Chapter 68 จับมือกันก้าวหน้า แล้วเบ่งบานออกมาพร้อมกัน.
การต่อสู้รอบแรก คู่ที่หนึ่งเริ่มขึ้น แล้วก็จบลง.
เวลาที่กรรมการคำนวณคร่าว ๆ มันควรจะผ่านไปแค่ครึ่งวินาทีเท่านั้น.
ซุนไคยังไม่ได้แสดงฝีมือด้วยซ้ำ ก็ล้มไปกองบนพื้นแล้ว ทำให้อาวุโสสำนักต้าหงถึงกับด้วยตาเบิกกว้าง.
ก่อนหน้าจะต่อสู้กันนั้น พวกเขาต่างก็คิดว่าซุนไคจะทุบเถียนซีอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาต่างก็สงสารศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง จะต้องตกอยู่ในสภาพอนาถ
ตอนนี้ล่ะ?
มันไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคิดเลยแม้แต่น้อย.
ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนที่สีตาไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ท้ายที่สุด ก็พบว่าเป็นศิษย์ของสำนักต้าหงที่นอนกองอยู่บนพื้น ใบหน้าท่าทางของเขายังแสดงความหยิ่งผยองไม่จางหาย มีเพียงดวงตาที่เหลือกขาวไป.
ดูเหมือนว่า ทุกอย่างจะจบเร็วเกินไป แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าไม่แม้แต่เผยความตื่นตะลึงด้วยซ้ำ การต่อสู้กับจบแล้ว.
กรรมการที่ชะงักไปชั่วขณะ และประกาศออกมาในทันที “การต่อสู้รอบแรกคู่ที่หนึ่ง ผู้ชนะ เถียนซี!”
หลี่ชิงหยางที่ส่ายหน้าไปมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องเถียน คงจะอัดอั้นมากเกินไป?”
ด้วยการถูกดูแคลนเหยียดหยันจากผู้คนรอบ ๆ ทำให้อารมณ์อัดอั้น ทำให้เถียนฉีต้องการปลดปล่อยมันออกมา!
“ฮ่าฮ่าฮ่า.”
ซูเซียวโม่ที่เกาะข้างเวทีแม้แต่หัวเราะออกมาเสียงดังด้วยความสะใจ แม้แต่เอ่ยออกมาว่า “แล้วเมื่อไหร่ข้าจะได้ออกโรงบ้าง.”
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองไปยังอาวุโสอ้วน ยกมือประสานและกล่าวออกมาว่า “ต้องขออภัย ศิษย์ของข้าลงมือหนักไปหน่อย ไม่คิดว่า อีกฝ่ายจะกระจอกถึงเพียงนี้.”
ใบหน้าของอาวุโสสำนักต้าหกถึงกับแดงกล่ำ แม้แต่เริ่มมีสีเขียวคล้ำ....แต่กระนั้นก็ทำได้แค่ต้องกลืนความอัปยศนี้ลงไป.
......
เถียนซีที่ใช้เวลาเพียงครึ่งวินาทีเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ทำให้ซุนไคนอนกองไร้สติ สร้างความประหลาดต่อผู้ชมเป็นอย่างมาก.
ทว่าก็เพียงแค่ประหลาดใจเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธ์สามารถบอกได้ว่า ศิษย์สำนักต้าหงนั้นประมาทคู่ต่อสู้ ไม่แม้แต่ตั้ง การป้องกันปล่อยให้ศัตรูโจมตีทีเผลอได้.
“กับการโจมตีทีเผลอฝ่ายตรงข้ามด้วยความเร็วเช่นนี้ คงทำได้เพียงแค่รอบเดียว.”
“เหมือนที่เจ้าพูด ความเร็วของเจ้าหนูนั่นไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดาย มีเพียงแค่ความเร็ว คงทำได้แค่โจมตีทีเผลอหากต่อสู้จริง ๆ ก็มีแต่ต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย.”
เหล่าผู้เข้าแข่งขันเองก็ไม่ได้ประเมินค่าเถียนซีสูงนัก เพียงแค่ประหลาดใจกับท่าเท้าที่ร้ายกาจเท่านั้น.
“การต่อสู้รอบแรก คู่ที่สอง หลี่เหอ ปะทะ เถี่ยหลง!”
นอกจากนี้จากโซนต่อสู้แต่ละแห่ง เหล่ากรรมการก็เริ่มตะโกนเสียงดังให้เริ่มการต่อสู้แล้วเช่นกัน.
การต่อสู้ทั้งหกเวทีนั้น คัดคนออกทีละหก ทว่าโซนฝั่งของเถียนซีนั้น การต่อสู้จบลงเร็วจนฝั่งอื่นแทบจะยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ สนามต่อสู้แห่งนี้ ได้เริ่มคู่ที่สองแล้ว.
“การต่อสู้รอบแรกคู่ที่สาม จ้าวหยิง ปะทะ เหอเหริน!”
“การต่อสู้รอบแรกคู่ที่สี่......”
“การต่อสู้รอบแรกคู่ที่ห้า......”
......
กรรมการหลาย ๆ คนที่เริ่มตะโกนเริ่มการแข่งขันกันแล้ว ทุกสนาม เริ่มต่อสู้ เพื่อคัดคนเข้ารอบต่อไป.
เพราะว่าการจับสลากเพื่อหาคู่ต่อสู้ก่อนเริ่ม จึงทำให้คู่ต่อสู้ที่พบกันนั้นเป็นแบบสุ่มทำให้มีช่องว่างความแข็งแกร่งไม่สม่ำเสมอ ดังนั้นเป็นเรื่องง่ายที่ การต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็ว.
ผู้ชนะเข้ารอบ ผู้พ่ายแพ้ก็ต้องจากไป.
ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน 12 คู่ หกสนาม เวลานี้เริ่มต่อสู้กันทั้งหมดแล้ว เหล่าผู้ชมที่ส่งเสียงดังลั่นเพื่อส่งแรงใจเชียร์เหล่าคนที่พวกเขาชื่นชอบ.
จุนซ่างเซียวที่นั่งหาว หลังพิงบนที่นั่งอย่างเบาสบาย.
ผ่านไปนานเหมือนกัน กรรมการในสนามแห่งหนึ่งก็ตะโกนเสียงดัง การต่อสู้รอบแรกคู่ที่ยี่สิบ หลี่ชิงหยาง ปะทะ หูเหยา จากนั้นทั้งคู่ก็ก้าวขึ้นเวที.
“เริ่ม!”
“ปัง!”
สิ้นเสียงกรรมการ การต่อสู้กับจบลงแทบจะทันที ด้วยเช่นกัน หูเหยาที่ล่วงล้มไปกองบนพื้นเพียงแค่หมัดเดียว.
การโจมตี ที่เหมือนๆ กัน ไม่ต่างกับเถียนซีก่อนหน้านี้เลย.....
ศิษย์คนที่สองของเขาได้รับชัยชนะ จุนซ่างเซียวไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด ต้องไม่ลืมว่าพรสวรรค์ของเขานั้นไม่ธรรมดา.
“เจ้าปล่อยให้ข้าชนะ.”
หลี่ชิงหยางที่ยกมือประสานโค้งคำนับให้คู่ต่อสู้ที่นอนน้ำลายฟูมปากอยู่.
“....”กรรมการถึงกับปากกระตุก จากนั้นก็ประกาศต่อหน้าทุกคน “การต่อสู้รอบแรกคู่ที่ยี่สิบ ผู้ชนะหลี่ชิงหยาง!”
“คู่ควรกับพรสวรรค์อันดับหนึ่งของเมืองชิงหยาง ทรงพลังจริง ๆ!”
“ข้าเดาว่า เขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาด้วยซ้ำ!”
“ทว่านี่ก็แค่รอบแรกเท่านั้น คู่ต่อสู้ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร ต้องเอาจริงด้วยอย่างงั้นรึ?”
เหล่าผู้ชมที่พูดคุยกันไปต่าง ๆนานา.
สำหรับเถียนฉีถึงจะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ คนเหล่านี้ก็ยังคงดูแคลน ต่างกับหลี่ชิงหยางที่มีฉายา “พรสวรรค์อันดับหนึ่งเมืองชิงหยาง”ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาก็ยังให้เกียรติฉายาดังกล่าวอย่างดี.
......
การประลองยุทธ์สำนักยังคงดำเนินต่อไป ผู้เข้าแข็งขันที่เข้ารอบสองมีมากขึ้นเรื่อย ๆ มีหลายคนที่เอาชนะได้อย่างง่ายดาย แต่บางคนก็เอาชนะได้อย่างยากลำบาก.
และแล้วการต่อสู้รอบแรกคู่ที่ 32 ซูเซียวโม่อีกหนึ่งผลผลิตของสำนักไท่กู่เจิ้งก็ขึ้นเวที อีกฝั่งคู่ต่อสู้ของเขามีนาม ซ่งเหอ มีพลังบ่มเพาะเปิดชีพจรขั้นที่ 11.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ความแข็งแกร่งที่สุด เข้าร่วมการแข่งขันคือระดับศิษย์ยุทธ์ ดังนั้นเปิดชีพจรขั้นที่สิบเอ็ด จึงถูกนับว่า อยู่ในขั้นกลางค่อนไปทางสูง.
“ไอ้หนู.”
ซ่งเหอที่กำหมัดแน่น กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “คนเราต้องรู้จักประมาณตน รีบกระโดดลงเวทียอมแพ้ซะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า.”
“จริงรึ?”ซูเซียวโม่ที่หรี่ตาจ้องมอง.
กรรมการเอ่ย “เริ่มต่อสู้!”
“ฟิ้ว!”
ซ่งเหอที่ กำหมัดระเบิดพลัง ที่ข้อมือมีวงแหวน 11 เส้นส่องประกาย พลังวิญญาณมากมายที่แผ่พุ่งหมุนวน กระจายออกไปรอบ ๆ ก่อนที่จะถูกเหวี่ยงกรีดสายลมพุ่งออกมาด้วยความเร็ว.
“จบแล้วสินะ.”
“น่าสงสารเจ้าเด็กนั่น.”
ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าไปมา.
ในเวลาเดียวกัน ซูเซียวโม่ที่ขยับหลบอย่างรวดเร็ว ขาทั้งสองข้างของเขาที่ขยับซ้ายขวา ก้าวหมุนวนอ้อมไปอยู่ด้านหลังของซ่งเหอ หมัดของเขาที่ต่อยไปยังเอวของฝั่งตรงข้ามทันที.
“แฮก ๆ!”
ซ่งเหอที่หายใจหนักหน่วง.
“ล่วงไปซะ!”ซูเซียวโม่ที่ก้าวเขย่ง เท้าขวาที่กวาดไปตามสายลม ฟาดไปยังใบหน้าด้านขวาฝ่ายตรงข้าม ร่างของซ่งเหอลอยปลิวออกไปทันที.
“กึก.”
ร่างของฝ่ายตรงข้ามที่ลอยละล่อง ก่อนจะหล่นลงบนพื้นนอกเวที ซูเซียวโม่ที่ปัดมือแปะ ๆ “อ่อนแอจริง ๆ.”
เหล่าผู้ชมเวลานี้ถึงกับดวงตาเบิกกว้างอ้าปากหวอ.
การชนะของเถียนซีก่อนหน้านี้เพราะว่าคู่แข่งประมาทพวกเขาจึงไม่ได้ให้ค่ามากนัก ทว่าหมัดของซ่งเหอที่โจมตีออกมา พวกเขาเห็นชัดเจน แม้แต่พวกเขาเองก็ยังยากจะหลบได้!
อาวุโสชราที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง ตื่นตกใจขึ้นมาเหมือนกัน “เจ้าเด็กนั่นก็เหมือนกับคนที่ชื่อเถียนซี ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณ แต่ก็เอาชนะคนที่มีพลังบ่มเพาะระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบเอ็ดได้ นี่คือความแข็งแกร่งจากกายเนื้อล้วน ๆ!”
“การต่อสู้รอบแรกคู่ที่สามสิบสอง ผู้ชนะ ซูเซียวโม่!”เสียงของกรรมการที่ประกาศออกมา.
จุนซ่างเซียที่เผยสีหน้าดีใจเป็นอย่างมาก ห้าศิษย์ของเขา สามคนผ่านเข้ารอบแล้ว ตอนนี้ยังเหลือลู่เชียนเชียนและเซียวจุ้ยจื่อ นี่ก็สามารถบอกได้ว่า ภารกิจมหากาพน์ไม่ล้มเหลวแล้ว.
......
“ปัง! ปัง!”
หกสนามการแข่งขัน การต่อสู้ที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ไม่หยุดหย่อน.
จากนั้นไม่นาน โซนของลู่เชียนเชียน ก็ถึงเวลาของนาง กับความงดงามที่โดดเด่น ย่อมกลายเป็นที่สนใจของผู้คนรอบ ๆ เป็นอย่างมาก.
เจียงหลี่คู่ต่อสู้ของนางที่ก้าวขึ้นเวที กล่าวออกมาด้วยท่าทางอักอ่วน “ต่อยผู้หญิงไม่ใช่แนวของข้าเลย ยังไงก็ขออภัยด้วย.”
ลู่เชียนเชียนที่เอ่ยกล่าวออกมาเบา ๆ “ขยะ.”
“เริ่มต่อสู้ได้.”กรรมการเอ่ยเสียงดัง.
เจียงหลี่ที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ว่าเขาจะจัดการสตรีผู้นี้อย่างไรโดยยังรักษาภาพพจน์ ในเวลานั้นร่างกายของเขากับรู้สึกว่ากำลังลอยอยู่ ก่อนที่จะล่วงหล่นลงบนพื้น ไม่แม้แต่สามารถลุกขึ้นได้ต่อไปได้.
พรึด โครม ร่างของเขาที่กองอยู่บนพื้นไร้ซึ่งสติ ไม่อาจต่อสู้ได้อีก.
ลู่เชียนเชียนที่ยืนอยู่กับที่ อย่างไรก็ตามมีเพียงแค่แขนเรียวขาวของนางเท่านั้นที่ขยับ ก่อนที่นางจะหันหน้าไปยังกรรมการ ทำให้กรรมการได้สติและเร่งรีบประกาศออกมาในทันที “การต่อสู้รอบแรกคู่ที่ห้าสิบ ผู้ชนะ ลู่เชียนเชียน!”
เหล่าผู้ชมเวลานี้กลายเป็นเงียบงันอย่างสมบูรณ์.
ทุกคนที่จ้องมองไปยังลู่เชียนเชียนก่อนหน้านี้ ลู่เชียนเชียนที่สะบัดมือผลักไปด้านหน้าเท่านั้น แน่นอนนั่นต้องเป็นพลังวิญญาณอย่างไม่ต้องสงสัย!
“แท้จริงแล้วนางก็มีพลังวิญญาณ ทว่าซ่อนมันเอาไว้ ทำให้คนอื่น ๆไม่สามารถมองเห็นได้!”
“โอ้ว สวรรค์ เพียงแค่สะบัดมือไปด้านหน้าก็ผลักผู้ฝึกยุทธ์เปิดชีพจรขั้นที่สิบสองกระเด็นออกไปได้ นางต้องมีพลังวิญญาณแข็งแกร่งขนาดใหนกัน!”
ทุกคนต่างอุทานออกมาเสียงดัง.
เหล่าผู้ชนะจากโซนอื่น ๆ เวลานี้ต่างก็จ้องมองไปยังลู่เชียนเชียน พร้อมกับกล่าวออกมาเสียงเบา “ศัตรูที่ทรงพลัง.”
“การต่อสู้รอบแรกคู่ที่ 51 เซียวจุ้ยจื่อ ปะทะ หวังเลี่ย!”
เสียงของกรรมการที่ดังก้องไปทั่วสนามแข่งขัน.
ในเวลานั้นสายตาของผู้ชมและผู้เข้าร่วมการแข่งขันแทบทุกคน ต่างก็จดจ้องมองไปยังเวทีของเซียวจุ้ยจื่อ ที่มุมปากพวกเขายกขึ้นด้วยความเหยียดหยัน.
ท้ายที่สุดขยะก็ขึ้นเวทีแล้ว
ในเวลานั้นคู่ต่อสู้ของเขาเผยความดีใจสุด ๆ ออกมา.
“กึก.”
เซียวจุ้ยจื่อก้าวขึ้นเวที ได้ยินเสียงพูดคุยนินทาเหยียดหยันเขาไม่หยุด ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจลึก.
เขายังคงจำคำพูดของเจ้าสำนักก่อนหน้านี้ได้ ที่กล่าวว่า อย่าเอาคำพูดของคนภายนอกมาทำให้จิตใจวุ่นวาย.
หวังเลี่ยที่ก้าวขึ้นเวที เผยยิ้มล้อเลียน “คาดไม่ถึงเลยว่าข้าหวังเลี่ย จะได้ต่อสู้กับสุดยอดพรสวรรค์ที่พันปีจะมีสักคน ช่างเป็นเกียรติประวัติจริง ๆ.”
“เริ่มได้.”กรรมการกล่าว.
“ฟิ้ว!”
หวังเลี่ยที่ลงมือในทันที เขาที่ระเบิดพลังออกมา หมัดของเขาที่ต่อยไปยังไหล่ของฝ่ายตรงข้าม.
พลังวิญญาณที่แผ่ออกมานั้น ทำให้ผมของเซียวจุ้ยจื่อโบกสะบัดอย่างรุนแรง.
“ตูมมมมม!”
ไหล่ของเขาที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรง แม้แต่พื้นดิน ยังบิดเบี้ยวงอขึ้นมา ฝุ่นผงคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ.
“เฮ้เฮ้ ดูนั่น เจ้าขยะนั่นถึงกับกล้าไม่หลบการโจมตี!”
“ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งคนอื่น ๆ ที่เข้ารอบไปหมดแล้ว ดูเหมือนว่าท้ายที่สุดก็มีคนตกรอบแล้วสินะ.”
ทุกคนที่เริ่มหัวเราะชอบใจ.
หากแต่รอยยิ้มของพวกเขากลับชะงัก เผยแววตาที่ไม่อยากเชื่ออกมา.
บนเวที เซียวจุ้ยจื่อที่รับการโจมตีพันจินกระแทกเข้าอย่างรุนแรง เขายืนนิ่งไม่ล้มลง แม้แต่ที่มุมปากเผยยิ้มออกมาด้วยซ้ำ.
“เป็นไปไม่ได้......”หวังเลี่ยที่เผยท่าตื่นตะลึง.
เซียวจุ้ยจื่อที่คว้าไปยังแขนของเขาและกล่าวออกมาว่า “ความแข็งแกร่งของเจ้าเทียบกับเครื่องปั้นกล้ามเนื้อไม่ได้เลย.”
ฟิ้ว โครมมมมมมมม!
ทันใดนั้นร่างของหวังเลี่ยถูกจับเหวี่ยงลอยออกไปทันที ใบหน้าของเขาที่ไถไปบนพื้น.
บนที่นั่งผู้ชมเวลานี้ กลายเป็นเงียบสนิท......