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยต่อ “มีอะไรก็พูดมาได้เลย.”

“......”

กลุ่มเจ้าสำนักอีกหลายคนที่มุมปากกระตุก.

ให้พวกเขาพูดอะไรก็ได้อย่างงั้นรึ? คิดถึงเจ้าสำนักที่ถูกตอกหน้าหงายก่อนหน้านี้ด้วยคำพูดที่คมเป็นกรรไกร ก็ทำให้พวกเขาขวัญหนีดีฝ่อแล้ว.

“ศิษย์พี่รอง.”

ซูเซียวโม่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง กล่าวออกมาเสียงเบา “เจ้าสำนักพูดจนตาแก่คนนั้นพ่นโลหิตเลย น่ากลัวจริง ๆ!”

หลี่ชิงหยางและเซียวจุ้ยจื่อต่างก็เห็นด้วย พวกเขาทั้งสอง ชื่นชมเทิดทูนเจ้าสำนักมากมายอยู่แล้ว.

เย่ซิงเฉิงที่อยู่ด้านหลังกล่าวในใจด้วยความเหยียดหยัน “ในโลกใบนี้ มีเพียงพวกอ่อนแอเท่านั้นที่ใช้ปากโต้แย้ง คนที่มีความสามารถจริงวัดกันที่หมัดใครหนักกว่ากันต่างหาก.”

“ติ๊ง!”

“ยินดีกับโฮสน์ที่ทำภารกิจลับสำเร็จ【วีระบุรุษลิ้นทองคำ】ได้รับ 50 แต้มสนับสนุน.”

“ติ๊ง!”

“แต้มสนับสนุน : 127 / 500.”

ดูเหมือนว่าจะมีภารกิจลับที่ซ่อนเอาไว้ เขาได้แต้มที่ไม่ธรรมดาเลย.

......

ภายในตึกจันทร์ดาราที่กลายเป็นเงียบงัน เจ้าสำนักหลากหลายคนที่เงียบไปพร้อม ๆ กัน.

นับจากต้นจนจบ พวกเขาที่หมักหมมสะสมเก็บข้อกล่าวหาเอาไว้มากมายเพื่อเตรียมจะจัดการกับจุนซ่างเซียว ทว่าเมื่อเห็นการโต้แย้งที่โหดร้ายนั่น ทำให้พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีกต่อไป.

“ไม่มีใครพูดอะไรงั้นรึ?”

จากนั้นจุนซ่างเซียวก็ลุกขึ้นก้าวไปยังโต๊ะที่มีที่นั่งคนเดียว พร้อมกับวางกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ที่บนโต๊ะ พร้อมกับกล่าวออกมาเสียงดัง “เช่นนั้นเปิ่นจั้วขอพูด นับจากวันนี้ไป สำนักไท่กู่เจิ้งขอแยกตัวจากพันธมิตรร้อยสำนัก.”

กระดาษขอแยกตัวจากพันธมิตรร้อยสำนัก ซึ่งได้ปั้มตราเจ้าสำนักเอาไว้แล้ว.

ผู้นำฉินที่โกรธเกรี้ยวคำรามเสียงดัง “จุนซ่างเซียว คิดว่าพันธมิตรเป็นโรงเตี้ยมอย่างงั้นรึ? อย่างมาก็มา อยากไปก็ไป!”

จุนซ่างเซียวยักไหล่ กล่าวออกมาว่า“กับพวกที่หวาดกลัวนิกายเซิ่งซวน การรวมตัวกับองค์กรเช่นนี้ สำนักไท่กู่เจิ้งรู้สึกรังเกียจอย่างยิ่ง.”

“โครม!”

ผู้นำพันธมิตรฉินที่ทุบลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นในทันที.

“เคร้ง! เคร้ง!”

หลี่ชิงหยาง ซูเซียวโม่และเซียวจุ้ยจื่อที่ชักกระบี่ออกมา พร้อมกับเข้าล้อมกรอบปกป้องเจ้าสำนักทันที.

“มีปัญหาอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มล้อเลียน “ผู้นำฉินต้องการจะเป็นคนเริ่มก่อนอย่างงั้นรึ?”

แน่นอนว่าฉินเห่าหรานไม่ต้องการจะเริ่มที่นี่ ต้องไม่ลืมว่าที่นี่เมืองชิงหยาง เป็นพื้นที่ของเซี่ยกวนคุน เขาที่เก็บความโกรธเกรี้ยวเอาไว้ ก่อนจะประกาศออกมาว่า “นับจากวันนี้เป็นต้นไป สำนักไท่กู่เจิ้งไม่ใช่หนึ่งในพันธมิตรร้อยสำนักแล้ว!”

การไล่สมาชิกออก หากว่าเรื่องนี้กระจายออกไปนับว่าเสียเกียรติไม่น้อย ดังนั้นการที่มีคนถอนตัวออกไปเอง อย่างน้อยก็รักษาหน้าของตัวเองเอาไว้ได้.

จุนซ่างเซียวไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เขาที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “ต้องเข้าร่วมกลุ่มกับพวกขี้ขลาดตาขาว จากนี้อย่ารู้จักกันจะดีกว่า ลาขาด.”

กล่าวเสร็จ เขาก็หันหลังและจากไป.

ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งเก็บกระบี่และก้าวตามเจ้าสำนักไป.

ผู้นำพันธมิตรฉินและเจ้าสำนักกว่าสามสิบคนที่จ้องมองเขม็ง ทำได้แค่มองอีกฝ่าย ค่อย ๆก้าวจากไป.

กึก.

เครื่องเสียงที่เปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงร้อง “อย่ามองฉันเป็นเหมือนแกะ ถึงฉันต้องการจะกินหญ้าสดที่หอมอร่อย แต่ฉันก็ต้องการบินไปบนฟ้า ต้องการนอนหลับบนปุยเมฆ.....”

(จากเพลง 别看我只是一只羊 https://www.youtube.com/watch?v=3Q-N7-kxGOo)

หลังจากที่จุนซ่างเซียวจากไปแล้ว เจ้าสำนักดาบใหญ่ก็ฟาดมือลงไปบนโต๊ะ กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “มันจะยโสโอหังเกินไปแล้ว!”

“พันธมิตรก่อตั้งขึ้นมาจากเจ้าสำนักรุ่นแรกของมัน แต่มันกลับกล้าถอนตัว!”

“ถอนตัวไปก็ดีแล้ว เมื่อไหร่ที่นิกายเซิ่งชวนมาคิดบัญชี จะได้ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับพวกเรา.”

“มีเหตุผล มีเหตุผล!”

เหล่าเจ้าสำนักก่อนหน้านี้กำลังขุ่นเคืองโกรธเกรี้ยว ทว่าตอนนี้ความโกรธได้เบาบางลงเป็นอย่างมาก.

เจ้าสำนักดาบใหญ่ที่กล่าวออกมาทันที “ผู้นำฉิน สำนักไท่กู่เจิ้ง ในเมื่อไม่ใช่สมาชิกในพันธมิตรของพวกเรา หลังจากนี้สิทธิ์พิเศษต่าง ๆ ยังมีหรือไม่?”

ขณะที่ผู้นำฉินลุกขึ้นกำลังจะจากไป ก็เอ่ยกล่าวออกมาว่า “เขาไม่ใช่สมาชิก จะไปมีสิทธิพิเศษได้อย่างไร.”

เจ้าสำนักดาบใหญ่ที่เข้าใจทันที เขาก้าวไปยังหน้าต่างที่ฉีกขาด ตะโกนไปยังจุนซ่างเซียวที่กำลังจากไป “เจ้าสำนักจุน โปรดรอก่อน!”

“มีเรื่องอะไร?”จุนซ่างเซียวที่หยุดและกล่าวออกมา.

เจ้าสำนักดาบใหญ่ที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นชา ยกมือประสานอกกล่าวออกมาว่า “ข้าได้ยินมาว่าศิษย์อันทรงเกียรติของเจ้าได้สี่อันดับแรก จึงต้องการที่จะหาสถานที่ เพื่อที่จะหาคำแนะนำ ไม่รู้ว่ามีเวลาสักหน่อยไหม?”

ไม่สามารถหาเรื่องใส่ร้ายข้าได้ เลยคิดจะเปลี่ยนแผนทำร้ายคนของข้าอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่หันหลังกลับ ปากที่คีบบุหรี่เผยยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมา

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด