Chapter 76 คนในยุทธภพ ทำไมต้องซ่อนหัวเผยหาง?
หากระบบมีคะแนนวางกล้ามให้กับจุนซ่างเซียว กับคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ จะต้องได้รับคะแนนเต็มอย่างแน่นอน.
ช่างน่าเสียดายว่าไม่มี.
อาวุโสสำนักต้าหงที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ได้ยินคำว่า “เปิ่นจั้วผิดหวังจริง ๆ” ถึงกับทำให้ปากของเขากระตุกขึ้นมาทีเดียว.
แม้นว่าเขาจะวางกล้ามเช่นนั้น แต่ศิษย์ของเขาก็เข้ารอบชิงทั้งสี่คนได้จริง ๆ แต่ก็ทำให้เขารู้สึกหมั่นใส้เป็นอย่างมาก.
โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงตัวเองก่อนหน้านี้ ที่คิดว่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งจะเป็นหินรองเท้าให้กับสำนักตัวเอง ทำให้รู้สึกราวกับว่าใบหน้าตัวเองถูกตบจนเจ็บปวด.
จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก.
ผู้ชมทุกคนและผู้เข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ ต่างก็คิดว่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งคือหินรองเท้ากันทั้งนั้น.
ในเวลานี้กลับกลายเป็นตัวตนที่น่าเกรงขามซะอย่างงั้น แน่นอนว่าอาวุโสตระกูลเซียวและลูกหลานตระกูลเซียวคงจะเจ็บช้ำที่สุด เพราะว่าขยะเซียวจุ้ยจื่อ เวลานี้ได้กลายเป็นผู้ชนะเลิศงานประลองยุทธ์สำนักในครั้งนี้ไปได้!
“ลูกหลานที่ถูกไล่ออกจากตระกูล ได้เป็นผู้ชนะเลิศประลองยุทธ์สำนัก เกรงว่าตระกูลเซียวคงจะคิดว่ากำลังฝันอยู่แน่ ๆ.”
“ข้าว่าเวลานี้พวกเขาคงหน้าดำหน้าแดงเสียใจอยู่แน่ ๆ.”
“เซียวจุ้ยจื่อ ถึงแม้นว่าจะเป็นยอดพรสวรรค์ที่ล่วงหล่น แต่ก็ยังสามารถกลับคืนมาได้!”
“สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ อีกสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ จริง ๆ อ๋า!”
三十年河东三十年河西 sān shí nián hé dōng sān shí nián hé xī สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำสามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ อุปมาว่า เรื่องราวเปลี่ยนแปลงรุ่งเรืองตกต่ำไม่แน่นอน
......
เสียงพูดคุยกันดังอื้ออึง นินทาต่อหน้า อาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวได้ยินชัดเจน ร่างกายของเขาที่ร้อนระอุเดือดปุด ๆด้วยความโกรธ แขนขาสั่นไปมาอย่างรุนแรง.
หากไม่เพราะจุนซ่างเซียวยกปืนขู่ บางทีเขาอาจจะลืมตัว พุ่งเข้าไปสังหารเซียวจุ้ยจื่อจริง ๆ ก็ได้.
“แค๊ก แค๊ก!”
เจ้าเมืองลี่หยางที่ปรากฏขึ้นที่กลางเวทีการแข่งขัน กล่าวออกมาเสียงดัง ประกาศต่อหน้าทุกคน “งานประลองยุทธ์สำนักครั้งนี้จบลงแล้ว ผู้ที่ได้รับชัยชนะเลิศก็คือ สำนักไท่กู่เจิ้ง เซียวจุ้ยจื่อ!”
จากนั้น ต่อหน้าสายตาของผู้คนมากมาย เซียวจุ้ยจื่อได้รับทักษะยุทธ์สามัญขึ้นสูงหนึ่งวิชาและสิบศิลาวิญญาณ.
“ศิลาวิญญาณ?”จุนซ่างเซียวถึงกับปากกระตุก.
จากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม เกี่ยวกับศิลาวิญญาณ มันคือศิลาที่อัดแน่นด้วยพลังวิญญาณ สามารถนำมาบำเพ็ญดูดซับพลังวิญญาณได้โดยตรง ซึ่งเรียกง่าย ๆ ว่าศิลาวิญญาณนั่นเอง.
ศิลาวิญญาณนั้นสามารถที่จะขุดขึ้นมาจากเหมืองศิลาวิญญาณ และก็จะมีผู้เชี่ยวชาญพลังวิญญาณกลั่นมันอีกรอบก็จะได้ศิลาวิญญาณมา ซึ่งกล่าวได้ว่าศิลาวิญญาณหนึ่งก้อนนั้นมีราคาถึงหนึ่งหมื่นเงิน ถือว่าเป็นของล้ำค่าก็ว่าได้.
“ฮู้ อู้!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “คาดไม่ถึงเลยว่า ผู้ชนะเลิศการแข่งขันประลองยุทธ์ จะได้รางวัลเป็นทักษะยุทธ์และศิลาวิญญาณ.”
ระบบกล่าว “ไม่เช่นนั้น ใครจะเข้าร่วมกัน?”
ก็สมเหตุสมผล เถียงไม่ออกเลย.
......
บนเวทีการแข่งขันทุกคนต่างก็จ้องมองด้วยความอิจฉา เซียวจุ้ยจื่อที่รับทักษะยุทธ์และศิลาวิญญาณ พร้อมกับก้าวเดินตามเหล่าศิษย์พี่ตรงไปยังที่นั่งด้านหนึ่ง.
จุนซ่างเซียวที่ก้าวลงมาด้านล่าง พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เหล่าเด็ก ๆ ทำได้ดีมาก.”
เหล่าผู้คนรอบ ๆ ที่ได้ยินถึงกับปากกระตุก ขนลุกขึ้นมาทันที.
จุนซ่างเซียวที่ก้าวมาตบไปที่ไหล่ของเซียวจุ้ยจื่อที่เวลานี้ได้ยื่นตำรายุทธ์และศิลาวิญญาณมาให้ จากนั้นเขาก็เอ่ยกล่าวออกมาว่า “เพื่อเป็นการฉลองให้กับทุกคนที่ได้ชัยชนะการประลองยุทธ์สำนัก เปิ่นจั้วจะนำทุกคนไปกินอาหารยังภัตตาคารที่ดีที่สุด!”
“ข้าต้องการดื่ม!”เถียนซีเอ่ย.
“ไปกันได้แล้ว.”
เหล่าผู้ชายที่บนที่นั่งได้จดจ้องมองกันและกัน ขณะเห็นจุนซ่างเซียวพาศิษย์ของตัวเองจากไป แววตาที่เหยียดหยันก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวั่นเกรงแทน.
สำหรับชาวยุทธ์แล้ว ผู้ที่เป็นจ้าวยืนอยู่บนห่วงโซ่อาหาร ย่อมวัดกันที่กำปั้นใครหนักกว่าเท่านั่นเอง.
ศิษย์ห้าคน เข้ารอบชิงสี่คน ไม่ต้องบอกเลยว่าพวกเขาน่าเกรงขามขนาดใหน ถึงจะเป็นสำนักระดับเก้าก็ไม่สามารถที่จะดูแคลนได้!
“น่ารังเกียจ!”
อาวุโสตระกูลเซียวที่จ้องมองคนของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งกำลังจากไป แววตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวไม่จางหาย.
ในเวลานั้น คนกลุ่มหนึ่งที่ก้าวเดินผ่าน เขายกมือขึ้นผสานระหว่างอกและกล่าวออกมาว่า ยินดีกับตระกูลเซียวที่ลูกหลานได้รับชัยชนะเลิศการประลองยุทธ์สำนักครั้งนี้.”
“ไอ๊หยา!”
เขาที่ยกมือตบกบาลตัวเอง “ลืมไปเลย ลืมไปเลยจริง ๆ เซียวจุ้ยจื่อถูกไล่ออกจากตระกูลเซียวแล้วนี่นา เขาไม่ได้เป็นลูกหลานตระกูลเซียวมาห้าปีแล้ว.”
อาวุโสตระกูลเซียวคนหนึ่งที่กล่าวคำรามออกมาด้วยความโกรธ “ซ่งสวีเจิ้น เจ้าพูดเช่นนี้ ต้องการหาเรื่องใช่ใหม!”
เหล่าอาวุโสคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองด้วยแววตาดุร้ายโกรธเกรี้ยวเช่นเดียวกัน.
เดิมที พวกเขาก็โกรธเกรี้ยวมากมายอยู่แล้ว ในเวลานี้ยังมีคนมายั่วยุอีก พวกเขาจะทนได้อย่างไร.
“โอ๊ะ โอ๊ะ ข้าเผลอพูดโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกท่านอย่าได้ใส่ใจ อย่าได้ใส่ใจ.”ซ่งสวีเจิ้นเอ่ยกล่าว ยกมือประสานและกล่าวลาจากไปทันที.
ขณะที่เขาก้าวมายังกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่ง มีบางคนที่กล่าวล้อ “อาวุโสซ่ง คนของตระกูลเซียวเวลานี้แผลเหวอหวะอยู่แล้ว ท่านไปพูดเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นการโรยเกลือลงไปหรอกรึ?”
ซ่งสวีเจิ้นถอนหายใจและกล่าวออกมาว่า “เฮ้อ ข้าลืมไปจริง ๆ.”
“แต่จะให้พูดก็พูดเถอะ เซียวจุ้ยจื่อห้าปีมานี้ เขาฝึกฝนจนกายเนื้อยกระดับมาได้ถึงขนาดนี้ ตระกูลเซียวที่ไล่เขาออกจากตระกูลเซียว ถือว่าได้กระทำเรื่องผิดพลาดไปแล้ว.”
“ในความเห็นของข้า รอให้ข่าวที่เซียวจุ้ยจื่อเป็นผู้ชนะเลิศการประลองยุทธ์สำนักครั้งนี้กระจายไปทั่ว เกรงว่าตระกูลเซียวคงจะถูกหัวเราะเยาะไปทั้งมนทล.”
เหล่าตระกูลต่าง ๆ เวลานี้ต่างก็พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องตระกูลเซียวกันไม่หยุด ขณะกำลังแยกย้ายกระจายกันกลับ.
“น่ารังเกียจ!”
เหล่าอาวุโสตระกูลเซียวที่โกรธเกรี้ยวแทบควบคุมความโกรธนี้เอาไว้ไม่ได้.
อาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวที่ไม่เอ่ยอะไรออกมา เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่เซียวจุ้ยจื่อจากไปแล้ว แววตามืดครึ้ม เผยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา.
ห้าปีที่แล้ว มีเด็กสาวมาขอถอนหมั้น ทำให้ตระกูลเซียวกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของคนทั่วบ้านทั่วเมืองมาครั้งหนึ่งแล้ว.
ห้าปีหลังจากนั้น เขาชนะเลิศการแข่งขันประลองยุทธ์สำนัก ตระกูลเซียวกำลังจะกลายเป็นตัวตลกให้ทุกคนหัวเราะอีกครั้งเช่นกัน.
ใครจะทนได้ ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!
......
“มา!”
ภายในภัตตาคารที่หรูที่สุดในเมืองลี่หยาง จุนซ่างเซียวที่ยกถ้วยสุราขึ้น “พวกเราทำได้!”
ทุกคนที่ชนแก้วก่อนที่จะซดสุราจนหมดแก้วด้วยความอบอุ่น.
หลี่ชิงหยาง ซูเซียวโม่ เถียนซีและเซียวจุ้ยจื้อที่ซดเหล้าอย่างสนุกสนาน.
ลู่เชียนเชียนที่ไม่ได้ดื่มคนเดียว ทว่านางก็นั่งกินอาหารอยู่มุมหนึ่งอย่างเงียบ ๆ.
“ฮึ!”
“อาหารพวกนี้ ไม่ได้เรื่องเลย!”
“สู้อาหารที่ตู้ตู้ทำก็ไม่ได้เลย!”
ลู่เชียนเชียนที่บ่นอุบอิบอยู่คนเดียว หลังจากที่ได้กินอาหารฝีมือของหลิวหว่านซีแล้ว อาหารจากพ่อครัวคนอื่นแทบจะกลายเป็นอาหารธรรมดาไปแล้ว ความรู้สึกที่พะอืดพะอมคอแข็ง กินไม่ลงกันเลยทีเดียว.
เฮ้อ.
ต่อไปจะไปกินอาหารที่ใหนได้อีกล่ะ.
ในเวลานั้นเถียนซีที่ยกแก้วสุราขึ้น “หากไม่มีเจ้าสำนัก ก็ไม่มีเถียนซีในวันนี้ แก้วนี้ศิษย์ขอดื่มให้ด้วยความเคารพ!”
กล่าวจบ เขาก็ยกสุราขึ้นดื่มหมดถ้วยทันที.
ศิษย์ของเขากลายเป็นผู้ได้รับชนะเลิศ สร้างชื่อเสียงให้กับสำนักไท่กู่เจิ้ง ทำให้ภารกิจมหากาพน์สำเร็จ จุนซ่างเซียวที่รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก แม้แต่ยกถ้วยสุราขึ้นดื่มหัวเราะร่า.
ซูเซียวโม่เองก็ยกสุราขึ้น กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็เหมือนกัน หากไม่มีเจ้าสำนัก ข้าซูเซียวโม่คงเป็นแค่ศิษย์เฝ้าประตูที่สำนักใหนสักแห่ง สุราถ้วยนี้ ศิษย์ของคาราวะท่านด้วยความนับถือ!”
จุนซ่างเซียวยกยิ้มกล่าวออกมาว่า “พวกเจ้าต้องการให้เปิ่นจั้วเมารึอย่างไรกัน.”
ขณะที่ซูเซียวโม่ดื่มสุราไปหมดจอก หลี่ชิงหยางก็ลุกขึ้นกล่าวออกมาว่า “ข้าดีใจที่ได้พบกับเจ้าสำนัก ยินดีที่ได้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ได้อยู่เคียงข้างทุกคน สุราแก้วนี้ขอแสดงความเคารพต่อเจ้าสำนัก ต่อศิษย์พี่หญิงใหญ่และศิษย์น้องทุกคน.”
นี่คือความอบอุ่นที่เหมือนกับครอบครัว ที่ยากจะหาที่ไหนได้.
“อึก!”
จุนซ่างเซียวที่ยกสุราขึ้นดื่มชนแก้วกับทุกคนทั้งหมด.
เห็นเหล่าศิษย์พี่ที่แสดงความเคารพ เซียวจุ้ยจื่อก็ลุกขึ้นกล่าวออกมา “เจ้าสำนัก ข้านั้นไม่มีอะไรที่จะกล่าว หากแต่ก็ต้องการดื่มแสดงความเคารพต่อท่านเช่นกัน!”
“อึก อึก กึก อึก!”
จุนซ่างเซียวที่ดื่มสุราแก้วแล้วแก้วเล่า จนเวลานี้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าฤทธิ์ของสุราจะไม่ธรรมดาเลย.
“พวกปัญญาอ่อน.”ลู่เชียนเชียนที่กล่าวออกมาเบา ๆ.
พวกเขาที่ดื่มสุราไปกว่าหนึ่งชั่วยามในภัตตาคาร และยังซื้อสุรากลับไปยังที่พักด้วย.
บางทีเพราะว่าผ่านมานานแล้ว การได้ปลดปล่อยเช่นนี้ เซียวจุ้ยจื่อถึงกับกอดไหสุราพร้อมกับร้องไห้ออกมาราวกับเด็ก ๆ.
......
จุนซ่างเซียวและศิษย์ได้พักที่เมืองลี่หยางอีกหนึ่งคืน.
เช้าวันถัดมาหลังจากส่างเมา เขาก็นำศิษย์ทั้งห้าเดินทางกลับ ระหว่างทางเวลานี้ เริ่มต้นมาถึงภายในเมืองผู้คนเต็มไปด้วยความเหยียดหยันดูแคลน เวลานี้ถูกเปลี่ยนเป็นกลายเป็นเสียงยกย่องสนับสนุนพวกเขาแทน.
ขยะ? สำนักขยะ?
หลังจากผ่านการประลองยุทธ์สำนัก ไม่มีใครกล้ากล่าวเช่นนั้นอีกต่อไป.
จุนซ่างเซียวที่ยืดอก เดินอย่างสง่าผ่าเผยพาศิษย์ออกจากเมืองไป.
ทว่า.
หลังจากออกมาจากเมืองสิบลี้ ยังอยู่ในอาณาเขตเมืองลี่หยาง ที่ป่าหญ้าที่รกทึบ ก็ปรากฏคนชุดดำกลุ่มหนึ่งที่ซ่อนตัวรอลอบโจมตี.
หลี่ชิงหยางและลู่เชียนเชียนที่พบเข้า ทั้งสองที่กุมไปที่ด้ามกระบี่ทันที ก่อนที่จะชักกระบี่ออกมาเตรียมรับมือ.
“..”
จุนซ่างเซียวที่ยืนมือขัดหลัง กล่าวออกมาว่า “เป็นคนในยุทธ์ภพเหมือนกัน ทำไมถึงได้ซ่อนหัวเผยหางเช่นนี้?”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ไม่นานหลังจากนั้น เหล่าคนชุดดำหลายสิบคนได้กระโดดออกมาจากพงหญ้า พร้อมกับเข้าล้อมกรอบพวกเขา แววตาที่เผยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา.
จุนซ่างเซียวหมดคำจะพูด กล่าวออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “การถูกทายาทของตัวเองแสดงความโดดเด่นออกมา ถึงกับรีบมาแก้แค้นเร็วขนาดนี้เลยรึ? พวกผู้ร้ายที่ร้อนรนเช่นนี้เป็นพวกที่โง่งมจริง ๆ ผู้ร้ายในนิยายที่ข้าเคยอ่านล้วนแต่เป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น แต่พวกเจ้านี้ช่างโง่เขลาเบาปัญญาจริง ๆ.”