Chapter 75 รอบชิงที่น่าเบื่อที่สุด
ผู้ชนะในกลุ่ม 2 ซูเซียวโม่.
ในกลุ่มสี่ผู้เข้าชิงชนะเลิศ ในโซนที่สี่สองคนที่ต้องประลองกัน ยังเป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้งอีก สามารถคำนวนได้ว่าสี่อันดับแรกต้องเป็นของสำนักไท่กู่เจิ้งทั้งหมด.
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว น่าเกรงขามเกินไปมาก.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์บนแท่นผู้ชมรวมทั้งตัวตนระดับสูง แม้แต่เจ้าเมืองลี่หยาง หลังจากมองเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ใบหน้าถึงกับกระตุกจนยากจะบรรยายความรู้สึกออกมาได้.
งานประลองยุทธ์สำนักที่เวลานี้มีเพียงศิษย์สำนักเดียวได้เข้าชิง.
อีกทั้งสี่อันดับยังถูกกำหนดให้เป็นศิษย์จากสำนักเดียวกันด้วย ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร สำนักไท่กู่เจิ้งก็กวาดไปทุกตำแหน่งแล้ว ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนเลย.
นี่เป็นผู้บุกเบิกสร้างประวัติศาสตร์ใหม่จริง ๆ แม้แต่ต่อไปหลังจากนี้ ก็ยากจะเกิดขึ้นได้อีกครั้ง!
“การแข่งขันรอบแปดผู้แข็งแกร่งคู่ที่สาม ผู้ชนะ ซูเซียวโม่!”
“การแข่งขันรอบแปดผู้แข็งแกร่งคู่ที่สี่ เซียวจุ้ยจื่อ ปะทะ เถียนซี!”
เสียงของกรรมการที่ดังกระหึ่ม.
แม้นว่าใครจะชนะ โซนที่สี่นี้ คนที่ได้เข้ารอบก็ยังเป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง แต่อย่างไรก็ต้องตัดสินผู้ที่ดีที่สุดเข้าไป.
“วิ้ง!”
เถียนซี่ที่ก้าวขึ้นเวทีอย่างนุ่มนวล.
ขณะเซียวจุ้ยจื่อกำลังเดินขึ้นมา เขากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้อง ข้าคงไม่สามารถยอมเจ้าได้ง่าย ๆ.”
เซียวจุ้ยจื่อเอ่ย “ข้าเองก็ด้วย.”
“เริ่มได้!”กรรมการตะโกน.
“ฟิ้ว!”
เซียวจุ้ยจื่อและเถียนซีพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความเร็วเต็มพิกัด.
“เร็วเกินไปแล้ว อ๊าก!”
“ดูเหมือนว่า ถึงจะมาจากสำนักเดียวกัน พวกเขาก็ต้องการตัดสิน แพ้ชนะในการประลองยุทธ์ครั้งนี้!”
ทุกคนที่กล่าวออกมาด้วยความคาดหวัง.
ใครสนใจกันเล่าว่า จะเป็นใครที่ได้เป็นผู้ชนะเลิศ พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซะหน่อย ตอนนี้พวกเขาเพียงต้องการเห็นการต่อสู้ที่รุนแรง สนุก ๆ เท่านั้น เช่นนี้ถึงจะกล่าวได้ว่าเดินทางมาชมการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่เสียเปล่า.
เซียวจุ้ยจื่อและเถียนซีพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วและรุนแรง.
ก่อนที่ทั้งคู่จะหยุดเมื่ออยู่ห่างกันเมตรหนึ่ง ส่ายกำปั้นไปมา พร้อมกับร้องตะโกนแหกปากเสียงดัง “ก้อนหิน-กรรไกร-เสื้อผ้า!”
เทียนฉี ออกกรรไกร.
เซียวจุ้ยจื่อ ออกก้อนหิน.
“อ๋า!!”เถียนซีที่ก้าวไปยังขอบเวทีและกระโดดลงและกล่าวออกมาเสียงดัง “ว่าแล้วข้าน่าจะออกเสื้อผ้า เขาต้องออกก้อนหินอยู่แล้ว!”
เหล่าผู้ชมที่เวลานี้ถึงกับชะงันงันแข็งเป็นหิน โง่งมเซ่อไปในทันที.
ตัดสินแพ้ชนะด้วย ก้อนหิน-กรรไกร-เสื้อผ้า นี่มัน...นี่คือการประลองงั้นรึ?
กรรมการที่งง ๆ ชะงักไปชั่วขณะ แต่ว่าเถียนซี ในเมื่อกระโดดลงเวทีไปแล้ว ก็ถือว่ายอมรับความภายแพ้ เขาจึงได้ประกาศออกมางาส “การแข่งขันแปดผู้แข็งแกร่งรอบที่สี่ ผู้ชนะเซียวจุ้ยจื่อ!”
“ติ๊ง!”
“ศิษย์สี่คน เข้ารอบสี่ผู้แข็งแกร่ง ได้ทำภารกิจเกินเงื่อนไข ภารกิจมหากาพน์สำเร็จ ได้รับแต้มสำเร็จ 150 ได้รับแต้มพิเศษรวมเป็น 200 แต้ม.”
“ติ๊ง!”
“คะแนนสนับสนุนสำนัก 312 / 500.”
“เย้ดเข้!”
จุนซ่างเซียวถึงกับดวงตาเบิกกว้าง “มากขนาดนี้เลยรึ?”
“ติ๊ง!”
“โฮสน์ได้ทำภารกิจมหากาพน์เกินมาตรฐาน ได้รับยันต์เปิดผนึก 1 ส่งเข้าไปในแหวนเก็บของแล้ว!”
เสียงของระบบที่ดังจบลง จากนั้นจุนซ่างเซียวที่รับรู้ว่าร่างกายของตัวเองเปี่ยมล้นด้วยพลังวิญญาณที่กำลังปะทุขึ้นมา ที่จุนตานเถียน มีพลังวิญญาณลมหมุนปรากฏขึ้นช้า ๆ.
“นี่มัน....ตัดผ่านระดับ?”
ขณะที่ใบหน้าของเจ้าสำนักจุนกำลังตะลึงงัน พลังวิญญาณลมหมุนที่รวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ พลังที่กำลังแผ่ซานไปทั่วร่างกาย เขารู้สึกว่ากำลังรู้สึกร้อนไปทั่วร่าง!
“ติ๊ง!”
“โฮสน์ตัดผ่านระดับไปยังศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ 1!”
จุนซ่างเซียวถึงกับเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ “ง่ายเพียงนี้เลย!”
พลังวิญญาณที่รวมกันเป็นลมหมุนไหลผ่านไปยังชีพจรทั้งสิบสอง ทะลวงระดับขึ้นไปในทันที เป็นความรู้สึกที่สุดยอดเป็นอย่างมาก.
อย่างไรก็ตาม......
พลังวิญญาณลมหมุนไม่ได้หยุดเท่านั้น เพราะว่ามันไม่ได้หยุดที่ระดับ 1 ศิษย์ยุทธ์ มันยังหมุนเคล้งทะลวงไปยังอีกขั้น!
“ติ๊ง!”
“โฮสน์ตัดผ่านระดับไปยังศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ 2!”
“ติ๊ง!”
“โฮสน์ตัดผ่านระดับไปยังศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ 3!”
“ติ๊ง!”
“โฮสน์ตัดผ่านระดับไปยังศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ 4!”
“ติ๊ง!”
“โฮสน์ตัดผ่านระดับไปยังศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ 5!”
เพียงเวลาไม่นาน จุนซ่างเซียวก็ทะลวงระดับเปิดชีพจรขั้นที่ 12 ไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่ 5 แทบจะใช้เวลาเพียงลมหายใจเดียว!
“พรึด โครม!”
อาวุโสสำนักต้าหงที่สะดุ้งถึงกับตกเก้าอี้ อ้าปากค้างราวกับจะใส่ไข่ไปได้สองลูก.
จุนซ่างเซียวที่ตัดผ่านระดับเมื่อสักครู่ เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณที่หนักหน่วงรุนแรงแผ่ออกมา มันเกิดขึ้นแทบจะในทันที.
โอ้ว สวรรค์!
ปู่ย่า ตายาย!
เจ้าคนผู้นี้เกิดอะไรขึ้น? ตัดผ่านระดับได้อย่างงั้นรึ?
เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้!
ในโลกใบนี้จะมีคนที่ตัดผ่านระดับอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ได้อย่างไร? อย่างไรก็ตามกลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นไม่ใช่ตัดผ่านระดับธรรมดาแน่ นี่มัน ทำลายหลักการบ่มเพาะของโลกนี้ไปอย่างสิ้นเชิง!
มีเพียงอาวุโสต้าหงเท่านั้นที่รับรู้ เขารู้สึกสั่นสะท้านเต็มไปด้วยความหวาดกลัว.
“ฟู่!”จุนซ่างเซียวที่พ่นลมหายใจ มือทั้งสองข้างที่ยกขึ้น เผยยิ้มออกมา “มันสุดยอดอะไรเช่นนี้ อ๋า!”
สิ่งที่สุดยอดนั้นคือ.
หลังจากทำภารกิจเกินมาตรฐาน เขาได้รับรางวัลเปิดผนึกมา!
ดาบหนานโชวที่มีความยาว 40 เมตร แน่นอนว่ามันคือไพ่ไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดในมือ การมียันต์เปิดผนึก จะทำให้เขาทำอะไรได้หลายอย่าง.
สำนักหลิงชวน?ตระกูลเซียว?
ใครที่มันขัดแข้งขัดขาข้า เมื่อเหล่าจื่อชักดาบออกมา จะฟันมันให้ขาดเป็นทั้งสองท่อนทั้งหมดเลย!
ในเวลานั้น เจ้าสำนักจุนแทบจะกระโจนขึ้นไปบนที่นั่งสูงที่สุด แล้วตะโกนออกมาอย่างโอหัง “สุดยอด!”
ระบบที่กล่าวออกมา “น่าเสียดายงานประลองยุทธ์สำนักไม่มีอันดับห้า ไม่เช่นนั้นศิษย์ของเจ้าที่ได้ตำแหน่งที่ห้า ก็จะได้คะแนนเพิ่มขึ้นอีก.”
“มันน่าเศร้าจริง ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวในใจ
รอบแรกได้ 50 หากทำสำเร็จก็จะได้ 100 แต้ม และการทำเกินมาตรฐานทำให้เขาได้รับเป็น 200 แต้ม ไม่เพียงแค่พลังบ่มเพาะตัดผ่านระดับ ยังได้รับยันต์เปิดผนึกอีกด้วย ไม่ต้องเอ่ยเลยว่าเขาได้รับการเก็บเกี่ยวไม่น้อยทีเดียว.
ภารกิจมหากาพน์ ได้รับผลตอบแทนที่น่าหวั่นเกรงมาก.
......
“รอบสี่สุดยอด คู่แรก ลู่เชียนเชียน ปะทะ หลี่ชิงหยาง!
หลังจากพักไปชั่วขณะ กรรมการก็ประกาศออกมาเสียงดัง.
เหล่าผู้ชมหันกลับมาสนใจจับจ้องมองเขม็ง ต้องไม่ลืมว่าทั้งสองคือ คนแรกยอดยุทธ์ที่เปี่ยมล้นด้วยพลังวิญญาณ ส่วนอีกคนคือจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งทั้งพลังวิญญาณและกายเนื้อ ระหว่างคนทั้งสอง จะเป็นใครที่จะได้รับชัย...
หลี่ชิงหยางที่ก้าวขึ้นเวที หลังจากยกมือคารวะศิษย์พี่หญิงแล้ว เขาก็หันหลังกลับกระโดดลงเวทีอย่างรวดเร็ว.
“นี่มัน....”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ดวงตาเบิกกว้าง.
การแข่งขันประลองยุทธ์สำนัก รอบชิง ไม่มีแม้แต่การต่อสู้กันเลยรึ?
อย่างแย่ที่สุด ก็เป่ายิ้งฉุบกันหน่อยก็ได้.
“ผู้ชนะสี่สุดยอด ลู่เชียนเชียน!”กรรมการที่ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงช่วยไม่ได้.
จากนั้น ก็ถึงคู่ต่อสู้ของซูเซียวโม่และเซียวจุ้ยจื่อ.
เหล่าผู้ชมเวลานี้นั่งแบนราบไปกับเก้าอี้ การต่อสู้ที่เวลานี้ไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวังไว้เลย.
เป็นความจริง.
หลังจากที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ศิษย์ทั้งสองที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว หากแต่ไม่ใช่พุ่งเข้าหากันที่พร้อมจะห้ำหั่นกัน แต่เป็นการวิ่งกระโดดลงเวทีว่าใครจะเป็นคนแรก.
ท้ายที่สุด ซูเซียวโม่ที่มีความเร็วที่เหนือกว่า ขณะที่เซียวจุ้ยจื่อถึงขอบเวทีกำลังจะกระโดด ซูเซียวโม่ก็ยืนอยู่บนพื้นแล้ว พ่ายแพ้เพราะตกเวทีไปในทันที.
“นี่กำลังเย้ยพวกเราอยู่รึไง!”
“เร่งรีบที่จะตกรอบ มีใครที่ใหนเขาทำกัน!”
“เฮ้อ ใครบอกให้พวกเขาอยู่สำนักเดียวกัน......”
การแข่งขันประลองยุทธ์สำนักรอบชิงชนะเลิศ ไม่มีการต่อสู้ที่หนักหน่วงรุนแรง สี่สุดยอดอะไรนั่น ไม่เพียงแต่ไม่สู้กันยัง แข่งขันกระโดดลงเวที เพื่อให้ได้รับความพ่ายแพ้อีกด้วย.
ถามหน่อย พวกเจ้ากำลังเล่นอะไรกัน?
ไม่ว่าพวกเขาจะทำอย่างไร สุดท้ายแล้วการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเวลานี้ ไม่ต่างกับการต่อสู้ภายในของสำนักไท่กู่เจิ้ง พวกเขาจึงไม่สามารถที่จะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาได้เลย.
“การต่อสู้รอบชิง ลู่เชียนเชียน ปะทะ เซียวจุ้ยจื่อ.”
กรรมการกล่าวเสียงอ่อน เห็นชัดเจนว่ามันไม่มีอะไรต้องลุ้น ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นอีกต่อไปแล้ว.
เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวขึ้นเวที พร้อมกับยกมือประสานขึ้นกล่าวออกมาว่า “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ ท่านเป็นผู้ชนะเลิศเถอะ.”
หลังจากได้จัดการเป่ยเจี้ยนและเซียวหลิงเย่ได้ ความอัดอั้นของเขาก็คลายลง การประลองยุทธ์สำนักเวลานี้ไม่มีอะไรให้สนใจ.
ลู่เชียนเชียนไม่กล่าวอะไร กระโดดลงเวทีอย่างรวดเร็ว.
นางไม่มีความสนใจอะไรแม้แต่น้อย หากไม่เพราะหลี่ชิงหยางชิงกระโดดลงเวทีก่อน นางคงแพ้ไปตั้งแต่รอบก่อนหน้าแล้ว.
เรื่องนี้.
กรรมการแทบไม่อยากจะพูดอะไรอีกต่อไป งานประลองยุทธ์ที่จัดขึ้นสองปีครั้ง ในรอบชิงชนะเลิศกับ จบลงได้น่าเบื่อมาก ผู้ชนะในครั้งนี้ ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง เซียวจุ้ยจื่อ.
เหล่าผู้ชมเองต่างก็อยากร้องไห้ออกมา.
พวกเขาต้องเดินทางมาไกล ต้องการชมการต่อสู้ที่เร้าใจ คาดไม่ถึงเลยว่ารอบชิงจะน่าเบื่อขนาดนี้ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ว่าจะมีแต่ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งเข้ารอบมา.
การประลองสำนักได้จบสิ้นลงแล้ว เหล่าผู้ชมที่นั่งอย่างเหนื่อยอ่อน พูดคุยกันไปต่าง ๆนานา เริ่มกล่าวว่าควรจะมีการออกกฎใหม่ หากว่าหากมีศิษย์สำนักเดียวกันได้พบกัน จะต้องต่อสู้กัน ไม่ใช่ใช้การตัดสินเป่ายิงฉุบ หรือแย่งกันตกรอบ ผู้ชนะและผู้พ่ายแพ้ควรจะสมศักดิ์ศรีหน่อย ให้สมกับงานประลองยุทธ์ที่จัดขึ้นทุกสองปีบ้าง!
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวพลางส่ายหน้าไปมา “ข้าคิดว่าการจะได้ชัยชนะเลิศจะยากกว่านี้สักหน่อย คาดไม่ถึงว่าศิษย์สำนักอื่น ๆ จะอ่อนแอถึงเพียงนี้ เปิ่นจั้วผิดหวังจริง ๆ.”