ตอนที่แล้วChapter 69 ระวังวิญญาณแตกสลาย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 71 เวทย์เปลี่ยนรูป กล้องส่องทางไกลแปดเท่า.

Chapter 70 อัจฉริยะก็คืออัจฉริยะในที่สุด.


“ปัง! ปัง!”

บนเวทีการต่อสู้พลังวิญญาณที่แผ่ระเบิดออกไปทุกทิศทุกทาง.

“นี่คือฝ่ามือหลงทิศ เมื่อใช้ออกมา พลังโจมตีนั้นเหมือนกับพลังหมัดอัดอากาศโจมตีไปยังคู่ต่อสู้จากทุกทิศทางได้!”ผู้ฝึกยุทธ์ชราคนหนึ่งที่เอ่ยอธิบายออกมา.

นี่คือทักษะยุทธ์อย่างงั้นรึ?

เช่นนั้นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!

อย่างไรก็ตาม ด้วยฝ่ามืออัดอากาศที่ระดมโจมตีจากทุกทิศทาง เถียนซีอยู่ในสภาพเสียเปรียบ และรับการโจมตีของคู่ต่อสู้เข้าไปจากทุกทิศทุกทาง.

ผู้ชมด้านบนเวลานี้ต่างก็จ้องมองด้วยความประหลาดใจ ตกใจ เพราะว่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง แม้นว่าจะถูกโจมตีกระหน่ำไม่หยุด ทว่ากับไม่ใช้พลังวิญญาณออกมาต้านเลย!

“พลังฝ่ามือของศิษย์สำนักชิงหลิง น่าจะมีพลังอย่างน้อยก็ 1500 จิน นี่เขาไม่คิดจะใช้พลังวิญญาณปกป้องร่างกายของตัวเองเลยรึ? นี่เขาทนได้อย่างไร!”

“นี่มันจะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”

“ฟู่ ฟู่!”

ในเวลานี้ เถียนซีรับการโจมตีฝ่ามืออัดอากาศ พร้อมกับก้าวเข้าหาคู่ต่อสู้ทีละก้าว ๆ.

และเมื่อเข้าใกล้หมัดขวาของเขามีลำแสงสิบวงปรากฏขึ้น พลังวิญญาณที่แผ่พุ่งระเบิดออกมา ก่อนที่จะถูกส่งออกไป ต่อยตรงกระแทกใบหน้าฝ่ายตรงข้ามทันที.

รวดเร็ว ทรงพลัง!

“ปัง โครม!”

อี้ต้าซือที่ได้รับการโจมตี ลากครูดถอยหลังไปจน ล่วงหล่นลงเวที ขณะที่เขาพยายามพยุงร่างลุกขึ้นแต่ก็ฟุบลงไปกองกับพื้นเช่นเดิม โลหิตไหลออกจากปากคำโต ใบหน้าขาวซีด.

กรรมการประกาศออกมา “การต่อสู้รอบสองคู่ต่อสู้ที่สอง ผู้ชนะเถียนซี!”

“.....เขาชนะอีกแล้ว?”

“ข้อมือของเขามีวงแหวนขึ้น เพียงสิบวง แต่หมัดของเขากับเอาชนะเปิดชีพจรขั้นที่สิบสองได้งั้นรึ?”

เหล่าผู้ชมและเหล่าผู้ฝึกยุทธ์กลายเป็นเซ่อไปเลย ขณะเถียนซีก้าวลงเวทีอย่างสบาย ๆ ไร้ซึ่งรอยขีดข่วน.

ครั้งนี้พวกเขาไม่รู้จะเอาอะไรมาแก้ตัวเข้าข้างตัวเองได้ พวกเขางงงันกับเถียนซีที่เอาชนะฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังที่เหนือกว่า.

“เฮ้อ.”

จุนซ่างเซียวที่หันหน้าเผยยิ้มไปยังด้านข้าง “ลูกศิษย์ของเจ้าที่พ่ายแพ้ลูกศิษย์ของข้าก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ เพราะประมาทแล้วสินะ!”

อาวุโสสำนักต้าหงถึงกับพูดอะไรไม่ออก.

การต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ได้ใช้ความเร็วโจมตีโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ตั้งท่าป้องกัน แต่เป็นการรุกเข้าไปโจมตีตรง ๆ.

เวลานี้ศิษย์ของเขาแทบจะตกรอบไปทั้งหมด เหลือเพียงแค่คนเดียวและยังอยู่ในโซนที่สี่ด้วย.

“ฮึ.”

อาวุโสสำนักต้าหงที่กล่าวออกมาเสียงเบา“การแข่งขันในรอบที่สอง มีการต่อสู้อีกตั้งหลายครั้ง เจ้าดีใจไปก่อนเถอะ.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา ขณะที่กำลังจ้องมองไปยังอาวุโสตระกูลเซียว ที่กำลังสะกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้.

......

การประลองยุทธ์สำนักยังคงดำเนินต่อไป การต่อสู้ในรอบนี้ เห็นชัดเจนว่าดูรุนแรงกว่ารอบที่แล้ว เหล่าผู้เข้าแข่งขันต่างก็เผยทักษะยุทธ์ที่น่าสนใจออกมาใช้กันอย่างเต็มที่.

มีเพียง สำนักไท่กู่เจิ้งที่แตกต่าง.

เพราะว่าเจ้าสำนักจุนมีเพียงการเพิ่มพลังกลั่นร่างกายให้กับศิษย์อย่างบ้าคลั่ง แต่กลับไม่ได้ส่งต่อทักษะยุทธ์ที่ร้ายกาจอะไรให้สักวิชาเลย.

จะให้กล่าวแล้วล่ะก็ เพียงแค่การยกระดับเปิดชีพจรไปจนถึงระดับศิษย์ยุทธ์ โดยปรกติไม่เพียงแค่ความแข่งแกร่งเท่านั้นที่ควรมี ทักษะต่อสู้ก็ควรมีระดับสูงด้วย ถึงจะช่วยเพิ่มความสามารถให้สมบูรณ์แบบ.

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ จุนซ่างเซียวกับไม่มีทักษะต่อสู้ดี ๆ ที่จะมอบให้กับศิษย์เลย.

“การต่อสู้รอบสอง คู่ที่สิบ จางเหอ ปะทะ หลี่ชิงหยาง!”

“เริ่มได้.”

“ปัง-”

สิ้นคำพูดของกรรมการ จางเหอก็ถูกหมัดของหลี่ชิงหยางล่วงลงไปกองนอกเวทีแล้ว.

“รอบสอง คู่ที่สิบ ผู้ชนะ หลี่ชิงหยาง!”

มุมปากของทุกคนถึงกับกระตุก.

......

“การต่อสู้รอบสองคู่ที่ 26 ซูเซียวโม่ ปะทะ หลินเฟิง.”

“เริ่มได้!”

“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

ซูเซียวโม่ที่ใช้ท่าเท้าที่น่าเกรงขาม ขยับไปมาด้วยความเร็วสูงวิ่งวนไปมา จวบจนคู่ต่อสู้เผลอ ก็ถ่ายพลังวิญญาณไปที่เท้าขวา ก่อนที่จะถีบก้นคู่ต่อสู้ ลอยเคว้งหล่นลงเวที.

“การต่อสู้รอบสองคู่ที่ 26 ผู้ชนะ ซูเซียวโม่!”

เหล่าผู้ชมที่ปากกระตุกอีกครั้งไม่สามารถที่จะเอ่ยกล่าวอะไรออกมาได้.

......

“การต่อสู้รอบสองคู่ที่ 42  เถี่ยหยิง ปะทะ ลู่เชียนเชียน!”

“เริ่มได้!”

“พรึด โครม!”

เถี่ยหยิงก็เหมือนกับหู่เหยารอบแรก เพียงแค่เริ่ม ลู่เชียนเชียนที่สะบัดมือกดฝ่ามือออกไปด้านหน้าเบา ๆ พลังวิญญาณก็พุ่งออกไปผลักเขาลอยตกเวทีไปแล้ว.

เหล่าผู้ชมเวลานี้ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป!

พี่ชาย พี่สาว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน อ๊าก!

คนที่เข้ารอบมาได้นั้นย่อมมีความสามารถ หากแต่สำนักไท่กู่เจิ้งกับจัดการคู่ต่อสู้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว ไม่แม้แต่ให้เกียรติคู่ต่อสู้ได้ยืนบนเวทีสักหน่อยเลยรึ?

ไม่ให้เกียรติพวกเขา ที่พยายามอย่างหนักกว่าจะสามารถขึ้นมายืนบนเวทีประลองแห่งนี้เลย.

เหมือนกับจุนซ่างเซียว กับสำนักอื่น ๆ ที่สร้างความอับอายให้ พวกเขาล้วนแต่ถูกตอกกลับไปด้วยพลังที่เหนือกว่า.

แม้นว่าการประลองยุทธ์สำนักในครั้งนี้ ประมุขและอาวุโสจะไม่สามารถเข้าร่วมได้ ทว่ากับศิษย์ของเขาทั้งห้าได้กลายเป็นตัวแทนให้กับเขา เป็นตัวแทนให้กับสำนักไท่กู่เจิ้งทั้งหมด ใช้พลังในการสร้างความเคารพจากผู้อื่น.

การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป......

จนกระทั่งถึงคู่ที่ 64  เซียวจุ้ยจื่อ ปะทะ หัวหรง!

“มา มาแล้ว!”

“นั่นหัวหรง กองกำลังชิงเหอ ระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง จะต้องทุบมันได้อย่างแน่นอน.”

ในเวลานั้น หลังจากที่ให้เริ่มการต่อสู้ หัวหรงที่ผสานฝ่ามือเข้ากับพลังวิญญาณ ทำให้มือของเขาราวกับใบมีดพลังวิญญาณ ก่อนจะพุ่งเข้าหาเซียวจุ้ยจื่อทันที.

“ปัง! ปัง! ปัง!”

สามารถมองเห็นการโจมตีราวกับริ้วดาบที่ฟันไปยังไหล่ อก แขนและท้องอย่างบ้าคลั่ง.

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าหัวหรงจะโจมตีอย่างไร เซียวจุ้ยจื่อก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย.

“นี่มัน....เป็นไปไม่ได้.....”

“เพียงแค่ความแข่งแกร่งของกายเนื้อ กับสามารถทนได้  ไม่เป็นอะไรเลยอย่างงั้นรึ?!”

เหล่าผู้ชมจดจ้องมองด้วยความตะลึงงันกับภาพที่เกิดขึ้น.

“น่ารังเกียจ!”

หัวหรงที่เวลานี้โกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ยกฝ่ามือดาบ เล็งฟันไปยังลำคอของเซียวจุ้ยจื่ออย่างดุร้าย.

เขาที่ถ่ายพลังวิญญาณไปยังฝ่ามือ ทำให้ฝ่ามือของเขาทรงพลังคมกริบดั่งใบมีด!

“ปัง!”

ในเวลานั้น เซียวจุ้ยจื่อที่ยกมือขึ้นคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “นี่เพียงแค่ประลองยุทธ์เท่านั้น ใยต้องลงมือหนักถึงเพียงนั้น.”

มือของเขาราวกับคีมเหล็ก จับข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ก่อนจะพลิกร่างฝ่ายตรงข้ามให้อยู่ในท่าล๊อกหลัง จนฝ่ายตรงข้ามยากที่จะสลัดหลุดออกมาได้.

“ถูกคว้าล๊อกเอาไว้แล้ว!”

“เร่งรีบจนประมาทอย่างงั้นรึ?!”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่จับจ้องมองการต่อสู้ดังกล่าว.

เซียวจุ้ยจื่อที่ไม่มีรากวิญญาณไม่มีพลังบ่มเพาะ จากที่เห็นไม่แตกต่างจากขยะ.

แต่กระนั้นก็อย่าได้ลืมว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นคนมีพรสวรรค์ไร้ที่เปรียบ ถึงความแข็งแกร่งจะถดถอย ทว่าความชำนาญในวิถียุทธ์ก็ยังไม่ได้หายไป!

เซียวจุ้ยจื่อที่คว้าข้อมือดึงขัดหลัง หัวหรงที่สะบัดไปมาหากแต่ก็ไม่สามารถดิ้นให้หลุดการการคว้าสะกดของเซียวจุ้ยจื่อได้.

การตอบโต้ ล๊อคข้อมือคู่ต่อสู้ อยู่ในตำราพื้นฐานการต่อสู้ทั่วไป.

ช่างน่าเสียดาย ที่เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ส่วนมากจะไม่ค่อยสนใจเรื่องดังกล่าวนัก.

หัวหรงในเวลานี้ไม่สามารถที่จะดิ้นหลุดจากการคว้าล๊อคมือขัดหลังได้เลย.

ข้อมือที่ถูกกดจนเวลานี้ชีพจรของเขาถูกสะกดไปด้วย การสะกดล๊อกนี้ทำให้ร่างกายอ่อนแรงลง เขาจะสามารถดิ้นให้หลุด ง่าย ๆ ได้อย่างไร?

“ฟิ้ว!”

เซียวจุ้ยจื่อที่ล๊อกข้อมือสะกดชีพจร พร้อมกับดันร่างฝ่ายตรงข้ามไปยังขอบเวทีทีละก้าว ทีละก้าว.

มือที่ถูกคว้าขัดหลังเอาไว้ ชีพจรที่ถูกสะกด ไม่สามารถที่จะขยับดิ้นรนให้หลุดได้เลย ก่อนที่ทุกคนจะเห็นหัวหรงโดนถีบลอยโด่งออกจากเวที กลิ้งไถลไปกับพื้น.

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้ม “โทษทีเท้าหนักไปหน่อย”

ผ่านไปนานเหมือนกัน.

กรรมการที่อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะได้สติและประกาศออกมาว่า “รอบสองคู่ที่หกสิบสี่ ผู้ชนะเซียวจุ้ยจื่อ!”

“ติ๊ง!”

“ศิษย์ทั้งห้าคนสามารถเข้ารอบสามได้ ภารกิจมหากาพน์สำเร็จ 20% ได้รับคะแนนสนับสนุน 20 แต้ม.”

“ติ้ง!”

“คะแนนสนับสนุน : 82 / 500.”

จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ “มอบให้ทีละ 20 แต้ม หากคำนวนจนถึงหนึ่งร้อยเปอเซ็นควรจะได้คะแนนสนับสนุน 200 แต้ม ควรค่าแล้วที่เรียกว่าคะแนนภารกิจมหากาพน์ รางวัลมากมายจริง ๆ!”

......

เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวไปยังพื้นที่ผู้ชนะ.

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์เวลานี้ที่ปิดปาก เงียบกริบ.

ต้องกล่าวหยันรึ?

ไม่มีอีกต่อไป.

เหล่าทายาทตระกูลเซียวเวลานี้ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อน บิดเบี้ยวอัปลักษณ์ ราวกับกินแมงวันไปสิบตัว จิตใจของพวกเขาที่สั่นไหว แตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ.

“ทายาทที่ไร้พลังถูกไล่ออกจากตระกูลเซียว ที่จริงแล้วกับมีพลังกายเนื้อที่แข็งแกร่งแม้แต่เอาชนะระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบสองได้.”

“เขาสามารถทนรับการโจมตีอันบ้าคลั่งของหัวหรงได้ ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน หลายปีมานี้เขาฝึกกายเนื้อขนาดใหน ถึงได้มีระดับที่น่าพรั่นพรึงขนาดนี้?”

“คู่ควรแล้วที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่ายอดพรสวรรค์ ไม่มีรากวิญญาณ ไม่มีพลังบ่มเพาะว แต่ก็ยังหาวิธีในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้.”

“ตระกูลเซียวไล่เขาออกจากตระกูล ในเวลานี้เกรงว่าคงต้องเสียใจแล้ว.”

ความสามารถของเซียวจุ้ยจื่อที่แสดงออกมานั้น ทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากสำนักต่าง ๆ เริ่มกล่าวชม.

บนสถานที่นั่งฝั่งผู้ชม อาวุโสใหญ่ตระกูลเซียว ใบหน้าที่เขียวช้ำราวกับตับเป็ด ดวงตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรงแทบควบคุมไม่อยู่แล้ว.

ขยะตระกูลเซียว ที่เอาชนะคู่ต่อสู้อย่างง่ายดาย จนเข้าสู่รอบที่สามแล้ว สำหรับเขาเวลานี้ มันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้จริง ๆ.

ที่ไกลออกไป จุนซ่างเซียวที่ยกปืนขึ้นเล็งลำก้องปืนไปยังอาวุโสใหญ่ตระกูลเซียว ก่อนที่จะคิดเอาไว้ในใจ “ไอ้แก่ อย่าได้ทำอะไรอะไรก็แล้วกัน ไม่เช่นนั้นข้ายิงหัวแกตายแน่.”

เขาไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำลายศิษย์ของเขาได้ ไม่ใช่แค่ตระกูลเซียว ถึงจะเป็นตระกูลเย่ ตระกูลหลินหรือตระกูลหลงก็ตาม.

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด