Chapter 84 ร่วมมือ ต่างคนต่างได้
สำนักหลิงชวนที่ก่อตั้งมากว่าสิบปี เวลานี้ได้กลายเป็นเถ้าถ่านไปเรียบร้อยแล้ว ศิษย์กว่าสองร้อยคนที่สูญหายและมีอีกส่วนหนึ่งที่ตกตายไปพร้อมกับเจ้าสำนักและอาวุโส.
พวกเขาสามารถเข้าร่วมสำนักอื่นได้ ทว่าชีวิตของพวกเขาคงเปลี่ยนไปแล้ว เกี่ยวกับการสังหารของจุนซ่างเซียว คงจะฝังอยู่ในใจอีกนาน ความหวาดกลัวที่ไม่สามารถลบเลือนออกไปได้ตลอดชีวิต.
บนภูเขาที่ว่างเปล่า.
ชายชุดสีเขียวที่คุกเข่าลงหน้าหลุมศพของเหล่าศิษย์พี่ กำหมัดแน่นและเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนัก อาวุโสและศิษย์พี่ ศิษย์น้องทุกคน ข้าจะต้องแก้แค้นให้ทุกคนในสักวันหนึ่ง!”
เขาที่ยืนขึ้น โค้งคำนับ ก่อนที่จะมุ่งไปยังทิศตะวันออก ซึ่งที่นั่น ก็คือที่ตั้งของนิกายเซิ่งชวนนั่นเอง.
“จุนซ่างเซียว!”
ชายหมวกเขียวที่กล่าวเสียงสั่น “ข้าใต่ลู่ จำชื่อนายน้อยคนนี้ให้ชัดเจน!”
เขาที่ทำได้แค่ตะโกนอยู่ในป่าทึบเท่านั้น.
......
“เรื่องใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!”
“สำนักหลิงชวนถูกไฟไหม้เมื่อวาน สำนักกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ศิษย์มากมายที่หนีตายกันไปหมดแล้ว!”
เมืองเหยาหยาง ตอนเช้า ชาวยุทธ์คนหนึ่งที่ตะโกนกระจายข่าว.
ข่าวนี้ได้กระจายออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่ว่าจะเป็นตรอกซอกซอยใหนทุกคนต่างก็รับรู้ แม้แต่เกือบทุกครัวเรือนก็รู้เรื่องนี้.
ภายในเมืองตอนเช้าเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้ยิน ราวกับว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องขำขันเท่านั้น.
ก่อนที่จะมีใครบางคนไปตรวจสอบ และเห็นสำนักที่พังทลายลง จึงไม่สามารถโต้แย้งอะไรออกมาได้อีก สำนักหลิงชวนไม่มีใครกล้าหาเรื่อง เวลานี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว.....
“มารดามันเถอะ ใครกันถึงได้ใจกล้า ถึงกับเผาสำนักหลิงชวนเลยเหรอ!”
“เจ้าสำนักเหว่ยและอาวุโสเหว่ย!”
“ข้าได้ยินจากปากของศิษย์ที่หนีลงเขามาได้ ทั้งเจ้าสำนักและอาวุโสถูกสังหารทั้งหมด สำนักนี้ถูกลบออกจากยุทธ์ภพโดยสมบูรณ์แล้ว!”
“ใครสังหาร?”
“กล่าวไปท่านอาจจะไม่เชื่อ คนที่สังหารพี่น้องตระกูลเหว่ยก็คือเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง!”
“สำนักไท่กู่เจิ้ง? ไม่ใช่สำนักระดับเก้าหรอกรึ? แล้วมีพลังเพียงพอที่จะทำลายสำนักหลิงชวนได้อย่างไร นี่พวกเขาได้เชิญยอดฝีมือจากที่ใดมา!”
“ไม่ได้เชิญ ไปเพียงคนเดียว!”
“เฮ้ย เจ้าสำนักระดับเก้า ร้ายกาจถึงเพียงนั้นเลยรึ?”
“สำนักหลิงชวนและสำนักไท่กู่เจิ้ง ผิดใจกันในเมืองชิงหยาง ข้าเองก็คิดว่า สำนักไท่กู่เจิ้งคงจะไม่เหลือรอดอยู่แล้ว คาดไม่ถึงเลยว่า สำนักที่ถูกทำลายสิ้นกับเป็นสำนักหลิงชวนแทน!”
“สำนักหลิงชวนที่มีนิกายเซิ่งชวนอยู่เบื้องหลัง หากพวกเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะต้องถูกทำลายเช่นกัน!”
“กว่าจะถึงนิกายเซิ่งชวน ข้าว่าพันธมิตรร้อยสำนักคงไม่อภัยให้สำนักไท่กู่เจิ้ง ต้องไม่ลืมว่ากฎเกณฑ์ของพันธมิตรนั้นห้ามไม่ให้ทำเรื่องดังกล่าว!”
ตอนนี้เมืองเหยาหยางที่สั่นสะเทือนไปทุกหย่อมหญ้า.
ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเช่นไร กับเรื่องที่สำนักหลิงชวนถูกทำลายสิ้น ทั้งหมดก็เป็นฝีมือของเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งอยู่ดี.
......
ข่าวดังกล่าวเองก็แพร่ไปทั่วมนทลชิงหยางอย่างรวดเร็ว.
สำนักดาบใหญ่ สำนักพยัคฆ์คำรามและสำนักอื่น ๆ ต่างก็ได้ยินเรื่องสำนักหลิงชวนที่ถูกทำลายสิ้น แทบจะในทันทีพวกเขาได้ส่งเสียงอื้ออึง.
เป็นเรื่องล้อเล่นใช่ใหม?
ไม่มีใครอยากเชื่อแม้แต่น้อยที่สำนักไท่กู่เจิ้งทำลายสำนักหลิงชวนไป.
เมื่อได้ยินข่าวที่ลือกันหนาหูมากขึ้นเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยอมรับความจริง!
เมืองชิงหยาง ตำหนักเจ้าเมือง.
เจ้าเมืองเซี่ยก็ได้รับข่าวมาเช่นกัน เขาที่นั่งอยู่ในห้องหนังสือ พร้อมกับกล่าวออกมาว่า “นำศิษย์ไปชนะเลิศงานประลองยุทธ์สำนัก ทำลายสำนักหลิงชวน เจ้าสำนักจุน นับว่าเป็นคนที่ทำเรื่องที่ใหญ่โตได้ตลอดจริง ๆ.”
“......”
เขาที่ส่ายหน้าไปมา “นิกายเซิ่งชวน แม้นว่าจะไม่ยอมรับสำนักหลิงชวนอย่างเป็นทางการ ทว่าสี่พี่น้องตระกูลเหว่ย ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นศิษย์สำนักดังกล่าว การที่เจ้าสังหารพวกเขาไป เท่ากับว่าได้ยั่วยุนิกายระดับห้าไปแล้ว.”
“รายงาน.”
ทหารเฝ้าประตูที่เข้ามา ยกมือประสานกล่าวออกมาว่า “ผู้นำพันธมิตรร้อยสำนักขอเข้าพบ.”
“...”
เจ้าเมืองเซี่ยกล่าว “เชิญเข้ามา.”
ก่อนที่จะเอ่ยกล่าวเพิ่ม “ให้เชิญไปยังห้องรับรอง.”
“ครับ.”
......
ห้องรับรอง.
ชายวัยกลางคนที่น่าเกรงขามก้าวเข้ามา ยกมือประสาน “เจ้าเมืองเซี่ย หลายปีไม่ได้พบ สบายดีหรือไม่?.”
เจ้าเมืองเซี่ยที่ผายมือเชิญนั่ง “ผู้นำพันธมิตรฉิน มาในครั้งนี้ เกี่ยวกับสำนักไท่กู่เจิ้งอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
ผู้นำพันธมิตรฉินกล่าวออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “สำนักไท่กู่เจิ้งที่เป็นหนึ่งในพันธมิตรร้อยสำนัก เรื่องที่เขาทำลายสำนักอื่น เป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ ฉินโหม่วมาในครั้งนี้ หวังว่าเจ้าเมืองจะ....”
เจ้าเมืองเซี่ยที่ยกมือขึ้นหยุด “สำนักไท่กู่เจิ้งนั้นเป็นหนึ่งในพันธมิตรร้อยสำนัก ทว่าที่นี่คือเมืองชิงหยาง ตำหนักเจ้าเมืองก็นับเป็นหนึ่งกลุ่มอิทธิ เรื่องภายในของพวกเจ้า ข้าไม่สามารถที่จะเคลื่อนกองกำลังได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็เท่ากับว่าข้านำประชาชนกว่า 3.6 ล้านคนไปเป็นศัตรูกับอีกฝ่าย.”
ใบหน้าของผู้นำพันธมิตรฉินที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “เจ้าเมืองเซี่ย คิดจะช่วยเหลือสำนักไท่กู่เจิ้งอย่างงั้นรึ?”
เจ้าเมืองเซี่ยที่เคาะนิ้วไปมาบนโต๊ะกล่าวออกมาว่า “อย่าเข้าใจผิด เซี่ยโหมวไม่ได้ช่วยเหลือสำนักไท่กู่เจิ้ง เพียงแต่ต้องรับประกันชีวิตพลเมืองของข้าเท่านั้น.”
“ก็ดี!”
ผู้นำพันธมิตรฉินเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เกี่ยวกับการปกครองเมืองชิงหยาง จุนซ่างเซียวเป็นหนึ่งประชาชน ได้สังหารพี่น้องตระกูลเหว่ยและศิษย์ไปกว่าสามสิบคน จะตัดสินตามกฎหมายอย่างไร?”
“ไม่มีความผิด.”
เจ้าเมืองเซี่ยที่กล่าวออกมาเล็ก
“โครม!”
ผู้นำพันธมิตรฉินที่ฟาดมือลงบนโต๊ะเสียงดัง กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าเมืองเซี่ย เจ้าไม่เข้ามาจัดการเกี่ยวกับเรื่องของพันธมิตรร้อยสำนักก็ได้ แต่กับไม่ลงโทษเขาในฐานะพลเมือง เห็นชัด ๆ ว่าเข้าข้างมัน!”
“โครม!”
เจ้าเมืองเซี่ยที่ฟาดมือลงบนโต๊ะเสียงดัง ลุกขึ้นคำรามออกมาเสียงดัง “สำนักหลิงชวนว่าจ้างมือสังหารตึกฝนพร่ำ เข้ามาสร้างความวุ่นวายในเมืองชิงหยาง ข้าต้องการจะถามเช่นกัน ใครมันหาญกล้าท้าทายกฎหมายของเมืองชิงหยางมากกว่ากัน!”
เสียงคำรามที่ดังกึกก้อง แผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามออกมา!
“มือสังหารตึกฝนพรำ?”ผู้นำพันธมิตรฉินที่งงงัน เห็นชัดเจนว่าไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง.
เจ้าเมืองเซี่ยที่ใบหน้ากลายเป็นเย็นชา กล่าวออกมาอีกว่า “เรื่องราวความขัดแย้งระหว่างสำนักหลิงชวนและสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นเป็นเพียงความขัดแย้งเล็ก ๆ หากแต่เหว่ยอี้ซี่กับขุ่นเคืองมากมาย ถึงกับติดต่อกับโจรภูเขา ว่าจ้างมือสังหาร เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ ใช้วิธีต่ำทรามที่ชาวยุทธ์ทุกคนรังเกียจ การที่ถูกกำจัดถือว่านำภัยมาให้ตัวเองแล้ว.”
“......”
ผู้นำพันธมิตรฉินที่กลายเป็นเงียบงัน.
เขารู้ดี ในเมื่อเซี่ยกวงคุนกล่าว แน่นอนว่าต้องมีหลักฐาน.
“ผู้นำพันธมิตรฉิน.”
เจ้าเมืองเซี่ยกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “หากจุนซ่างเซียวไร้หัวใจ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าลงมือหรอก เปิ่นเฉิงจู่จะเป็นคนจัดการเอง.”
ผู้นำพันธมิตรฉินที่ใจเย็นลง กล่าวออกมาด้วยโทนเสียงกลาง ๆ “เรื่องนี้ คงต้องขอให้เจ้าเมืองเซี่ยเรียกจุนซ่างเซียว ฉินโหมวและเขาควรจะพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของพันธมิตร.”
เซี่ยกวนคุนกล่าว “ในเมื่อสำนักไท่กู่เจิ้งก็เป็นหนึ่งในพันธมิตร เจ้าเป็นผู้นำพันธมิตรก็ควรจะเจรจากันก่อน เอาเป็นที่ตึกจันทร์ดาราก็แล้วกัน.”
ผู้นำพันธมิตรฉินที่เข้าใจในทันที คนผู้นี้เกรงว่าตัวเขา จะกระทำอะไรไร้เหตุผล จึงได้เลือกสถานที่ในพื้นที่ของตัวเองอย่างตั้งใจ ดังนั้นเขาจึงยอมที่จะประนีประนอมกล่าวออกมาว่า “เช่นนั้นรบกวนแจ้งไปยังเจ้าสำนักจุน สามวันหลังจากนี้ พบกันที่ตึกจันทร์ดารา.”
กล่าวเสร็จ เขาก็ยกมือประสานและเอ่ยออกมาว่า “ขอลา.”
“ไม่ส่ง!”เซี่ยกวงคุนกล่าว.
หลังจากที่ผู้นำพันธมิตรร้อยสำนักจากไปแล้ว เขาก็นั่งลงจิบชา ส่ายหน้าไปมา “เจ้าสำนักจุน เปิ่นเฉิงจู่ทำเพื่อเจ้า เกือบที่จะสร้างความโกรธเกรี้ยวกับพันธมิตรร้อยสำนักแล้ว.”
“ขอบคุณ ผู้นำพันธมิตรคนนี้เป็นคน ยากจะพูดจา.”จุนซ่างเซียวที่ก้าวออกมาจากม่านด้านหลัง กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ท่านกับข้าร่วมมือกัน มีแต่ได้กับได้.”
กล่าวเสร็จเขาก็ได้มอบเม็ดยาฟื้นฟูสามัญสองเม็ดวางไว้บนโต๊ะ.
เดิมที่เขาอยู่ในห้องหนังสือตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องเกี่ยวกับการกำจัดสำนักหลิงชวน ตลอดจนการกระทำของเหว่ยอี้ซี่ทั้งหมด เขาก็ได้เล่าให้เซี่ยกวนคุนทั้งหมดได้ฟังแล้ว.
จุนซ่างเซียวที่คำนวณไว้แล้วว่าพันธมิตรร้อยสำนักจะหาเรื่องเขา ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมแผนการรับมือ โดยใช้เม็ดยาฟื้นฟูสองเม็ด เพื่อโน้มน้าวให้เจ้าเมืองเซี่ยช่วยเหลือ.
การทำลายสำนักแห่งหนึ่งไป นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก.
จุนซ่างเซียวที่รู้เรื่องความเสียหายครั้งนี้ยากจะควบคุมได้ง่าย ๆ หากไม่ทำอะไรก็ยากจะอยู่อย่างสงบในทวีปชิงหยุนได้ การจะอยู่ให้รอดปลอดภัย จึงจำเป็นต้องใช้วิธีในที่แจ้งและในที่มืดด้วย.
เซี่ยกวนคุนที่หยิบเม็ดยาฟื้นฟูขึ้นมา และกล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน เม็ดยานี้สามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วจริง ๆ รึ?”
จุนซ่างเซียวกล่าว “เรื่องนี้จุนโหมวต้องหลอกเจ้าเมืองเซี่ยด้วยรึ?”
เซี่ยกวนคุนที่จ้องมองสบตากันและกัน ก่อนที่จะหัวเราะออกมา “ไม่เลว การร่วมมือกัน มีแต่ได้กับได้.”
จุนซ่างเซียวที่ลุกขึ้นและกล่าวออกมาว่า “ยังมีเรื่องในสำนักต้องจัดการ เปิ่นจั้วขอลาก่อน.”
“อย่าลืมนัดสามวันหลังจากนี้ ที่ตึกจันทร์ดารา.”
“เปิ่นจั้วเป็นคนที่รักษานัดหมายเสมอ.”ระหว่างที่กล่าวจบ เขาก็ก้าวออกจากห้องโถง จากนั้นก็ออกจากตำหนักเจ้าเมืองไป.
เซี่ยกวนคุนที่ยกเม็ดยาขึ้นดม ตรวจสอบกล่าวออกมาเบา ๆ “กำจัดสำนักหลิงชวน แม้แต่รู้วิธีโน้มน้าวใจข้า เพื่อจัดการเรื่องเบื้องหลัง เจ้าเด็กคนนี้ ไม่ธรรมดาจริง ๆ.”