ตอนที่แล้วChapter 68 จับมือกันก้าวหน้า แล้วเบ่งบานออกมาพร้อมกัน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 70 อัจฉริยะก็คืออัจฉริยะในที่สุด.

Chapter 69 ระวังวิญญาณแตกสลาย!


เถียนซีเอาชนะได้ ด้วยการโจมตีอย่างรวดเร็วจนอีกฝั่งยังไม่ทันตั้งตัว เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ พอทำใจยอมรับได้.

ซูเซียวโม่เอาชนะได้ พวกเขาก็ยังคงพอยอมรับได้.

ทว่ากับขยะเซียวจุ้ยจื่อ เขาที่รับการโจมตีด้วยไหล่ แม้แต่เหวี่ยงอีกฝ่ายลอยออกไป เป็นอะไรที่ไม่มีใครสามารถยอมรับได้เลย!

อีกฝ่ายที่ยังคงยืนอย่างมั่นคงบนเวที เวลานี้แทบจะไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมายด้วยซ้ำ จะให้พวกเขาเชื่อได้อย่างไร.

“ไม่ประกาศรึ?”เซียวจุ้ยจื่อจ้องมองไปยังกรรมการ.

กรรมการที่ได้สติเร่งรีบประกาศออกมาทันที “การต่อสู้รอบแรกคู่ที่ 51 ผู้ชนะ เซียวจุ้ยจื่อ!”

เสียงประกาศดังก้องไปทั่วสนามการแข่งขัน สายตาของทุกคนที่นิ่งงันเพ่งพิศอย่างงง ๆ แววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน.

“ล้อเล่นน่า ไม่มีทั้งพรสวรรค์และพลังบ่มเพาะ นี่เขาเอาชนะเปิดชีพจรขั้นเก้าหวังเลี่ยได้อย่างไร!”

“หรือว่าตะวันจะขึ้นทิศตะวันตก ซะแล้ว!”

“นี่เขาใช้วิชาชั่วร้ายอันใดกัน?”

เหล่าผู้คน ต่างก็เต็มไปด้วยความสงสัย เซียวจุ้ยจื่อกระโดดลงเวที จดจ้องมองไปยังจุนซ่างเซียว พร้อมกับเผยยิ้มด้วยความสดใส.

เจ้าสำนัก.

ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวัง!

จุนซ่างเซียวที่นั่งพิงหลังบิดขี้เกียจ กล่าวด้วยความพอใจ “ไม่เลว ไม่เลว.”

ความสามารถของเซียวจุ้ยจื่อนั้น เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง หลังจากผ่านการฝึกฝนหลายสิบวัน การกลั่น ปั้นร่างกายที่บ้าคลั่ง หยาดเหงื่อที่ไหลอาบทั่วร่างทุกวันท้ายที่สุด ก็ทำให้เขาได้รับชัยชนะ.

“ติ๊ง!”

“ศิษย์ห้าคนที่เข้ารอบสองได้ ภารกิจมหากาพน์สำเร็จ 10% โฮสน์ได้รับคะแนนสนับสนุน 20 แต้ม.”

“ติ๊ง!”

“คะแนนสนับสนุนสำนัก: 62 / 500.”

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ “นี่ข้าได้รับรางวัลแล้วอย่างงั้นรึ?”

ระบบกล่าว “ศิษย์ทั้งห้าเข้ารอบสอง มีความสำเร็จมากกว่าล้มเหลวขึ้นอีกขั้น ทำให้ความสำเร็จภารกิจมีความคืบหน้า ดังนั้นจึงได้รับรางวัล.”

จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “งั้นหากพวกเขาเข้ารอบสาม ก็สำเร็จขึ้นมาอีกขั้น ข้าก็จะได้รับรางวัลอย่างงั้นรึ?”

“ใช่แล้ว.”ระบบตอบ.

จุนซ่างเซียวกล่าว “ภารกิจมหากาพน์น่าสนใจจริง ๆ.”

“หืม?”

ในเวลานั้นเขาที่จดจ้องมองไปยังอาวุโสใหญ่ตระกูลเซียว เขาเห็นฝ่ายตรงข้ามจ้องมองเซียวจุ้ยจื่อเขม็ง จิตสังหารที่มากมายแผ่ออกมาชัดเจน.

จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดในใจ “เจ้าแก่นี้อันตรายแล้ว.”

......

“อาวุโสใหญ่ เจ้าเด็กนั่นเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์เปิดชีพจรขั้นที่เก้าได้!”อาวุโสตระกูลเซียวคนหนึ่งที่กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ.

“ชิ.”

อาวุโสใหญ่แค่นเสียงเย็นชา “ก็แค่ขยะที่ฝึกฝนกายเนื้อ.”

คู่ควรจะเป็นยอดฝีมือตระกูลเซียวได้อย่างไร เพียงแค่เห็นเซียวจุ้ยจื่อใช้ไหล่รับหมัดที่เปี่ยมล้นด้วยพลังวิญญาณและ ยังคว้าจับเหวี่ยง หวังเลี่ยลอยออกไป ก็พ

อบอกได้ แล้วว่ากายเนื้อของเซียวจุ้ยจื่อนั้นทรงพลังมาก.

อาวุโสอีกคนที่นั่งด้านข้างไปอีกกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “กายเนื้อของทุกคนล้วนแต่มีขีดจำกัด ครั้งนี้ชนะก็แค่โชคดี ไว้รอบต่อไป พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง มีแต่ความพ่ายแพ้ที่รออยู่.”

อาวุโสใหญ่ที่ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก มีเพียงแค่ความโกรธที่คุกรุ่น.

ก่อนหน้านี้เขาไม่สบายใจ เพราะเซียวจุ้ยจื่อเข้าร่วมงานประลอง เพื่อทำให้ตระกูลเซียวได้รับความอับอาย.

ตอนนี้ความไม่สบายใจนั้น กลับเป็นเพราะอีกฝ่ายเข้ารอบได้อย่างคาดไม่ถึง!

จุนซ่างเซียวที่จับจ้องมองอาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวอยู่ตลอดเวลา แววตาของเขาที่เปลี่ยนเป็น จิตสังหารที่เพิ่มขึ้น กล่าวออกมาเสียงดัง “หากเซียวจุ้ยจื่อต้องพบความยากลำบากอีกครั้ง ดูสิว่าปู่คนนี้จะจัดการแกอย่างไร?”

เท่าที่เห็นเวลานี้ หากเซียวจุ้ยจื่อยิ่งแสดงความโดดเด่นออกมา จิตสังหารของอีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ไม่สามารถยับยั้งตัวเองเอาไว้ได้แน่.

บางที....เขาอาจพุ่งออกไป เพื่อสังหารเซียวจุ้ยจื่อให้ตายไปในทันที.

“ไม่ได้การ ไม่ได้การแล้ว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย ”ข้าจะต้องเตรียมการไว้หากมีอุบัติเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น.

เขาที่เริ่มโหลดกระสุนในปืนพกอินทรีย์ทะเลทราย และปลดล๊อกพร้อมยิงเอาไว้.

จากนั้นเขาที่หลับตาทำการคำนวณระยะห่างของเขาจากอาวุโสใหญ่ กล่าวออกมาทันที “จากการกะด้วยสายตา อยู่ห่างกัน 50 เมตร.”

จุนซ่างเซียวที่ขยับขาจัดท่าทางให้พร้อมยิง แม้นว่าเขาจะจ้องมองการแข่งขัน แต่ก็เพ่งเล็งไปยังอาวุโสใหญ่ตระกูลเซียวด้วยเช่นกัน.

เขาจำเป็นต้องเฝ้าระวังอีกฝ่ายเอาไว้.

ปลอดภัยเอาไว้ก่อน หากเจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่น ไม่รุกเข้าไปสังหารเซียวจุ้ยจื่อ เขาก็จะไม่จำเป็นต้องปล่อยกระสุนออกไป.

“เอ๊ะ?”

อาวุโสสำนักต้าหงที่กล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักจุน ในมือของเจ้าคืออะไรอย่างงั้นรึ?”

“ของเล่น.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ใบหน้าของอาวุโสสำนักต้าหงที่สั่นไหว ลอบคิดอยู่ในใจ “ผู้ปกครองสำนักที่น่าเกรงขาม แต่ก็ยังนำของเล่นออกมาเล่น ช่างเป็นคนที่น่าหัวเราะเยาะจริง ๆ.”

......

เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวตรงไปยังพื้นที่ผู้ชนะ.

ประจวบเหมาะระหว่างทางพบเข้ากับเซียวหลินเย่ ที่กำลังจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยความประหลาดใจ.

เซียวจุ้ยจื่อหาได้สนใจมองเขาแต่อย่างใด ก้าวเข้าไปยังพื้นที่ชนะ พร้อมกับไปนั่งหลับตาพักผ่อน.

การที่เขาสามารถเข้ารอบได้ สร้างความตื่นตะลึงงันให้กับเซียวหลินเย่มาก เห็นชัดเจนว่าเขายากจะเชื่อว่าเซียวจุ้ยจื่อสามารถเอาชนะหวังเลี่ยได้.

บนฝั่งผู้ชมของตระกูลเซียวเองแทบทุกคนต่างก็ยากจะยอมรับได้เช่นกัน.

ในเวลานี้ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นปั้นยาก ต้องไม่ลืมว่าในครั้งนี้พวกเขาต่างก็มองเซียวจุ้ยจื่อเป็นตัวตลกเข้าร่วมการประลอง เป็นเพียงตัวประกอบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เขากับเข้ารอบมาได้อย่างง่ายดาย!

เอาชนะเปิดชีพจรขั้นที่เก้า!

เหล่าลูกหลานตระกูลเซียว พลังบ่มเพาะสูงสุดคือระดับเปิดชีพจรขั้นที่เจ็ดเท่านั้น.

เซียวจุ้ยจื่อเป็นเพียงขยะในสายตาพวกเขา กับล้มคู่ต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้ มันทำพวกเขาเจ็บปวดขึ้นมาทันที.

คิดย้อนหลังกลับไปหลายปีก่อน เมื่อเซียวจุ้ยจื่อยังมีพลังบ่มเพาะ เหล่าผู้เยาว์ตระกูลเซียว ได้แต่แหงนหน้ามอง แม้แต่ประจบประแจงเขาเพื่อปรึกษาวิถียุทธ์.

หลังจากที่เซียวจุ้ยจื่อไร้ซึ่งพลัง พวกเขาก็สามารถลืมตาอ้าปาก แม้แต่หลบเลี่ยง มีบางคนที่เข้าไปทำร้ายเซียวจุ้ยจื่อเพื่อความสะใจด้วยซ้ำ.

ดังนั้น เหล่าผู้เยาว์ตระกูลเซียวแน่นอน ว่าพวกเขาย่อมไม่หวังขยะที่ถูกทิ้งลงถังไปแล้ว จะคืนกลับมาทำให้ให้พวกเขาต้องเจ็บปวดและสั่นสะท้านได้อีก.

ไม่ต้องการที่จะเห็น กลับเห็น.

ขยะที่พวกเขาก้าวข้ามไปแล้ว มาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน เอาชนะผู้ฝึกยุทธ์เปิดชีพจรขั้นเก้า.

จะให้เรียกสิ่งที่เกิดขึ้น เช่นนี้ว่าอย่างไร?

ตบหน้าอย่างแรงงั้นรึ?

ไม่ ไม่ ไม่ใช่แค่นั้นควรจะเรียกว่าถูกมีดกะซวกเข้าไปยังหัวใจ สะบั้นจิตใจทำลายความมั่นใจของพวกเขา จนหัวใจพวกเขาแหลกสลายไปด้วย!

ไม่ใช่ใบหน้าของพวกเขาที่เจ็บปวด แต่จิตใจของพวกเขาที่มันแตกระยับไปพร้อมกับใบหน้า.

......

การต่อสู้รอบแรกยังคงดำเนินไป คนที่เข้ารอบแล้วเวลานี้ก็นั่งสมาธิควบคุมลมหายใจ เพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณที่ใช้ไป.

มีเพียงศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งไม่ต้องฟื้นฟูอะไร เพราะพวกเขาไม่ได้พยายามอะไรเพื่อเข้ารอบมา ไม่ใช่แค่เซียวจุ้ยจื่อ คนอื่น ๆ ก็แทบจะไม่ได้ใช้พลังวิญญาณเลย.

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม.

การแข่งขันรอบแรกก็จบลง มีผู้เข้ารอบทั้งหมด 128 คน.

การแข่งขันรอบต่อไปของงานประลองยุทธ์ศิษย์ยุทธ์ได้แบ่งการต่อสู้ออกไปเป็นสี่โซน แต่ละโซนมีผู้เข้าร่วม 32 คน.

หลี่ชิงหยางอยู่โซน 1 ซูเซียวโม่อยู่โซนที่ 2 ลู่เชียนเชียนอยู่ในโซนที่ 3 เถียนซีและเซียวจุ้ยจื่ออยู่โซนที่ 4 .

หลังจากแบ่งโซนการต่อสู้แล้ว แต่ละโซนก็เริ่มจับคู่การแข่งขัน โซนการแข่งขันจะไม่มีการแบ่งอีกแล้ว การต่อสู้ก็จะจับคู่ต่อสู้กันไปเรื่อย ๆ เพื่อเข้ารอบต่อไปและจับคู่อีกครั้ง ไปเรื่อย ๆ จนในโซนนั้นเหลือเพียง1คน เป็นตัวแทนของแต่ละโซนเข้ารอบรอง.

จุนซ่างเซียวที่กล่าวเสียงเบา “ผ่านรอบนี้ไปอีก ภารกิจมหากาพน์ก็เพิ่มความสำเร็จอีกขั้นและได้คะแนนเพิ่มขึ้น.”

โซนที่สี่ดูเหมือนว่าจะน่าเป็นห่วง.

หากเถียนซีและเซียวจุ้ยจื่อต้องพบกันก่อนเวลา ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาแล้ว.

ในเวลาเดียวกันนั้น โซนการต่อสู้ทั้งสี่ ในเวลานี้เริ่มจับคู่ เพื่อหาผู้ชนะเข้ารอบ

“การต่อสู้รอบสองคู่ที่หนึ่ง เฉิงฉง ปะทะ เหอเหว่ย!” กรรมการ โซนที่หนึ่งประกาศเสียงดัง.

และกรรมการอีกสี่โซนก็ประกาศออกมาเสียงดัง ผู้เข้าแข่งขันแปดคนที่ก้าวขึ้นเวทีคนละมุม ทั้งสองฝั่งที่ยกมือประสานทำความเคารพกัน ก่อนเข้าต่อสู้.

เถียนซีที่อยู่คู่ที่สอง เวลานี้ได้ก้าวขึ้นบนเวทีในโซนการต่อสู้ที่สี่.

เขาที่ตรวจสอบคู่ของเขา มีนามว่าอี้ตาซือ เป็นผู้ฝึกยุทธ์เปิดชีพจรขั้นที่ 12.

“เริ่มได้!”กรรมการกล่าวเสียงดัง.

อี้ต้าซือที่ได้ดูการต่อสู้ก่อนหน้านี้มาแล้ว เขารับรู้ว่าเถียนซีนั้นมีความเร็วสูงมาก ทันทีที่ประกาศเริ่มการแข่งขัน เขาจึงชิงจังหวะเป็นฝ่ายรุกเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามในทันที.

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด