ตอนที่แล้วChapter 63 ยกระดับสิ่งก่อสร้างสำนัก เปิดหอหลอมยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 65 มีคนกำลังดูแคลนศิษย์น้องของเจ้า ควรทำอย่างไร?

Chapter 64 มือสองข้างขัดไว้หลังศีรษะ แล้วหมอบลงบนพื้น.


บนหลังคาห้องโถง ปรากฏเป็นหลุมหนึ่งเมตรขึ้นมาทันที เศษหลังคาที่กระเซ็น ฟุ้งกระจายเป็นฝุ่นไปบนอากาศ.

นักฆ่าชุดดำอีกสองคนที่รอคอยโอกาสอยู่ ทันใดนั้นก็เห็นลำแสงที่พุ่งขึ้นมาบนหลังคา แววตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยความตกใจ.

สหายร่วมทีมของเขาคนหนึ่ง ถูกสังหารไปในทันที มันเร็วเกินไป กลายเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงแม้แต่น้อย เพียงแค่เงยหน้าก็เห็นแสงสีเงินพุ่งขึ้นมา พร้อมกับเสียงดังสนั่น.

เพราะแสงสีเงินที่เคลื่อนที่ผ่านมาในพริบตาเดียว ทั้งคู่จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น.

จากนั้น...เขาเห็นเพียงแค่หน้าอกเพื่อนร่วมทีมกลายเป็นรู ก่อนที่จะกระเด็นและล่วงหล่นจากบนหลังคา.

“พรึด ซี่!”

นักฆ่าชุดดำที่ถูกสังหารล่วงหล่นบนพื้น โลหิตที่ไหลกระจาย ไม่แม้แต่ได้ส่งเสียง ใด ๆ ออกมา.

“ติ้ง!”

“จัดการนักฆ่าที่ลอบสังหารโฮสน์ 1/3[ภารกิจระดับสูง]

จุนซ่างเซียวที่ถือปืนอย่างมั่นคง ลำก้องที่ชี้ไปยังนักฆ่าอีกคน แค่นเสียงเย็นชา “กล้ามาลอบสังหารเปิ่นจั้ว ใจกล้ามากจริง ๆ!”

เพียงแค่มีปืนในมือ ทำให้เขาอุ่นใจกับความปลอดภัยของเขาอย่างแท้จริง!

“วิ้ง!”

นักฆ่าชุดดำอีกคนที่หันหน้าจ้องมองมา แววตาที่ระเบิดจิตสังหารออกมาอย่างรุนแรง ขณะที่เตรียมปล่อยอาวุธลับโจมตีจุนซ่างเซียว.

จุนซ่างเซียวก็เหนียวไกทันที เพียงแค่สัมผัสเบา ๆ เท่านั้น.

“ปัง!”

กระสุนปืนที่ระเบิดริ้วแสงในพริบตาเดียวออกไป เจาะทะลวงหน้าผากของฝ่ายตรงข้ามด้วยความเร็วสูง บนหลังคาปรากฏอีกรูหนึ่งขึ้น ร่างของนักฆ่าที่ล่วงหล่นลงบนพื้นตำหนักทันที.

“ติ๊ง!”

“จัดการนักฆ่าที่ลอบสังหารโฮสน์ 2/3[ภารกิจระดับสูง]

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวยังคงยืนอย่างมั่นคง ปากกระบอกปืนที่ชี้ไปยังนักฆ่าคนที่สาม กล่าวออกมาเล็กน้อย “หากเจ้าคิดว่าความเร็วของตัวเองเร็วกว่าอาวุธลับของเปิ่นจั้ว ก็ลองขยับดู.”

ชายในชุดดำที่ตั้งใจจะหนีในทันที ทว่าร่างกายของเขาถึงกับแข็งค้าง เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว แววตาที่เผยความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงออกมา.

เพื่อนร่วมทีมคนแรกถูกสังหารไปด้วยอาวุธลับ นั่นเป็นเพราะถูกโจมตีอย่างคาดไม่ถึง จึงไม่ได้ทันระวังตัว ทว่าเพื่อนร่วมทีมคนที่สอง ถูกสังหารทั้งที่รู้ตัวกับไม่อาจตอบสนองหลบหลีกได้ ทำให้เขาถึงกับหนังหัวชาหนึบไปในทันที.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

ลู่เชียนเชียนและหลี่ชิงหยางที่เร่งรีบออกมาจากค่ายกลรวมวิญญาณ ทันทีที่เห็นนักฆ่าในชุดดำนอนอาบกองโลหิตอยู่ จากนั้นก็เห็นเจ้าสำนักเล็งกระบอกปืนไปยังนักฆ่าในชุดดำคนที่สาม ที่กำลังยืนตัวแข็งบนหลังคา.

นี่คือนักฆ่า!

