Chapter 74 แชมป์โซนกลุ่ม การต่อสู้ภายในสำนักไท่กู่เจิ้ง.
ขณะที่เซียวหลินเย่ถูกเหยียบติดกับพื้น พร้อมกับมือของเซียวจุ้ยจื่อกำคอของอีกฝ่ายไว้ พร้อมกับต่อยใบหน้าจนจมพื้นเวที อาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวก็ไม่สามารถทนนั่งได้อีกต่อไป.
ขณะที่เขากำลังคำรามด่า เพื่อข่มขู่เซียวจุ้ยจื่อไม่ให้ลงมืออีก.
ต้องไม่ลืมว่า การประลองสำนักนั้นถูกจัดโดยเจ้าเมืองเมืองลี่หยาง ถึงอาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวก็ไม่มีความสามารถบุกขึ้นไปบนเวทีการต่อสู้ได้.
จุนซ่างเซียวไม่รู้ว่าเขาที่โกรธจนต้องลุกขึ้น เพียงเพื่อแค่ต้องการตะโกนข่มขู่เซียวจุ้ยจื่อเท่านั้น เขาจึงได้ลั่นไกปล่อยกระสุนออกไปอย่างไม่ลังเล.
เขาที่ปล่อยลูกกระสุนสร้างรอยการโจมตีครึ่งเมตรบนที่นั่งด้านหน้าฝ่ายตรงข้าม เป็นการข่มขู่ที่ได้ผลอย่างชัดเจน.
นี่ควรจะถูกเรียกว่า ยิงข่มขู่.
ลูกกระสุนที่สร้างขึ้นมาจากแกนผลึกวิญญาณอัดก้อน ความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา ถึงกับทำให้อาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวตื่นตะลึงตกใจไปเหมือนกัน.
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเขากระทำอะไรลงไป อีกฝ่ายคงทำร้ายเขา ไม่ตายก็บาดเจ็บแน่!
อาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวที่เวลานี้เขาทำได้แค่มองดูเซียวหลินเย่ถูกเซียวจุ้ยจื่อทุบตีอย่างรุนแรง มือทั้งสองกำแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์.
ขยะที่ถูกไล่ออกจากตระกูล ได้ทุบตีลูกหลานที่เป็นอนาคตของตระกูล เรื่องนี้เหมือนกับเขาถูกตบหน้าจนสั่นสะท้าน!
เหล่าลูกหลานตระกูลเซียวคนอื่น ๆ แทบทรุดนอนราบไปบนเก้าอี้ ความรุ่งโรจน์ความมั่นใจเวลานี้แตกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง.
......
หลังจากที่กรรมการประกาศชื่อเซียวจุ้ยจื่อชนะ บนเวทีก็เงียบกริบไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีก.
เพียงแค่ความแข็งแกร่งของกายเนื้อ สามารถเอาชนะระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นหนึ่งได้ เรื่องนี้น่าตื่นตะลึงอย่างแน่นอน!
ขยะอย่างงั้นรึ?
ไม่มีใครคิดเช่นนั้นอีกต่อไป.
กับคนที่เอาชนะแม้แต่ยอดฝีมือ ระดับศิษย์ยุทธ์ได้ จะไปบอกว่าเป็นขยะได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะกลายเป็นตัวอะไรกัน?
เซียวจุ้ยจื่อก้าวไปยังพื้นที่ผู้ชนะ แววตาของทุกคน จับจ้องมองมา ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไป “นี่คือความรู้สึกของผู้โดดเด่นเหมือนกับห้าปีที่แล้ว......”
ความรู้สึกนี้มัน?
สายตาแห่งความอิจฉาของผู้คนมากมายกำลังมองมาสินะ.
ในครั้งนี้เขากับรู้สึกเพลิดเพลินกับความรู้สึกนี้เป็นอย่างมาก พรสวรรค์ที่เต็มไปด้วยความอหังการ เขาได้ลิ้มรสมันมาก่อนแล้ว เพียงแต่ความรู้สึกเวลานี้มันเปลี่ยนไป จิตใจของเขาที่รู้สึกสงบราวกับสายน้ำนิ่ง.
“ศิษย์น้อง!”ซูเซียวโม่ที่ก้าวเข้าไปหา พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้ “เจ้าทำได้ดีมาก!”
เซียวจุ้ยจื่อที่เผยยิ้มสดใส.
ต่อหน้าเจ้าสำนักและเหล่าศิษย์พี่ มันทำให้เขาอบอุ่นจนต้องเผยยิ้มสะอาดสดใสออกมา.
......
และอีกคนที่ผ่านเข้ารอบก็คือเถียนซี.
เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามมีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่งเช่นกัน ส่วนเขามีระดับเปิดชีพจรขั้นที่ 12 จึงจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณเข้าช่วย ก่อนจะเอาชนะมาได้ในที่สุด.
หลังจากได้รับการฝึกโหมดปิศาจ ด้วยวิชาบ่มเพาะเปลี่ยนเส้นเอ็นก็ทำให้เขามีโอกาสทะลวงจุดชีพจรได้มากกว่าปรกติ 50% ทำให้เถียนซีสามารถยกระดับจากเปิดชีพจรขั้นที่ห้าไปยัง ขั้นที่สิบสองได้อย่างไม่ยากเย็น.
หากจะพิจารณาอย่างระเอียด จะเห็นได้ว่าสามารถทะลวงชีพจรได้วันละจุดทีเดียว!
“ผู้ชนะรอบห้าคู่ที่แปด เถียนซี!”กรรมการประกาศออกมาเสียงดัง.
เถียนซีระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง เอาชนะศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง ทำให้เหล่าผู้ชมกลายเป็นเงียบลงอีกครั้ง.
“ติ๊ง!”
“ศิษย์ห้าคนที่ผ่านเข้ารอบที่หก ภารกิจมหากาพน์สำเร็จ 50% โฮสน์ได้รับ 20 แต้มสนับสนุน.”
“ติ๊ง!”
“คะแนนสนับสนุนสำนัก: 112 / 500.”
จุนซ่างเซียวกล่าวเสียงเบา ”จุ้ยจื่อและเถียนซีดูเหมือนจะต้องพบกันในรอบชิงผู้ชนะโซนต่อสู้ซะแล้ว.
ใช่แล้ว.
ในโซนที่สี่นั้น เหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น นั่นก็คือเซียวจุ้ยจื่อและเถียนซี.
เหล่าผู้ชมเวลานี้ที่ตระหนักได้ ต่างก็พูดคุยกันเสียงอื้ออึง สองคนนี้ หากสู้กัน ใครจะได้รับชัยชนะกัน?
......
การต่อสู้รอบห้าจบแล้ว แต่ละโซนการต่อสู้เหลือเพียงสองคน.
จากนี้ พวกเขาต้องประลองกัน เพื่อหาผู้ชนะในโซนนั้น ๆเพื่อเข้ารอบไปชิงชนะเลิศ.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์เวลานี้แทบล้มทั้งยืน แปดผู้แข็งแกร่ง มีศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งห้าคน ศิษย์ของพวกเขาไม่มีคนตกรอบเลยแม้แต่คนเดียว!
“ผ่านมานานหลายปีแล้วมีสำนักมากมายเข้าร่วม ทว่าก็ไม่เคยมี การปรากฏว่าศิษย์ของสำนักเดียวอยู่ในรอบแปดผู้แข็งแกร่งเลย และยังมีสิทธิเข้ารอบชิงชนะเลิศมากที่สุดอีกด้วย!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ลู่เชียนเชียนและหลี่ชิงหยาง เห็นชัดเจนว่ามีสิทธิ์เข้าชิงมากที่สุด และยังมีโอกาสได้เป็นผู้ชนะเลิศด้วย!”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันเสียงดังอื้ออึงด้วยความอัศจรรย์ใจ กรรมการก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “การต่อสู้แปดผู้แข็งแกร่ง คู่ที่หนึ่ง หลี่ชิงหยาง ปะทะ โห่วหยวนหมิง!”
“เริ่มได้!”
“ไม่รู้ว่าศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิง จะใช้พลังที่แท้จริงออกมาในรอบนี้หรือไม่?”
พวกเขาที่รอคอย หลี่ชิงหยางและเห่าหยวนหมิงเดินขึ้นเวที.
หลังจากที่กรรมการประกาศให้เริ่มต่อสู้ ทั้งสองก็พุ่งเข้าหากัน พลังวิญญาณที่หมุนวนรอบ ๆ หมัด แผ่กระจายออกไป ส่งความหนาวเย็นทำให้อุณหภูมิรอบ ๆ เย็นลงทันที.
หลี่ชิงหยางที่รู้ว่าคู่ต่อสู้ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่คิดที่จะปิดบังพลังของตัวเองเอาไว้ ระเบิดพลังบ่มเพาะที่มีระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่งออกมา พร้อมกับโจมตีหนักหน่วงเปี่ยมออกไปทันที.
“เขามีระดับศิษย์ยุทธ์แล้ว!”
“ในงานรับศิษย์ร้อยสำนัก เขามีระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบ ไม่ถึงสองเดือน เขาก็ก้าวไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์ได้ เหลือเชื่อ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว อ๊าก ๆ!”
“นี่สำนักไท่กู่เจิ้งมีเม็ดยาวิญญาณที่ร้ายกาจงั้นรึ? ถึงได้ทำให้ศิษย์ยกระดับได้เร็วขนาดนี้!”
......
บนสนามการต่อสู้ หลี่ชิงหยางที่ใช้พลังบ่มเพาะเต็มกำลังสนับสนุน หลังจากนั้นสิบกระบวนท่าผ่านไป เขาก็สามารถกุมความเหนือกว่าโหวหยวนหมิงที่มีพลังศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่งได้อยู่หมัด.
“ผลชนะและพ่ายแพ้มันแทบจะถูกตัดสินไปแล้ว.”เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต่างก็เริ่มส่ายหน้าไปมา เมื่อเห็นการต่อสู้ที่ฝีมือต่างชั้นกันเกินไป.
“ตูมมมมม!”
เป็นความจริงหลังจากนั้น หมัดของหลี่ชิงหยางได้กระแทกอีกฝ่ายลอยกระเด็นตกเวทีไปในที่สุด.
“เฮ้เฮ้.”
ซูเซียวโม่ที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่รองเอาจริง น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“การต่อสู้แปดผู้แข็งแกร่งคู่แรก ผู้ชนะหลี่ชิงหยาง!”กรรมการที่ประกาศออกมาเสียงดัง.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ ถึงกับปากกระตุก.
พวกเขารับรู้ว่าหลี่ชิงหยางนั้นแข็งแกร่ง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เพียงพริบตาเดียวก็เอาชนะคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย.
จากนั้นลู่เชียนเชียนก็ขึ้นเวที ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงขึ้นไปอีก เพราะเพียงแค่เริ่ม พริบตาเดียวนางก็เอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่มีระดับศิษย์ยุทธ์ระดับสองในทันที.
ใช่แล้ว.
ระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สองจริง ๆ.
หากเป็นการแข่งขันเมื่อคราวที่แล้ว หากไม่ได้ตำแหน่งชนะเลิศก็ได้ที่สอง อ๊าก!
“งานประลองยุทธ์สำนัก ดูเหมือนว่าวันข้างหน้าจะยิ่งยากขึ้นไปอีก ศิษย์สองคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง เอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ง่าย ๆ เลย!”
เหล่าผู้ชมทุกคน เวลานี้จิตใจสั่นสะท้านกับเรื่องที่พวกเขาคาดไม่ถึงที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า.
จุนซ่างเซียวเอ่ย ”ดีมาก ทำได้ดีมาก.
ในเวลานี้ศิษย์สองคนของเขา ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอีกเพียงแค่หนึ่งคนก็เขาเงื่อนไขสามอันดับแรกแล้ว.
......
จากนั้นก็ถึงเวลาของซูเซียวโม่.
คู่ต่อสู้ของเขาก็คือจางหลิงเหอ เป็นศิษย์ที่โดดเด่นของสำนักระดับหก มีความแข็งแกร่งระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สอง!
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่เชื่อว่าสำนักไท่กู่เจิ้ง คงจะมีคนตกรอบก็คราวนี้ล่ะ!
ใครจะรู้ หลังจากสิ้นเสียงกรรมการสั่งให้เริ่ม ซูเซียวโม่ที่วิ่งวนรอบเวทีอย่างรวดเร็ว จนจางหลิงเหอไม่สามารถจับตำแหน่งของเขาได้.
“นี่มันจะเร็วเกินไปแล้ว!”
“นี่เขามีท่าเท้าที่ร้ายกาจขนาดนี้เลยรึ?”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนที่ไม่สามารถเข้าใจได้ ความเร็วของซูเซียวโม่ มันเร็วเกินไป ราวกับเป็นท่าเท้าที่มีระดับสูงมาก.
แต่ความเป็นจริงนะรึ?
ไม่ได้มีวิชาอะไรเลย เขาใช้สองเท้าของตัวเองวิ่งวนด้วยความเร็วสูงเท่านั้น.
ซูเซียวโม่ไม่ได้วิ่งวนด้วยความเร็วเท่านั้น หากมีโอกาสโจมตี เขาก็จะโจมตีทันที หากไม่โดนก็ถอยกลับไปวิ่งวนใหม่ ไม่ปล่อยโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีกลับมาได้เลย.
จางหลิงเหอที่เวลานี้ถูกยั่วยุเริ่มโกรธเกรี้ยวคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาที่ปลดปล่อยพลังวิญญาณเหวี่ยงหมัดออกไปสะเปะสะปะ จ้วงไปยังอากาศที่ว่างเปล่าเท่านั้น.
“เฮ้อ ไม่โดน ต่อยได้แค่อากาศรึ? หรือตั้งใจจะต่อยอากาศกัน?”ซูเซียวโม่ที่หลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับกล่าวยั่วยุอีกฝั่ง ยั่วให้โกรธจนสูญเสียความสุขุมไปอย่างสมบูรณ์.
แน่นอนว่าจางหลิงเหอเป็นคนยโสโอหังอยู่แล้ว เวลานี้จึงโกรธปอดโยก โจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่ง.
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม พลังวิญญาณที่ใช้ไปก็แทบหมด เขาที่หอบอย่างหนัก หากแต่แววตายังคงโกรธเกรี้ยวพร้อมจะเผาไหม้ทุกอย่างไปพร้อม ๆ กัน.
“ล่วงไปซะ!”ทันใดนั้นฝ่ายตรงข้ามก็เผยจุดอ่อน ซูเซียวโม่ที่โจมตีออกไป ฝ่าเท้ากระแทกไปยังใบหน้า ทำให้เขาลอยโด่งออกนอกเวทีไป.
“ยอดเยี่ยม!”
จางหลิงเหอที่ล่วงหล่นลงเวที จุนซ่างเซียวอดไม่ได้ จนต้องลุกขึ้นมาปรบมือเสียงดัง.
ซูเซียวโม่ที่ก้าวไปยังพื้นที่ผู้ชนะ ซึ่งเหลือเพียงคู่ของเซียวจุ้ยจื่อและเถียนซี ผู้เข้ารอบชิงก็จะครบ และกลายเป็นการชิงกันเองของสำนักไท่กู่เจิ้งทันที!
“พรึด โครม!”
จางหลิงเหอที่ล่วงหล่นลงพื้น ใบหน้าที่มีรอยเท้าประทับอยู่.
“นี่มัน....ข้ากำลังฝันอยู่รึ?”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์เวลานี้ แววตาที่ใสกระจ่างไร้ซึ่งความคิดใด ๆ ภายในใจที่ตื่นตระหนกอย่างหนัก จนไม่สามารถจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้.
ผู้ชนะโซนที่ 1 หลี่ชิงหยาง!
ผู้ชนะโซนที่ 2 ซูเซียวโม่!
ผู้ชนะโซนที่ 3 ลู่เชียนเชียน!
ผู้ชนะโซนที่ สี่ เซียวจุ้ยจื่อหรือเถียนซี!
ผู้เข้าชิงสี่โซนการต่อสู้ ทุกคนล้วนแต่เป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นและจะถูกเล่าขานไปอีกนานเท่านาน!