......

นักฆ่าที่ลอบเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในมุมอับ รอคอยโอกาสอยู่เหมือนกับงูพิษ หากว่าสบโอกาส จะพุ่งเข้ากัดอย่างคาดไม่ถึงในทันที.

ความน่ากลัวของนักฆ่า คือการปรากฏกายและหายไป ผลุบ ๆ โผล่ ไม่สามารถติดตามได้ เหมือนกับภูตผี ยากที่จะมีคนรับรู้ตัวตนของเหล่านักฆ่าได้.

อย่างไรก็ตาม นักฆ่าในชุดดำที่ถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย ไม่ควรคู่กับชื่อเสียงนั่นเลย สองร่างที่นอนจมกองโลหิต ทำให้เหล่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งเข้ามามุงและพูดคุยถกกันเสียงดัง อื้ออึง.

“นั่นคือนักฆ่าอย่างงั้นรึ?”

“สวมชุดดำในเวลากลางวัน มันไม่โดดเด่นไปหน่อยรึอย่างไร?”

“ดูเหมือนว่า พวกมันจะมีพลังบ่มเพาะระดับศิษย์ยุทธ์นะ.”

ทุก ๆ คนที่พูดคุยกันไปมาขณะจับจ้องมองนักฆ่า ราวกับว่ากำลังมุงดูของแปลกด้วยความสนใจ.

ชายชุดดำที่ยังรอดคนเดียวเห็นเพื่อนร่วมทีมนอนจมกองเลือดตายไปแล้ว ทำให้เวลานี้เขาหวาดผวา ไม่กล้าขยับ เพราะว่าอาวุธลับที่ปล่อยแสงสีเงินนั้นได้เล็งเป้ามายังตัวเขาแล้ว.

อีกทั้งเวลานี้ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง ได้ล้อมรอบปิดทางไปทั้งหมด ไม่มีโอกาสให้หลบหนีได้เลย.

การลอบสังหารในครั้งนี้ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง.

จุนซ่างเซียวที่นั่งลงบนเก้าอี้ ไขว้เท้าเอ่ยออกมาว่า “ยังจะอยู่ตรงนั้นอีก? เมื่อไหร่จะลงมา?”

ชายในชุดสีดำที่ทำได้แค่กระโดดลงมาจากบนหลังคา.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ทิ้งอาวุธที่มีทั้งหมดลงพื้น ยกมือสองข้างขึ้นขัดกันไว้ที่ท้ายทอย แล้วหมอบลงไปบนพื้น.”

“กึก.”

นักฆ่าที่โยนอาวุธลับที่เป็นเหมือนกับเขาสัตว์ห้าอันลงไปบนพื้น นักฆ่าชุดดำเวลานี้ทำได้แค่ต้องเชื่อฟังคำสั่งเท่านั้น.

“ฟิ้ว!”

หลี่ชิงหยางที่พุ่งเข้าไป กระบี่หานเฟิงที่วางไว้บนคอของเขา.

นักฆ่าคนดังกล่าว เวลานี้ไม่มีพลังต่อต้านแล้ว กระนั้นเจ้าสำนักจุนก็ยังคงเล็งปืนไปยังนักฆ่าอยู่ ไม่ใช่ว่าเพราะระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทว่าหลังจากยิงไปสองนัดต่อเนื่อง แขนของเขามันแข็งจนเป็นตะคิวไปแล้ว!

ครั้งแรกที่เขายิง ถูกแรงดีดลอยออกไป 3-5เมตร ตอนนี้ยิงสองนัด ยังคงสามารถยืนนิ่งไม่ขยับ นับว่าเป็นการพัฒนาเป็นอย่างมาก.

ไม่ธรรมดาเลย.

การฝึกร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยเครื่องปั้นกล้ามเนื้อ ช่วยได้มากจริง ๆ.

“ติ้ง!”

“จัดการนักฆ่าที่ลอบสังหารโฮสน์ 3/3[ภารกิจระดับสูง]

“ติ้ง!”

“ยินดีกับโฮสน์ที่ทำภารกิจสนับสนุนสำเร็จ ได้รับ 30 แต้มสนับสนุน.”

“ติ้ง!”

“คะแนนสนับสนุนสำนัก : 92 / 500.”

เมื่อหลี่ชิงหยางและซูเซียวโม่ได้มัดร่างของนักฆ่าอย่างแน่นอนแล้ว ภารกิจสนับสนุนก็เป็นไปตามเงื่อนไขและสำเร็จในที่สุด.

ที่เรียกว่าจัดการนักฆ่า ไม่หมายได้หมายความรวม ว่าต้องสังหารเท่านั้น ยังหมายถึงการจับกุมตัวได้ด้วย.

จุนซ่างเซียวที่จุปากเบา ๆ  ลอบคิดในใจ “ได้รับสามสิบแต้มเลย ไม่เลว ไม่เลว.”

“เจ้าสำนัก ทำอย่างไรดีกับนักฆ่าคนนี้?”หลี่ชิงหยางเอ่ยถาม.

จุนซ่างเซียวที่ก้าวไปด้านหน้า พร้อมกับเปิดโม่งปิดหน้าเขาออก ปรากฏเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าบ้าน ๆ เขาเอ่ยออกมาว่า “บอกข้ามาสิว่าใครสั่งให้มาสังหารเปิ่นจั้ว?”

“หลักการของนักฆ่าข้อแรก จะไม่มีทางเปิดเผยชื่อผู้ว่าจ้างเด็ดขาด!”นักฆ่าที่กัดฟันแน่น.

จุนซ่างเซียวที่โค้งจ้องมองไปยังดวงตา พร้อมกับกล่าวออกมาว่า “ที่จริงเจ้าไม่ต้องเอ่ยก็ได้ เปิ่นจั้วรู้อยู่แล้วว่าใครส่งเจ้ามาสังหารข้า คงไม่พ้นสำนักหลิงชวนอยู่แล้ว.”

สายตาของนักฆ่าที่สั่นส่ายไปมา ยากที่จะปกปิดเอาไว้ได้.

จุนซ่างเซียวราวกับว่าได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว เอ่ยออกไปว่า “ผนึกชีพจรทั้งหมด แล้วเอาไปขังเอาไว้.”

“ครับ.”

เถียนซีและซูเซียวโม่ได้ลากตัวนักฆ่าออกไป.

เหล่าศิษย์ต่างก็แยกย้าย ทว่าขณะแยกไปนั้นยังคงพูดคุยกันเสียงดัง หลายคนที่เผยความเสียดายที่ไม่ได้เห็นพลังอำนาจอาวุธลับของเจ้าสำนัก.

......

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนานมู่หมื่นปี ลอบคิดในใจ “ไม่สงสัยเลยว่าเห็นเงียบ ๆ แท้จริงก็กำลังว่าจ้างนักฆ่ามาสังหารข้านี้เอง.”

ที่ตำหนักเจ้าเมืองเขาสังหารสองพี่น้องเหว่ยอี้เล่อไป เขารู้ดีว่าเขากับสำนักหลิงชวนเป็นดั่งน้ำกับไฟไม่มีทางลงรอยกันได้อีกแล้ว ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามเล่นไม้นี้.

“ครั้งแรกว่าจ้างโจรภูเขาเพื่อจับตัวศิษย์ของข้า ตอนนี้ว่าจ้างนักฆ่ามาสังหารข้า ดูเหมือนว่าคงปล่อยไปไม่ได้แล้ว.”แววตาของจุนซ่างเซียวทีแผ่จิตสังหารที่รุนแรงออกมา.

หากว่าเขายังคงเมินเฉย เรื่องนี้คงไม่จบไม่สิ้นแน่.

อีกฝ่ายจะต้องส่งคนมาฆ่าเขาไม่หยุดหย่อนแน่ ในเมื่อมาก้าวก่ายยุแหย่ข้าไม่หยุด ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้ายก็แล้วกัน.

“ไว้งานประลองยุทธ์สำนักจบแล้ว ข้าต้องเอาคืนแน่ ข้าจะให้ทุกคนได้รับรู้ เหล่าจื่อไม่ใช่คนที่จะยุแหย่หาเรื่องได้.”

ในเวลาเดียวกันภายในใจของจุนซ่างเซียวก็ตัดสินใจเด็ดขาด.

เขาที่เปิดคอนโซนร้านค้าขึ้นมาทันที ก่อนที่จะเลือกซื้อเมล็ดเปลวเพลิงทันที.

“ติ้ง!”

“โอสน์ใช้ 50 แต้มสนับสนุน ได้รับเมล็ดเปลวเพลิงระดับสุดยอด เพลิงประณีต (หลิงหลง) 1 ได้ถูกส่งเข้าไปในแหวนมิติแล้ว.”

“ติ้ง!”

“คะแนนสนับสนุน : 42 / 100.”

......

“ฟิ้ว!”

ในแหวนมิติเวานี้ จุนซ่างเซียวที่เห็นกลุ่มก้อนเปลวเพลิงขนาดเล็กที่กำลังลุกไหม้อยู่เรื่อย ๆ นี่คือเพลิงประณีต เพราะว่าซื้อมาจากร้านค้าได้ เวลานี้เขาสามารถหลอมรวมเข้ากับมันได้อย่างง่ายดาย.

เมื่อเขาหลอมรวมเข้ากับเมล็ดเปลวเพลิง จะถูกนับว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ธาตุเปลวเพลิง ด้วยการที่เขาครอบครองเมล็ดเปลวเพลิง เมื่อผสานเข้ากับพลังวิญญาณก็จะสามารถจุดไฟขึ้นในอากาศได้.

เปลวเพลิงดังกล่าว ยังสามารถใช้ในการปรุงยาได้อีกด้วย!

จุนซ่างเซียวได้มอบตั๋วเงินหนึ่งพันเงิน ให้กับศิษย์สองคน ให้เดินทางไปยังเมืองชิงหยางเพื่อซื้อวัตถุดิบปรุงยาทั้งสี่ชนิด ส่วนตัวเขายังคงบ่มเพาะวิชาอยู่ในสำนัก.

ก่อนค่ำ ศิษย์ของเขาก็กลับมาจากการซื้อวัตถุดิบ.

แม้นว่าจะซื้อวัตถุดิบทำยามามากมายมา ทว่าวัตถุดิบที่ได้มาคงทำได้แค่เพียงปรุงยาฟื้นฟูระดับสามัญขั้นต้นห้าเม็ด สองเม็ดยาบูรณะร่างกาย ส่วนเม็ดยารวมวิญญาณและผสานวิญญาณนั้นไม่สามารถปรุงได้เลยเพราะไม่มีวัตถุดิบเพียงพอ.

จุนซ่างเซียวที่ไม่เอ่ยอะไรอีก ก่อนที่จะเปิดฟังชังหอปรุงยาขึ้นมาทันที.

ที่คอนโซนเม็ดยา ปรากฏวัตถุดิบและเพลิงประณีตที่ครบแล้ว สามารถกดปุ่มปรุงยาได้แล้ว.

คลิกเลย.

การหลอมปรุงยาเริ่มขึ้น.

“ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!”

หลังจากผ่านไป 30 นาที เม็ดยาฟื้นฟู ห้าเม็ดและ สองเม็ดยาบูรณะร่างกาย ได้ปรากฏขึ้นในแหวนมิติ.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เคยอ่านในนิยาย นักปรุงยาจะปรุงยาได้แต่ละเม็ดบรรยายซะยืดยาวยากลำบากสุด ๆ ไม่คาดคิดเลยว่า การมีระบบช่วยปรุงยา ด้วยฟังก์ชันหอปรุงยาจะง่ายดายเช่นนี้.”

เม็ดยาฟื้นฟูไม่จำเป็นต้องใช้ในเวลานี้ เขาที่นำมันใส่ลงไปในขวดยาที่เตรียมไว้ จากนั้นก็นำเม็ดยาบูรณะร่างกายออกมา.

ทันทีที่เขาทดสอบกินเม็ดยาดังกล่าวลงไป เส้นโลหิตและกล้ามเนื้อเปลี่ยนไปทันที!

“ปัง!”

หมัดของจุนซ่างเซียวที่ต่อยไปยังเครื่องทดสอบพลัง ปรากฏเลข 2200 จิน.

ตั้งแต่เขาเชื่อมเส้นชีพจรทั้ง 12 เส้นได้ เขาได้ทดสอบพลังก่อนแล้วมีพลัง 2000 จิน และหลังจากกินเม็ดยาบูรณะร่างกาย พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นถึง 200 จินทันที!

“กึก ซี่.”

ในเวลานั้น เซียวจุ้ยจื่อที่ร่างกายไถลออกมาจากห้องปั้นร่างกาย.

จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้าไป ก่อนที่จะนำเม็ดยาที่เหลืออีกเม็ด ใส่เข้าไปในปากของเซียวจุ้ยจื่อทันที “เจ้าคือศิษย์ของข้า อย่าได้ทำให้เปิ่นจั้วผิดหวัง.”

......

หกวันหลังจากนั้น.

หลี่ชิงหยางและศิษย์คนอื่น ๆ ที่เสร็จสิ้นการฝึกโหมดปิศาจ ในเวลานี้กำลังยืนรอคอยอยู่ลานยุทธ์สำนัก.

จุนซ่างเซียวที่สวมชุดสีขาว ขณะที่เขาก้าวออกมาจากห้องโถง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสดใส “ถึงเวลาที่จะเดินทางไปยังเมืองลี่หยางเพื่อเข้าร่วมประลองยุทธ์สำนักแล้ว เปิ่นจั้ว มีเพียงคำขอเดียว พวกเจ้าจะต้องได้ห้าลำดับแรกกลับมา!”

“รับทราบ!”

หลี่ชิงหยางและซูเซียวโม่ ศิษย์ชายสี่คนที่ตอบรับเสียงดัง.

เสียงของจุนซ่างเซียวที่ดึงดูด เหล่าศิษย์ทุกคนในสำนักให้จดจ้องมองมา นี่คือก้าวแรกในการสร้างชื่อเสียงให้กับสำนักไท่กู่เจิ้งในทวีปชิงหยุน!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด